กลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย รวมตัวหน้าสถานทูตมาเลเซีย จี้ "อันวาร์" หยุดแทรกแซงกิจการไทย ไล่เรียงแต่งตั้งทักษิณ–ฮุน เซน เป็นที่ปรึกษา เปิดช่องสหรัฐฯ แทรกแซงข้อพิพาทชายแดนไทย–กัมพูชา ทำลายหลักการอาเซียน กระทบอธิปไตยไทย ก่อนเตรียมเคลื่อนขบวนไปสถานทูตสหรัฐฯ ยื่นหนังสือเรียกร้องต่อเนื่อง
วันนี้ (22 พ.ย.) ที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำกรุงเทพฯ ถนนสาทรใต้ กลุ่มผู้ชุมนุมที่ใช้ชื่อว่า กลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย ประกอบด้วย นายนิติธร ล้ำเหลือ นายพิชิต ไชมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน รวมตัวกันที่หน้าสถานทูตมาเลเซีย ถนนสาทรใต้ เพื่อเรียกร้องให้นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน หยุดแทรกแซงกิจการในประเทศไทย กรณีสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา
โดยมีการอ่านแถลงการณ์ สาระสำคัญระบุว่า นับตั้งแต่มาเลเซียเข้ารับตำแหน่งประธานอาเซียนในปี 2568 นายอันวาร์ในฐานะผู้นำอาเซียน ได้สร้างความเคลือบแคลงสงสัยแก่ประชาคมอาเซียนและสังคมโลก ด้วยการแต่งตั้งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เป็นที่ปรึกษาส่วนตัว ไม่มีผู้ใดเข้าใจการตัดสินใจครั้งนี้ และไม่มีใครทราบบทบาทที่แท้จริงของบุคคลทั้งสองในตำแหน่งนี้ต่อผลประโยชน์ของอาเซียน
ต่อมาเมื่อเกิดการปะทะโดยการเริ่มต้นของกัมพูชาบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 24 ก.ค. ภายใต้การสั่งการของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ การกระทำของนายอันวาร์ ได้เรียกประชุมเจรจาหยุดยิงอย่างเร่งรีบที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ การริเริ่มของนายอันวาร์ครั้งนี้ ดำเนินการไปอย่างไม่รอบคอบและไม่อยู่บนพื้นฐานที่มั่นคง ส่งผลให้การปฏิบัติตามข้อเจรจาหยุดยิงล้มเหลว
การกระทำของนายอันวาร์ จงใจเปิดช่องให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เข้ามาแทรกแซงกิจการภายในอาเซียน กระทบต่อความมั่นคงของภูมิภาคโดยตรง และได้ทำลายหลักการสำคัญ 2 ประการ ของสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือของอาเซียน (TAC) ซึ่งประกอบด้วย 1. การไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศสมาชิก และ 2. การละเว้นจากการข่มขู่หรือการใช้กำลัง ในมิติระหว่างประเทศ
การกระทำของนายอันวาร์ ยังเป็นการคุกคามแนวคิดของอาเซียน ในฐานะกลไกป้องกันความขัดแย้งและแก้ไขปัญหาอย่างสันติ ตลอดจนเจตนารมณ์ดั้งเดิมเรื่องความเป็นกลาง โดยประเทศไทยและกัมพูชาต่างก็เป็นหุ้นส่วนด้านความมั่นคงของสหรัฐและจีน หากอาเซียนไม่สามารถไกล่เกลี่ยความขัดแย้งผ่านกลไกภูมิภาคของตนเองได้ การแทรกแซงจากมหาอำนาจย่อมเสี่ยงทำให้อาเซียนถูกกันออกจากกระบวนการ นายอันวาร์ ได้อ้างหลักการแก้ไขข้อพิพาท ตามแนวทางวิถีอาเซียน คือการเจรจาผ่านกลไกภูมิภาค แต่ความคับแคบทางความคิดของนายอันวาร์ กลับทำให้การไกล่เกลี่ยเพื่อสันติภาพล้มเหลวอย่างประจักษ์ชัด
ประการแรก การเจรจาหยุดยิงครั้งแรกที่กัวลาลัมเปอร์ ซึ่งนำไปสู่การประกาศ "ข้อตกลงสันติภาพกัวลาลัมเปอร์" เป็นการกระทำที่มุ่งสร้างภาพและขยายอิทธิพลทางการเมืองของนายอันวาร์ ขณะเดียวกันก็แสดงตัวเป็นผู้รับใช้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างไร้เกียรติศักดิ์ศรีในฐานะผู้นำอาเซียน ขัดต่อจุดยืนของประชาชนมาเลเซียที่ต่อต้านการรุกรานฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ ภายใต้การสนับสนุนของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ทั้งข้อตกลงดังกล่าวขาดองค์ประกอบสำคัญหลายประการของการหยุดยิงอย่างยั่งยืน เช่น เงื่อนไขการอ้างอิงเพื่อป้องกันการใช้กำลังรุนแรง การจัดตั้งกลไกตรวจสอบ ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม วัตถุประสงค์ที่ชัดเจนของความช่วยเหลือทางการทูตเพื่อคลี่คลายเจตจำนงทางการเมืองของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหา แต่นายอันวาร์ กลับให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์มากกว่าการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ
ประการที่สอง หลังจากนั้น นายอันวาร์ ยังเชิญอำนาจภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งทำให้แนวทางวิถีอาเซียน ในการบริหารจัดการข้อพิพาทภายในภูมิภาคไร้ความหมาย การกระทำและวาระของ นายอันวาร์ ที่มุ่งหวังผลประโยชน์ระยะสั้นด้านภาษีศุลกากรกับสหรัฐฯ ล้วนเกิดขึ้นโดยแลกกับความเป็นเจ้าของกลไกภูมิภาคของอาเซียน ผลประโยชน์ของ นายอันวาร์ คือ การสูญเสียของอาเซียนและการสูญเสียอำนาจอธิปไตยเขตแดนของไทย
การกระทำของนายอันวาร์ จึงเป็นการชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าอาเซียนโดยตรง นอกจากนี้ นายอันวาร์ ยังเป็นอุปสรรคสำคัญในการแก้ไขปัญหาความมั่นคงชายแดนใต้ของไทยมาโดยตลอด ทุกครั้งที่การเจรจากับกลุ่มก่อความไม่สงบ นายอันวาร์ จงใจส่งตัวแทนที่ไม่มีอำนาจสั่งหยุดยิงมาเจรจากับไทย ทั้งที่ทราบดีว่าใครเป็นผู้สั่งการตัวจริง และยังมีการเปลี่ยนผู้เจรจาอยู่เสมอ ทั้งเมื่อการเจรจามีความคืบหน้า นายอันวาร์ ก็จะปรับกระบวนการให้ไปเริ่มต้นใหม่ทุกครั้ง แสดงให้เห็นชัดเจนว่า นายอันวาร์ มีส่วนสำคัญในการก่อความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ของไทย
ในฐานะประชาชนคนไทย ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า มาเลเซียคือประเทศเพื่อนบ้านที่มีความผูกพันใกล้ชิด รวมทั้งไม่มีปัญหาใด ๆ กับประชาชนชาวมาเลเซีย แต่ต่อต้านพฤติกรรมของนายอันวาร์ ในฐานะผู้นำอาเซียน ที่ใช้เวทีอาเซียนเป็นเวทีส่วนตัว เพื่อประโยชน์ทางการเมืองภายในของตนเอง มากกว่าผลประโยชน์ของอาเซียนโดยรวม จึงขอประณามการกระทำของ นายอันวาร์ อิบราฮิม ในฐานะผู้นำอาเซียน ที่แทรกแซงกิจการภายในของไทย ส่งผลให้ไทยสูญเสียอำนาจอธิปไตยเขตแดน และเปิดช่องให้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ แทรกแซงอำนาจอธิปไตยไทยและความมั่นคงของภูมิภาคอาเซียน
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ในวันเดียวกัน กลุ่มผู้ชุมนุมจะเดินเท้าไปยังสถานเอกเอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องให้หยุดแทรกแซงสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา


