โรงแรมดุสิตธานี พัทยา ประกาศเจตนารมณ์สำคัญในการยกระดับมาตรฐานวัตถุดิบสู่ความยั่งยืน ด้วยการเปลี่ยนมาใช้ไข่จากแม่ไก่ที่เลี้ยงแบบไม่ขังกรง (cage-free eggs) 100% ในทุกเมนูอาหาร โดยตั้งเป้าหมายให้บรรลุผลสำเร็จภายในปี 2025 พร้อมรับมอบใบประกาศจากคะตะลิสต์ วิสาหกิจเพื่อสังคม องค์กรด้านการส่งเสริมสวัสดิภาพสัตว์และความยั่งยืนในอุตสาหกรรมอาหาร
การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนถึงการปรับกลยุทธ์ของอุตสาหกรรมโรงแรมและการท่องเที่ยวที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้น เพื่อตอบสนองต่อพฤติกรรมนักท่องเที่ยวยุคใหม่ที่ใส่ใจในที่มาของอาหารและสวัสดิภาพสัตว์ ซึ่งกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกที่พักมากขึ้นเรื่อยๆ ไข่ที่มาจากแม่ไก่ที่เลี้ยงแบบไม่ขังกรง ช่วยยกระดับคุณภาพของวัตถุดิบอย่างเห็นได้ชัด เพราะไก่จะได้รับการเลี้ยงดูในสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ ไม่ถูกขังในกรงแคบ ส่งผลดีต่อสุขภาพของแม่ไก่โดยตรง และไข่ที่ได้ก็จะมีคุณภาพที่ดีขึ้นทั้งในด้านรสชาติและสารอาหารที่เป็นธรรมชาติ
‘ มุมมองจากครัวสู่คุณภาพที่สัมผัสได้ ’
คุณฐาปกรณ์ สมจิตร Executive Chef โรงแรมดุสิตธานี พัทยา กล่าวว่า "การเลือกใช้ไข่ไร้กรง (cage-free eggs) ที่ดุสิตธานีพัทยา เราคำนึงถึงสุขภาพของทั้งลูกค้าและพนักงานเป็นหลัก เพราะไข่จากไก่ที่ได้เลี้ยงแบบปล่อยมีคุณค่าทางโภชนาการที่สมบูรณ์กว่า ปราศจากสารเร่งและยาฆ่าเชื้อที่ไม่จำเป็น เมื่อไก่มีความสุข ไข่ที่ได้ก็มีคุณภาพดี นำสิ่งดีๆ มาสู่โต๊ะอาหาร"
ด้วยปริมาณการใช้ไข่สูงถึง 20,000-30,000 ฟองต่อเดือน โรงแรมดุสิตธานี พัทยา จึงต้องวางแผนการจัดซื้ออย่างเป็นระบบด้วยการสั่งล่วงหน้าอย่างน้อย 15 วัน เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพและปริมาณที่เพียงพอต่อการให้บริการ "ความยั่งยืนในปัจจุบันไม่ใช่แค่คำพูด แต่เป็นการกระทำที่ส่งผลในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นความยั่งยืนของธรรมชาติ ของสุขภาพ และของธุรกิจ ไข่ไร้กรงอาจเป็นก้าวเล็กๆ แต่สร้างคุณประโยชน์มหาศาล" เชฟกล่าวทิ้งท้าย
การรับมอบใบประกาศจากคะตะลิสต์ในครั้งนี้ ถือเป็นการยืนยันความมุ่งมั่นของโรงแรมดุสิตธานี พัทยา ในการส่งเสริมการใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมโรงแรมและการท่องเที่ยวของไทยไปพร้อมๆ กัน การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่เพียงแต่ยกระดับคุณภาพอาหารและบริการ แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ ESG (Environmental, Social, and Governance) ที่จะช่วยสร้างความแตกต่างและเพิ่มมูลค่าให้กับแบรนด์ในระยะยาว สอดคล้องกับความคาดหวังของนักท่องเที่ยวสากลที่มีจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมมากขึ้น


