xs
xsm
sm
md
lg

F-16 ไม่ใช่ของเล่น! ผู้ผลิตต้องไฟเขียว "นักบินรับจ้าง" สหรัฐฯ ต้องเห็นผลประโยชน์ก่อนส่งเครื่องบินให้กัมพูชา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เพจ "Military & Diplomacy" วิเคราะห์กัมพูชาและเครื่องบินขับไล่ F-16 ชี้ การจัดหาและจ้างทหารรับจ้างต้องผ่านการอนุมัติจากประเทศผู้ผลิต (สหรัฐฯ) และจะเกิดขึ้นต่อเมื่อสหรัฐฯ เห็นผลประโยชน์เท่านั้น ลิเบียคือตัวอย่างที่รัสเซียลงทุนส่ง MiG-29 พร้อมนักบินรับจ้างเพื่อแลกกับการใช้ฐานทัพในแอฟริกา

เมื่อวันที่ 5 พ.ย. เพจ "การทูตและการทหาร Military & Diplomacy" ออกมาโพสต์ข้อความในประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับการจัดหาเครื่องบินขับไล่ F-16 ของกัมพูชาและการใช้ทหารรับจ้าง โดยทางเพจได้ระบุข้อความว่า

"หลังจากก่อนหน้านี้ผมอธิบายไปว่าต่อให้กัมพูชาอยากได้เครื่องบินขับไล่ F-16 จากสหรัฐฯ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะกำเงินไปซื้อ F-16 มาใช้ได้ทันที ต้องมีการจัดหาเครื่องบินฝึก เช่น T-6 มาฝึกนักบิน วางระบบพื้นฐานต่าง ๆ ก่อน หลายคนก็สงสัยว่าถ้าอย่างนั้นกัมพูชาซื้อ F-16 แล้วจ้างทหารรับจ้างมาขับไม่ได้หรือ

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าเครื่องบินรบเป็นอาวุธที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง ต่อให้ขายให้ต่างประเทศไปแล้วก็ไม่ใช่ว่าผู้ผลิตจะยอมให้ลูกค้านำไปให้ใครก็ไม่รู้ขับก็ได้นะครับ ขนาดแค่รถถัง M1 Abrams ก่อนหน้านี้อิรักเอาไปให้กลุ่มติดอาวุธชีอะห์ที่อิหร่านสนับสนุนใช้ต่อสู้กับกลุ่ม IS สหรัฐฯ ยังโวยเลย แล้วระดับ F-16 จะยอมให้นักบินที่ไหนไม่รู้มาขับง่าย ๆ หรือ ถ้ากัมพูชาจะจัดหาเครื่องบินรบโดยจะให้ทหารรับจ้างมาขับให้ ตัวทหารรับจ้างก็ต้องมาจากบริษัทที่ประเทศผู้ผลิต approved เท่านั้นครับ ซึ่งก็จะติดปัญหาต่อไปว่าในกรณีนั้นประเทศผู้ผลิตก็คงไม่อนุมัติให้บริษัททหารรับจ้างของตนเองที่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีทางทหารระดับสูงได้รับงานได้ตามใจชอบเหมือนกัน ต้องเป็นงานที่ประเทศต้นทางมีผลประโยชน์ด้วยเท่านั้น ซึ่งกรณีแบบนี้ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาที่ผมนึกออกก็มีแค่รัสเซียที่ส่งเครื่องบินขับไล่ MiG-29 กับเครื่องบินโจมตี Su-24 พร้อมนักบินทหารรับจ้างวากเนอร์ไปสนับสนุนกองทัพแห่งชาติลิเบีย (LNA) ครับ

กรณีลิเบียนั้น ถ้าจำกันได้ หลังจากที่กัดดาฟีถูกกลุ่มติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจาก NATO โค่นล้มไปเมื่อปี 2011 กลุ่มติดอาวุธเหล่านี้ก็หันมารบกันเองจนลิเบียจนกลายเป็นรัฐล้มเหลว (Failed State) ต่อมาสหประชาชาติ (UN) ได้พยายามรวบรวมกลุ่มติดอาวุธบางส่วนมาจัดตั้งรัฐบาลปรองดองแห่งชาติ (GNA) ที่กรุงตริโปลีขึ้น (แต่ในทางปฏิบัติพื้นที่ต่าง ๆ ก็ยังถูกแบ่งแยกปกครองโดยขุนศึกเหมือนเดิม) ส่วนกลุ่มติดอาวุธอีกส่วนหนึ่งที่ไม่ได้เข้าร่วมกับ GNA ก็แยกตัวไปจัดตั้งรัฐบาลคู่ขนานที่เมือง
โทบรุค (Tobruk) มีกองกำลังติดอาวุธของตนเองคือ LNA นำโดยจอมพลฮาฟตาร์ (Haftar)

ช่วงปี 2019 - 2020 กองกำลัง LNA พยายามบุกยึดกรุงตริโปลี โดย LNA ได้นับการสนับสนุนจากรัสเซีย อียิปต์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) โดยรัสเซียช่วยสนับสนุนกำลังพลส่งทหารรับจ้างวากเนอร์มาช่วยรบ ขณะที่ UAE สนับสนุนอาวุธคือระบบป้องกันภัยทางอากาศ Pantsir-S1 จัดหาจากรัสเซียและโดรน Wing Loong จัดหาจากจีน ขณะที่ฝ่าย GNA ได้รับการสนับสนุนจากตุรกี โดยตุรกีส่งโดรน Bayraktar พร้อมกับจ้างกบฏซีเรียที่ตุรกีสนับสนุนมาช่วยฝ่าย GNA รบ

ถึงแม้ว่าฝ่าย LNA จะสามารถล้อมกรุงตริโปลีได้แต่ติดปัญหาตรงที่ไม่มีอาวุธหนักที่จะใช้บุกยึดเมือง เนื่องจากอาวุธหนักของกองทัพลิเบียของกัดดาฟีเดิม เช่น รถถัง เครื่องบินรบ ส่วนใหญ่ถูก NATO ทำลายไปหมดแล้ว จึงทำได้แค่ตรึงกำลังอยู่นอกเมืองและเมื่อเวลาผ่านไปฝ่าย GNA ที่ได้รับการสนับสนุนจากตุรกีก็เริ่มพลิกกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ เนื่องจากตุรกีเป็นผู้ผลิตโดรน Bayraktar เมื่อถูกยิงตกก็สามารถผลิตลำใหม่ส่งมาทดแทนได้ทันที ในขณะที่ระบบป้องกันภัยทางอากาศ Pantsir-S1 และโดรน Wing Loong ของฝ่าย LNA นั้น UAE ไม่ได้ผลิตเอง ต้องรอจัดหาจากรัสเซียและจีนอีกทีหนึ่ง ส่งผลให้เมื่อถูกทำลายจึงไม่สามารถทดแทนความสูญเสียได้เร็วเท่าโดรน Bayraktar ของฝ่าย GNA สุดท้าย LNA จึงต้องถอยทัพออกจากกรุงตริโปลีกลับไปทางตะวันออกของลิเบีย

เมื่อ LNA ไม่สามารถยึดกรุงตริโปลีรวมประเทศลิเบียเป็นหนึ่งเดียวได้ รัสเซียจึงทำข้อตกลงกับตุรกีแบ่งเขตอิทธิพลในลิเบียกัน และรัสเซียก็เข้ามาสนับสนุน LNA เต็มตัวหลังจากที่ผ่านมาปล่อยให้อียิปต์และ UAE มีบทบาทหลัก โดยรัสเซียช่วยพัฒนากำลังทางอากาศให้กับ LNA มีการส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-300 มาให้ และที่สำคัญที่สุดคือมีการส่งเครื่องบินรบ ได้แก่ เครื่องบินขับไล่ MiG-29 และเครื่องบินโจมตี Su-24 ให้กับ LNA ด้วยโดยที่ไม่ต้องส่งเครื่องบินฝึกมาวางระบบก่อน เพราะรัสเซียส่งนักบินในนามของทหารรับจ้างวากเนอร์มาขับ MiG-29 และ Su-24 ให้ LNA เลย โดยที่ LNA ก็ต้องตอบแทนรัสเซียโดยยอมให้รัสเซียใช้ลิเบียเป็นฐานในการแผ่อิทธิพลเข้าไปในแอฟริกา ยิ่งในช่วงหลังจากรัฐบาลซีเรียของอัสซาดถูกโค่นล้มไป ลิเบียก็ยิ่งมีความสำคัญสำหรับรัสเซียมากขึ้นไปอีก

จะเห็นได้ว่าการที่รัสเซียลงทุนส่งเครื่องบินรบพร้อมนักบินรับจ้างให้ LNA นั้น ไม่ใช่ว่าแค่ LNA อยากได้แล้วรัสเซียจะส่งให้เลย แต่เป็นเพราะว่ารัสเซียก็ได้ประโยชน์จากการใช้ลิเบียเป็นฐานทัพแผ่อิทธิพลเข้าไปในแอฟริกา

ในทำนองเดียวกัน ผมยังไม่เห็นว่าสหรัฐฯ จะได้ประโยชน์อะไรจากการรีบส่ง F-16 พร้อมนักบินรับจ้างมาช่วยกัมพูชารบกับไทยในตอนนี้เลย ต่อให้ดึงกัมพูชาออกห่างจากจีนได้แต่ไทยถูกผลักไปเข้ากับฝ่ายตรงข้ามก็ไม่คุ้มอยู่ดี รอให้อนาคตสถานการณ์ปะทะรอบนี้สงบลงแล้วค่อยวางระบบให้กัมพูชาตามขั้นตอนปกติก็ได้ ซึ่งถ้าไทยสามารถเร่งเจรจาเรื่องเขตแดนกับกัมพูชาตกลงกันได้ตั้งแต่ตอนนี้ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องมาปะทะกันอีกในอีก 10 - 15 ปีข้างหน้า ซึ่งถ้ารอถึงตอนนั้นก็อาจต้องคาดการณ์ไว้ก่อนว่ากัมพูชาคงมีเครื่องบินรบแล้วไม่ว่าค่ายไหนก็ตาม แต่เชื่อว่ากองทัพไทยก็คงไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่เหมือนกัน ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าพอสหรัฐฯ ยกเลิกคำสั่งห้ามขายอาวุธให้กัมพูชาปุ๊บแล้วกัมพูชาจะเสก F-16 พร้อมนักบินรับจ้างมารบกับไทยได้ใน 3 วัน 7 วัน การซื้ออาวุธไม่ใช่การสั่งของ Shopee ครับ
สวัสดี

05.11.2025"


กำลังโหลดความคิดเห็น