ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาบริเวณชายแดนส่อเค้าตึงเครียดอีกครั้ง! ท่ามกลางขั้นตอนการ 'ถอนอาวุธยิงระยะไกล' กลับมีสัญญาณว่ากัมพูชาเริ่มกลับมามีพฤติกรรมไม่เป็นมิตร ซ้ำรอยเดิม ล่าสุดทหารไทยบาดเจ็บจากกับระเบิดเพิ่มอีก 2 นาย ทำให้ประชาชนเรียกร้องให้รัฐบาลไทยต้องแสดง ความกล้าหาญ เด็ดขาด ทบทวนท่าทีการเจรจา เลิกประนีประนอม และนำมาตรการกดดันที่รุนแรงขึ้น รวมถึงการใช้ศักยภาพทางทหารเข้ามากดดัน เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติโดยทันที
จากกรณี กองทัพภาคที่ 2 แจง ทหารไทยเหยียบกับระเบิด ที่ห้วยตามาเรีย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ บาดเจ็บ 2 นาย ขณะลาดตระเวนตามเส้นทางปกติเพื่อเฝ้าระวังป้องกันการรุกล้ำอธิปไตย ระบุจุดเกิดเหตุอยู่ห่างชายแดนถึง 1 กิโลฯ เร่งส่ง จนท.ผู้เชี่ยวชาญเข้าตรวจสอบ หาข้อมูลเกี่ยวกับประเภทและที่มาของวัตถุระเบิดแล้ว
ล่าสุด วันนี้ (10 พ.ย.) พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) ได้ออกมาโพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์ดังกล่าว เรียกร้องให้รัฐบาลไทยใช้ความ กล้าหาญและเด็ดขาด ในการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างเร่งด่วน เนื่องจากกัมพูชาเริ่มมีพฤติกรรมไม่เป็นมิตรอีกครั้ง ทั้งที่การแก้ไขปัญหายังอยู่ในขั้นตอน "การถอนอาวุธยิงระยะไกล" เท่านั้น โดยประชาชนมีข้อข้องใจ 3 ประการที่ต้องการให้รัฐบาลดำเนินการอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ได้ระบุข้อความว่า
"มาถึงวันนี้ การแก้ไขปัญหาชายแดน ไทย-กัมพูชา อยู่ในขั้นตอน “การถอนอาวุธยิงระยะไกล ” เท่านั้น แต่กัมพูชาก็เริ่มต้นออกลาย กลับมาเกเร กับไทย ต่อไปตามสันดานเดิม
ดังนั้นรัฐบาล จึงมีปัญหาที่จะต้องแก้ไขด้วยความกล้าหาญ เด็ดขาด อย่างเร่งด่วน โดยไม่ต้องกลัวมหาอำนาจชาติไหนแล้ว เพราะประชาชนข้องใจเต็มทีใน 3 เรื่อง ดังนี้
(1) เราจะเอาปราสาทตาควายคืนมาได้อย่างไร แน่นอนว่ามีวิธีแต่พูดตรงๆไม่ได้สรุปต้องมีความเด็ดขาด และฉลาดในการต่อรอง รวมถึงการใช้ มาตรการกดดันทางทหาร ซึ่งต้องนำมาทำควบคู่กันไปด้วย
(2) การรุกคืบหน้าแก้ไขปัญหาชายแดนต่างๆ ไทยเรามีเมตตากับกัมพูชามากเกินไปหรือเปล่า ลดนั้นแถมนี่ จนทำให้กัมพูชาดีแตก เริ่มกลับมาไม่เกรงใจเราเหมือนเดิมอีกครั้งหนึ่ง หน้างานต้องเข็มงวดนะครับ ต่อรองไม่ได้ งานจึงจะเดิน
(3) ปัจจุบัน ทหารไทยโดนกับระเบิด บาดเจ็บเพิ่มอีก 2 นาย แน่นอนว่า ไทยต้องประท้วง แต่จะประท้วงแบบเก่าๆไม่ได้ การประท้วงต้องเพิ่มเงื่อนไข ที่จะทำให้ไทยเราสามารถมีอำนาจในการต่อรอง กดดันต่อกัมพูชาอีกครั้ง ดังนั้น การประท้วงจะต้องรุนแรงพอที่จะทำให้กัมพูชา รู้จักเจียมตัวขึ้นมาบ้าง ซึ่งต้องเลิกพูดคุยกับ กัมพูชาอย่างเด็ดขาด สักระยะหนึ่งก่อน ยกเลิกการส่งคืนเชลย เพิ่มมาตราการทางทหาร ฯลฯ
สิ่งสำคัญ อย่าใจอ่อนอีก ปิดด่านต้องปิดจริงๆ ไม่ใช่ปิดประตูใหญ่ แต่เปิดประตูเล็กให้ผ่านได้ นอกจากนั้น การ รปภ. ภายในถนนตามแนวชายแดน ต้องเข็มงวด หมาก็ผ่านข้ามชายแดนมาไม่ได้ ส่วนในพื้นที่ 11 จุดที่ทหารไทยยึดมานั้น จะต้องเพิ่มมาตราการ เข้าสู่การเตรียมพร้อมเผชิญหน้า
ต้องไม่ลืมว่า ความเข้มแข็ง เด็ดขาด คือคุณสมบัติของผู้นำที่ประชาชนต้องการเห็นในสถานการณ์ปัจจุบัน"


