ปรากฏการณ์ "หมอนทองวิทยา" ในศึกฟุตบอลนักเรียน 7 คน แชมป์กีฬา 7HD 2025 สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วประเทศ เมื่อสามารถระดมแฟนบอลจนสนามศุภชลาศัย "แตก" นักวิเคราะห์ชี้ นี่คือชัยชนะของ Storytelling ที่แท้จริง โดยมี "รถขนฝัน" 6 ล้อคันเก่า เป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นทีมรอง (Underdog) และ ความจริงใจ ที่โค้ชยืนยันใช้ตลอดทัวร์นาเมนต์ จนเปลี่ยนข้อจำกัดด้านทรัพยากรให้เป็น "แบรนด์" ที่ผูกพันกับหัวใจคนไทยอย่างไม่เคยมีมาก่อน!
วันนี้ (8 พ.ย.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “พฤหัส ชุมแสงหิรัญ“ ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึง ปรากฏการณ์ "หมอนทองวิทยา" ที่สามารถทำให้สนามศุภชลาศัย "แตก" ในการแข่งขันฟุตบอล 7 คน ได้ โดยทางผู้โพสต์ได้ระบุข้อความว่า
“ทำไมหมอนทองวิทยาถึงทำสนามศุภฯ แตก มานั่งคิดเล่นๆ ทำไม
โรงเรียนหมอนทองวิทยา ในศึกฟุตบอลนักเรียน 7 คน แชมป์กีฬา 7HD 2025 กลายเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของ"เรื่องราว" แบบ (Storytelling) และ "ความจริงใจ" (Authenticity) ในการสร้างกระแสไวรัล (Viral Marketing) จนกลายเป็นขวัญใจมหาชนแบบตอนนี้ !!!!
พึ่งอ่านการตลาด 101 เลยเอามาวิแคะเล่น
เพราะ
1. สังคมโซเชียลรู้จัก หมอนทองวิทยา จาก เรื่องราว"รถขนฝัน" หรือรถบรรทุก 6 ล้อสีฟ้าคันเก่าที่ใช้เป็นพาหนะในการเดินทางไปแข่งขัน จนกลายเป็น สัญลักษณ์ (Symbol) ที่โดดเด่นมาก
เพราะอะไร เพราะรถคันนี้สะท้อนถึง ความเป็นทีมรอง (Underdog), ความยากลำบาก, ความมานะพยายาม, และ ความเรียบง่าย ซึ่งเป็นเรื่องราวที่คนไทยรู้สึกร่วมและพร้อมให้กำลังใจ (Emotional Connection) เสมอ
ยิ่งมี Viral Content หรือ ภาพและเรื่องราวของรถขนฝันที่ขับพานักเตะจากต่างจังหวัดเข้าสู่สนามแข่งขันระดับประเทศ (สนามศุภชลาศัย) เป็นคอนเทนต์ที่ถูกแชร์ต่ออย่างรวดเร็วและเป็นธรรมชาติ organic มากบนโซเชียลมีเดีย เป็นส่วนสนับสนุนดีเพิ่มคุณค่า
2. Storytelling ของความเป็น Underdog (เรื่องราวของทีมรอง) หมอนทองวิทยา นอกจากชื่อติดหู ในระดับสะกดใจคนพบเห็นแล้ว
ยังมี ความขัดแย้งที่น่าสนใจ เพราะ ทีมฟุตบอลเด็กจากโรงเรียนเล็กๆ ในอำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่มีทรัพยากรจำกัด สามารถ ล้มยักษ์ (Giant Killer) ด้วยการเอาชนะทีมจากโรงเรียนกีฬาชื่อดังและอดีตแชมป์หลายสมัย เช่น อัสสัมชัญธนบุรี, เทพศิรินทร์, อัสสัมชัญศรีราชา ได้ แบบ ถ้าคนไม่ได้ดูการแข่ง คงร้อง อิหยั๋งฟะ เด็กโรงเรียนอะไรนะ จากที่ไหน จังหวัดอะไร Google กันฉ่ำ5555
แถมมี บทบาทของโค้ช อาจารย์สกล เกลี้ยงประเสริฐ หัวหน้าโค้ชผู้เป็นทั้งคนขับรถและแรงบันดาลใจ เป็น ตัวละครเอก (Protagonist) ที่มีความจริงใจและเป็นที่รัก การที่ทีมยืนยันใช้ "รถขนฝัน" คันเดิม โดยปฏิเสธรถบัสปรับอากาศที่มีคนเสนอให้ ขับพาเด็กล่าฝัน ตลอดทัวร์นาเมนท์
พร้อมคำพูดที่ว่า "เพราะว่าเราเริ่มยังไงก็ขอให้จบอย่างงั้น..." ยิ่งตอกย้ำความ ศรัทธาและความจริงใจ (Authenticity) ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคในยุคปัจจุบันแสวงหา โคตรเท่ห์บอกเลย
เอาเข้าจริง รถหกล้อคอกหลังคาคลุม มันนั่งสนุกนะ จะร้องรำทำเพลงไง ก็ได้ ไม่มีเสียงก้องแบบในรถบัส
แล้วหมอนทองวิทยายังให้จุดแกร่งทางการตลาดเรื่อง ความฝันและแรงบันดาลใจ เรื่องราวนี้ถูกนำเสนอในฐานะ "พลังของความฝัน" ของเด็กหนุ่ม ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้เป็นแรงผลักดันในชีวิตของตนเองได้ (แบบมันมาของมันเอง เรื่องมันtouch ใจคนไปแล้ว)
3. Engagement และ Community Building (การมีส่วนร่วมและการสร้างฐานแฟนคลับ)
กระแสใน Social Media เรียกได้ว่า สื่อทุกแขนงและผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียร่วมกันพูดถึงและแชร์เรื่องราว ทำให้เกิด การสร้างการรับรู้ (Awareness) และ ความสนใจ (Interest) ในวงกว้างอย่างรวดเร็ว (Organic Reach) มากในระดับ mega radiant ทีเดียว
ยิ่งมีการสนับสนุนจากภายนอก เมื่อกระแสดังขึ้น ก็เกิดการ ระดมทุนอัดฉีด (Crowdfunding/Sponsorship) จากบุคคลทั่วไป องค์กร และแม้กระทั่งคนดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทีมไม่ได้ขายแค่ผลงานในสนาม แต่ขาย ความหวังและหัวใจ การสนับสนุนที่หลั่งไหลเข้ามาเป็นการยืนยันความนิยมในวงกว้าง
แถมมี การรวมพลังของคนท้องถิ่น เพราะชาวบางน้ำเปรี้ยวร่วมกันจัดรถบัสเพื่อขนกองเชียร์ไปให้กำลังใจถึงสนามศุภชลาศัย แสดงให้เห็นถึง พลังของชุมชน (Community Power) ที่เข้มแข็ง
ทั้งหลายทั้งปวง เมื่อรวมกัน "แบรนด์" หมอนทองวิทยา จึงมีรากฐานที่มั่นคงทุกแขนงและผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียร่วมกันพูดถึงและแชร์เรื่องราว ทำให้เกิด ปรากฏการณ์หมอนทองวิทยา ได้ในระยะเวลาอันสั้น🩷
จะว่าไปแล้ว หากมองเรื่องการสร้างแบรนด์ หมอนทองวิทยา แบบการตลาด มันคือการใช้ "เรื่องจริงที่น่าทึ่ง" เป็นกลยุทธ์การตลาดที่เหนือกว่าการโฆษณาใด ๆ โดยเปลี่ยนข้อจำกัดด้านทรัพยากรให้กลายเป็นจุดเด่นที่สร้างความผูกพันทางอารมณ์กับผู้คนทั่วประเทศได้สำเร็จ
นับว่านานๆที เราจะมีเคสแบบนี้มาให้เห็นเนอะ 5555555 สนามศุภฯ แตก วะ!!! คุณเอ้ยยยยยยย
เรื่องนี้ เหมือน ดราม่า นมสด ไง เพียงแต่ หมอนทองเป็น possitive ทั้งหมด แต่ ดราม่านม นอกจาก miss understanding แล้ว ยังเป็น negative ล้วนๆด้วย ฉันจะนั่งรอดูผลตอบรับของนมที่พึ่งเปิดตัวเลย


