ความละเอียดลออ การจับคู่สีได้อย่างโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ งานดีไซน์ที่ไม่ซ้ำใคร Layer ที่ซ้อนทับอย่างมีมิติและน่าค้นหา อีกทั้งมวลหมู่ดอกไม้ที่ได้รับการจัดเรียงอย่างชวนมองไม่รู้เบื่อซึ่งมักปรากฏให้เห็นในหลายชิ้นงาน
คือสิ่งที่ยืนยันได้ว่า เพราะเหตุใด ผลงาน Papercraft ของเธอจึงได้รับเสียงชื่นชม เป็นที่ชื่นชอบจากทั้งปัจเจกบุคคล องค์กร และหลายแบรนด์ชั้นนำ
…ในสตูดิโอขนาดกะทัดรัด ท่ามกลางงานศิลปะจากกระดาษที่รายรอบและกองวัสดุอุปกรณ์ที่วางอยู่ตามมุมต่างๆ ของห้อง
หญิงสาวตรงหน้า จดจ่อกับงานกระดาษชิ้นเล็กๆ ที่เธอตัดเก็บไว้เป็นดอกไม้ ใบไม้หลากหลายรูปแบบ หลากสีสัน ติดลงบนซุ้มโค้งในกรอบรูปที่จัดเตรียมไว้อย่างประณีตบรรจง ความใส่ใจในทุกรายละเอียดสะท้อนผ่านผลงานที่เธอค่อยๆ สร้างสรรค์ให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นทีละนิด ก่อนจะเสร็จสมบูรณ์
…ซุ้มดอกไม้ในกรอบรูปใบสวยเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งที่เธอทำให้เราได้เห็นถึงกระบวนการทำงานในเศษเสี้ยวหนึ่ง
“… นิยามความหมายงาน Papercraft สำหรับไหม คือการใช้กระดาษเป็นสื่อหลักในการสร้างสรรค์ผลงาน ในส่วน Papercraft ที่ไหมทำ งานของไหมเป็นงาน 2D เหมือนการวาดภาพด้วยกระดาษ เราตัดกระดาษออกมาเป็นภาพต่างๆ แล้วเราก็เอามาใช้ตกแต่งในกรอบรูป หรือนำมาทำเป็น Pop Up Card ทำให้ดูมีมิติขึ้นด้วยการทำ Layer ต่างๆ รวมทั้งมีงานออกแบบ งานดีไซน์ในรูปแบบอื่นๆ ที่ใช้กระดาษเป็นหลัก…”
ต่อเมื่อได้ยล ได้สัมผัสกับผลงาน Papercraft ชิ้นต่างๆ ที่เสร็จสมบูรณ์และตั้งวางอยู่ในสตูดิโอแห่งนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าเพราะเหตุใด เมื่อต้นปี 2025 ที่ผ่านมา แบรนด์ระดับโลกอายุนับร้อยปีจากเยอรมนี จะสั่งผลงานจากเธอเป็นจำนวนถึง 900 ชิ้นโดยให้กำหนดเวลาส่งงานเพียง 2 สัปดาห์ เพื่อส่งให้สาขาในสิงคโปร์ มาเลเซีย และไทยสำหรับมอบให้ลูกค้าของแบรนด์ได้ทำกิจกรรม Workshop กับชิ้นงานที่เธอออกแบบและยังมีแบรนด์เนมอีกหลายรายเป็นลูกค้าของเธอ ทั้งมีแบรนด์ที่ Collab งานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่งานซึ่งทำตามออเดอร์ลูกค้ารายบุคคลที่มักมอบให้คนพิเศษเป็นของขวัญ ก็ทำออกมาได้อย่างสวยงาม เปี่ยมด้วยความใส่ใจในทุกองค์ประกอบเช่นกัน
ผู้จัดการออนไลน์สัมภาษณ์พิเศษ ‘ไหม-พรรษมนต์ ศุภจารีรักษ์’ ผู้ก่อตั้ง mami papercraft ผู้สร้างงานศิลปะจากกระดาษที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ความรักในศิลปะแขนงนี้ที่เริ่มนับแต่วัยเยาว์, การแสวงหาความหมายของชีวิตที่มีบรรยากาศของการทำงานศิลปะจากกระดาษอบอวลอยู่ในหลายช่วงเวลา, ความเป็นมาในการก่อตั้ง mami papercraft, กระบวนการทำงาน,
แรงบันดาลใจและไอเดียที่ไม่หยุดนิ่ง, ความมุ่งมั่นตั้งใจในการนำเศษกระดาษที่กลายเป็นขยะเหลือใช้มา Reuse Recycle ต่อยอดเพื่อสร้างชิ้นงานใหม่ๆ
ทั้งหลายทั้งปวงอยู่ในถ้อยความนับจากนี้
จากแรกเริ่มวัยเยาว์ สู่ช่วงแสวงหาในรั้วมหาวิทยาลัย
ไม่ว่ากระดาษที่สร้างสรรค์ขึ้นเป็นกิ่งก้าน ดอกไม้หลากสีที่จัดเรียงในกระถางหรือเป็นช่อดอกไม้แสนสวย กระดาษที่สร้างขึ้นเป็นโครงร่างบุคคลเพื่อเป็นของขวัญสุดพิเศษสำหรับวันพิเศษมอบให้กันในวันรับปริญญา เป็นของขวัญวันแต่งงาน วันเกษียณอายุ หรือแม้แต่งานออกแบบ ตกแต่งคาเฟ่
งานศิลปะจากกระดาษของเธอยังมีอีกมายมายหลากหลายรูปแบบที่รอคอยให้ค้นหา
เมื่อได้เห็นผลงานของเธอ ทำให้นึกอยากรู้ถึงที่มา แรงบันดาลใจนับแต่แรกเริ่มที่ทำให้สนใจศิลปะ Papercraft
ไหมบอกเล่าอย่างอารมณ์ดี โดยย้อนความทรงจำไปนับแต่วัยเด็กว่า
“ตอนเด็กๆ ไหมชอบทำการ์ดอยู่แล้ว ทำการ์ดให้เพื่อน การ์ดวันแม่ ตอนเด็ก เราได้เงินมาจำกัด เราก็อยากทำอะไรที่เป็นงานทำมือ เค้าก็น่าจะดีใจที่ได้รับ เพราะเป็นของทำมือ สวยไม่สวยเราไม่รู้ ณ ตอนนั้น แล้วก็จะมีพวกกระดาษจากนิตยสารหรือเวลาเราไปซูเปอร์มาร์เก็ต สมัยก่อนเค้าจะมีโบรชัวร์แจก ไหมชอบเก็บมาเพื่อตัดรูปสินค้า ตัดตัวอักษรเก็บไว้”
ไหมเล่าเพิ่มเติมว่า เมื่อเติบโตมาถึงช่วงมัธยมปลาย เธอเรียนหนักมากขึ้นและเริ่มห่างหายจากงานศิลปะกระดาษ เป็นเด็กเรียน เน้นการเรียนเป็นหลัก กระทั่งมีช่วงหนึ่งที่เธอได้เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน โครงการ Overseas Ed Group ไปศึกษาที่สหรัฐอเมริกาในช่วงมัธยมศึกษาปีที่ 5
ในครั้งนั้น นับเป็นการเปิดโลกกว้างครั้งสำคัญของไหมและทำให้หวนระลึกถึงความชอบงานศิลปะทำมือที่มีมาแต่เดิม เนื่องจากช่วงที่ไหมใช้ชีวิตอยู่ที่สหรัฐอเมริกา เธอได้พบร้านขายอุปกรณ์ศิลปะแห่งหนึ่งที่ทำให้เธอประทับใจ
“เป็นร้านที่ใหญ่มากเลย เปิดหูเปิดตาเรามาก รู้สึกว่าเราได้ทำอะไรที่อยากทำ เงินที่ไหมได้มาตอนไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน เงินที่พ่อแม่ส่งมาให้ ไหมจะไปซื้อของที่ร้านนี้เยอะมาก ซื้อเก็บไว้ แล้วเอากลับมาที่ไทยด้วย”
ชีวิตของไหม หลังจากจบมัธยมศึกษาตอนปลาย เธอศึกษาต่อที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยภาควิชาสถาปัตยกรรม
ไหมเล่าว่า เธอรู้ตัวว่ารักการทำการ์ด แต่ก็เลือกที่จะสอบเข้าคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์เพื่อที่บ้าน เนื่องจากครอบครัวมองว่าอยากให้เรียนอะไรที่สามารถทำอาชีพที่มั่นคงได้ ซึ่งไหมก็สนุกกับการเรียนที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ เมื่อได้เรียนก็รู้สึกชอบ
“ตอนเรียนก็มีการทำโมเดลด้วย ไหมทำกิจกรรมของคณะด้วย ทำละคร เราก็ไปทำ Prop ประกอบฉาก มันเป็นอะไรที่เป็นของทำมือ อาจไม่ใช่ Papercraft โดยตรง แต่เราชอบงานทำมือ งานที่ไหมทำอาจไม่ได้เป็นเชิงสร้างสรรค์จินตนาการ สร้างเรื่องราว แต่จะเป็นฝั่งที่เป็นแบบ Logic มากกว่า ถ้าเทียบระหว่าง Emotional กับ Logic งานไหมจะอยู่ฝั่ง Logic เห็นแล้วรู้สึกว่าสวย ชอบ ก็โอเคแล้ว ไม่ได้เป็นการเล่าเรื่องราว หรือพยายามสื่อว่า ภาพนี้มันหมายถึงอะไร Way เราไม่ใช่ประมาณนั้น”
ช่วงเรียนคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ได้ทำ Prop ประกอบฉาก ทำโมเดล แล้วความชื่นชอบใน Papercraft ถูกพัฒนาต่อยอดไปอย่างไร จึงทำให้คุณรู้สึกว่า นี่แหละเป็นเส้นทางชีวิตที่จะเลือกนับจากนี้
ไหมอธิบายว่า “เมื่อไหมเข้าเรียนคณะสถาปัตย์ฯ ก็เรียกได้ว่าเรามี Source อยู่ในมือค่อนข้างเยอะ ว่าอุปกรณ์ต่างๆ ต้องซื้อที่ไหน หรืออย่างเช่นการทำละคร เวลาเราไปซื้อของ เราจะรู้แหล่ง ว่าถ้าเราอยากได้สิ่งนี้ เราจะไปซื้อที่ไหน มันก็เริ่มง่ายขึ้น ดังนั้นตอนที่ไหมเริ่มจะทำสตูดิโอ ไหมมีอุปกรณ์อยู่แล้ว เหลือแค่เราไปซื้อกระดาษมากับการออกแบบ แค่นั้นเอง เรื่องวัสดุอุปกรณ์มันเริ่มง่ายแล้วสำหรับเรา”
บนเส้นทางชีวิต : กว่าจะเป็น mami papercraft
ถามถึงความเป็นมาในการก่อตั้ง mami papercraft ว่าเริ่มต้นขึ้นได้อย่างไร
ไหมเล่ารายละเอียดว่า “จุดเริ่มต้นแรก หลังเรียนจบสถาปัตย์ฯ แต่ไหมไม่ได้อยากทำงานด้านสถาปัตยกรรม ไหมไม่ได้ชอบขนาดนั้น ทำได้ แต่ไม่ได้ชอบ อยากไปทำอย่างอื่นมากกว่า ไหมเรียนจบปี 2020 ช่วงหลังโควิดพอดี แล้วตอนนั้นไหมก็ต้องหางาน ก็มีความคิดว่า เราจะไปทำงานเป็นสถาปนิกดีไหม บอกตัวเองว่าก็ควรทำนะ เพราะเราก็จบมาทางนี้ แต่ตอนนั้น งานหายากมากเพราะเป็นช่วงหลังโควิด เค้ายังไม่ค่อยรับคน แต่ไหมก็ลองสมัครไปก่อน แล้วก็มีอีกอย่างที่อยากลองทำ คือร้านดอกไม้ เพราะไหมชอบดอกไม้มาก แต่จัดดอกไม้ไม่เป็นเลยแต่ก็อยากไปทำงานร้านดอกไม้มาก อยากไปเรียนรู้”
ระหว่างนั้น ช่วงก่อนที่จะสมัครงาน มีช่วงว่างประมาณ 3-4 เดือนก่อนจะรับปริญญา “ไหมมีโอกาสได้รับจ๊อบบ้าง เป็นฟรีแลนซ์ทั่วไป ก็หาเงินเรื่อยๆ ยังไม่ถึงขนาดว่างงาน มีจ๊อบจากอาจารย์ จากพี่ๆ มาให้ มันก็จะมีเวลาว่างอยู่นิดนึง เราก็อยากทำของให้เพื่อนวันรับปริญญา นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่เริ่มมาทำงานกระดาษ มันเหมือนว่าเรามีของ มีไอเดียอยู่ในมือแล้ว แค่ซื้อกระดาษมาทำแค่นั้นเลย แล้วช่วงหลังโควิด เราจะเห็นร้านอื่นที่เค้าทำของขวัญวันรับปริญญา ทำจากกระดาษ เราก็รู้สึกว่า ‘เอ๊ะ เราก็ทำได้นะ’ แล้วเรายังต้องประหยัดอยู่ เราไม่มีงบมากพอจะไปสั่งเค้าทำ เพื่อนเราก็หลายคน ไหมก็เลยตัดสินใจว่า ‘งั้นทำเองเลย’ เราก็ลองทำเป็นของขวัญให้เพื่อนก่อน ตอนนั้นไม่ได้คิดจะทำเป็นอาชีพ ทำเป็นของขวัญให้เพื่อน แล้วเพื่อนก็แนะนำว่าลองรับงานลูกค้าคนอื่นดูบ้างมั้ย”
ในที่สุด ไหมตัดสินใจเปิด IG หรือ Instagram ชื่อ mami.papercraft แล้วลงรูปผลงานที่ทำให้เพื่อนไป 1 งาน จากนั้นก็มีคนเข้ามาสั่งออเดอร์
“ตอนนั้นยังทำเล่นๆ ยังไม่ได้ทำเป็นอาชีพ เพราะเรามองว่า มันอาจจะยังอยู่ไม่ได้ขนาดนั้น” เสียงตอบรับจากการเปิด IG และโพสต์ผลงานในช่วงแรก มักมีแต่ของขวัญงานรับปริญญา เพราะว่าไหมมาทำช่วงรับปริญญาพอดี แล้วคนเค้าหาของขวัญรับปริญญาให้กัน คนเค้าก็ตามหากัน แล้วไหมก็ไม่ได้ทำราคาแรงมาก ช่วงนั้นเหมือนทำเล่นๆ สนุกๆ ไม่ได้ซีเรียส ก็มีเพื่อนมา Follow เราก็เก็บ IG mami.papercraft นี้ไว้ เผื่ออนาคต แล้วไหมก็ไปทำงานประจำที่ร้านดอกไม้”
ก่อนนั้น ไหมลองสมัครงานทั้งงานร้านดอกไม้ที่ชอบและงานสถาปนิก แล้วไหมก็ได้งานร้านดอกไม้แห่งหนึ่ง ซึ่งที่ร้านนี้เอง เธอได้รับโอกาสดีๆ ทั้งได้หัดจัดดอกไม้ที่ชื่นชอบและได้เรียนรู้ขั้นตอน กระบวนการทำงานแบบ Small business ที่น่าสนใจ
เมื่อไหมได้เข้าไปทำงานร้านดอกไม้ ทำงาน 5 วันต่อสัปดาห์ วันหยุด 2 วัน ในช่วงปีแรก ไหมก็เริ่มใช้วันว่าง ตัดกระดาษไปเรื่อยๆ แล้วอัพรูปลง IG
ส่วนของขวัญที่ทำให้เพื่อน ไหมก็ทยอยทำและเริ่มนำงานที่ทำให้เพื่อนมาอัพลง IG แล้วก็มีเพื่อนจากสมัยเรียนมัธยม เพื่อนจากคณะอื่น เริ่มมาสั่ง ก็เริ่มมีภาพงานที่เป็นงานลูกค้าเข้ามา เริ่มมีงานอื่นๆ เข้ามาเพิ่ม อย่างเช่น ของขวัญงานแต่งงานบ้าง
“เมื่อทำงานที่ร้านดอกไม้ได้สักพัก พี่เจ้าของร้านดอกไม้เขาใจดีมาก ไหมว่าตัวเองโชคดีด้วยที่ได้ทำงานที่ร้านนี้ เค้าให้ความรู้เรื่องการทำ Small business ไปในตัว ระหว่างที่เราทำงาน เค้าก็มอบหมายงานให้เรา เช่น ไหมทำงานกราฟิกดีไซน์ได้ เค้าก็ให้งานด้านนี้ด้วย หรือให้คุยกับลูกค้าบ้าง ได้จัดดอกไม้ ได้ทำหลายอย่างที่ร้านดอกไม้นี้ ส่วนงาน Part ตัดกระดาษ พี่เจ้าของร้านดอกไม้เค้าก็รู้ว่าเราทำ เค้าก็ถามเราว่า อนาคตเราอยากทำอะไร เพราะเค้ารู้ว่าเราไม่สามารถเป็นพนักงานร้านดอกไม้ไปได้ตลอดชีวิต”
ช่วงที่ทำงานร้านดอกไม้เข้าปีที่ 2 ด้วยคำถามที่ฉุกใจให้แง่คิดของพี่เจ้าของร้าน กอปรกับปัจจัยอื่นๆ ในชีวิตที่ส่งผล
ในที่สุด ไหมตัดสินใจทำงาน Papercraft อย่างเต็มที่ ไหมเริ่มจริงจังกับการทำ IG มากขึ้น สร้างฐานลูกค้าและคนดูเพิ่มขึ้น
มีการลงรูปออนไลน์ถี่ขึ้นเป็นประจำเพื่อให้มี Engagement มากขึ้น
รับออเดอร์ลูกค้า อัพรูปงานลูกค้าลง IG มีออเดอร์เข้ามา เริ่มมีรายได้เข้ามาเรื่อยๆ เริ่มเห็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้น ทำให้ตระหนักว่าสิ่งนี้สามารถทำเป็นอาชีพได้อย่างจริงจัง ไหมออกจากร้านดอกไม้หลังทำงานที่ร้านมาได้ 2 ปีพอดี
ในห้วงเวลานั้นเป็นจังหวะที่กระแส Workshop กำลังเป็นที่นิยม
ไหมจึงลองเปิด Workshop บ้าง นอกเหนือไปจากงานที่สั่งทำจากลูกค้า
ไหมกล่าวว่าช่วงปลายปี 2021 จึงเรียกได้ว่าก่อตั้ง mami papercraft อย่างเป็นทางการ เพียงแต่ในตอนนั้นยังไม่มีสตูดิโอที่เป็นหน้าร้าน ไหมยังทำงานที่คอนโด เมื่อถึงเวลาจัด Workshop ก็เช่าสถานที่ตามคาเฟ่ หรือสถานที่ต่างๆ ที่มีพื้นที่เพียงพอ เป็นการ Workshop ในนาม mami papercraft ซึ่งในช่วงนั้น ไหมจัด Workshop แทบทุกเดือน
เปิดสตูดิโออย่างเป็นทางการ
ในที่สุด ไหมเปิดสตูดิโออย่างเป็นทางการในช่วงปีใหม่ 2024 โดยสตูดิโอนี้ ไม่ใช่ของไหมคนเดียว แต่แชร์ร่วมกับเพื่อนที่ทำอีกแบรนด์หนึ่งอยู่ โดยแบรนด์ของเพื่อนอยู่ชั้นสอง ส่วนสตูดิโอของไหมอยู่ชั้นล่าง
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ไหมตัดสินใจแชร์เช่าบ้านร่วมกับเพื่อนเพื่อเปิดสตูดิโอ เนื่องช่วงนั้น มีโปรเจ็กต์หนึ่งที่เข้ามา เป็นงาน Workshop ที่มีคนหลักร้อย การเตรียมงานเยอะ ต้องหาคนมาช่วย และต้องมีพื้นที่เก็บของที่เยอะขึ้น คอนโดเริ่มไม่สะดวก เมื่อตัดสินใจจะขยาย Scale Business ไหมจึงต้องการพื้นที่เพิ่ม การมีสตูดิโอเป็นของตัวเองจึงเป็นทางออกที่ลงตัวที่สุด
ถามว่าปัจจุบันกลุ่มลูกค้าที่มา Workshop เป็นกลุ่มไหนไหมตอบว่ามีกลุ่มลูกค้าที่เป็นองค์กรต่างๆ เข้ามามากขึ้น ส่วนใหญ่มักเป็นช่วงเทศกาล เช่นวันวาเลนไทน์, วันแม่, คริสต์มาส
Workshop ของกลุ่มลูกค้าที่เป็นองค์กรส่วนใหญ่จัดเป็นกิจกรรมภายในที่จัดขึ้นเพื่อสานสัมพันธ์คนในองค์กร ไหมจะมีลูกค้ากลุ่มนี้กับลูกค้าอีกกลุ่มคือ ลูกค้า Workshop ของทางแบรนด์สินค้าต่างๆ ที่ให้ไหมจัดขึ้นเพื่อเป็นกิจกรรมเปิดตัวสินค้า เพราะงานของไหมใช้กระดาษก็จริง แต่สามารถทำได้หลายอย่าง เช่น ทำเป็น Products ของแบรนด์ หรือว่าทำให้ Relate ไปกับสินค้าที่เค้าออกมาใหม่ เช่น ทำกล่องใส่น้ำหอม กล่องใส่สินค้า ทำการ์ดรูปแบบต่างๆ เป็นต้น
ถามว่า นอกจากลูกค้ากลุ่ม Workshop แล้ว ลูกค้าที่สั่งงาน Papercraft ส่วนใหญ่เป็นงานแบบไหน มีมากน้อยเพียงใดไหมตอบว่า ลูกค้ามีมาเรื่อยๆ ในช่วงหลัง มักเป็นลูกค้ากลุ่มงานแต่งงาน คือ หาของขวัญให้เพื่อนที่แต่งงาน รวมทั้งของขวัญวันเกิด วันรับปริญญา วันครบรอบให้แฟน บ้างก็สั่งของขวัญสำหรับวันเกษียณอายุ บางครั้งก็เป็นเพื่อนๆ รวมกลุ่มกันมาสั่ง โดยเฉพาะช่วงปลายปี มีงานแต่งงานและงานรับปริญญาเยอะมาก
โดยรวมแล้ว อาจกล่าวได้ว่าลูกค้าไหม เป็นกลุ่มของขวัญแต่งงานเยอะที่สุด นอกจากนั้นก็มีลูกค้าที่เป็นแบรนด์สินค้าต่างๆ เนื่องจาก mami papercraft ของไหมมีการ Collab ร่วมกับแบรนด์ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
เอกลักษณ์ในเนื้องาน
หากถามถึงเอกลักษณ์ สไตล์เฉพาะตัวในงาน Papercraft ของคุณ
ไหมตอบด้วยน้ำเสียงสดใสว่า “ถ้าเป็นสไตล์ของไหม รู้สึกว่าเป็นการเลือกใช้สีกระดาษ ไหมชอบการแมทช์สี Color communication งานของไหมมีการใช้สีในแบบของไหมเอง และไหมชอบดอกไม้ ไหมทำงานร้านดอกไม้มาก่อน ส่วนใหญ่งานไหมจะเป็น Theme ดอกไม้ และมี Option เพิ่มให้ได้ตามที่ลูกค้าต้องการ มีไซส์ต่างๆ ให้เลือก หากต้องการตกแต่งซุ้มประดับรูปเพิ่มเติม หรือต้องการเป็นสไตล์ minimal ลูกค้าก็สามารถเลือกได้ตามต้องการ"
“ภาพที่เป็นคน ไหมจะไม่ทำเป็นการ์ตูนมาก ไหมทำเป็นโครงร่างคน แต่ไม่ใส่หน้าตา แล้วก็ Products ที่คิดเอง ไม่ได้เอามาจากใครเลย คือกรอบใส่รูปถ่าย ที่ทำเป็นโครงสามมิติ เอาไปใส่ในกรอบรูปแล้วสามารถใส่รูปถ่าย เปลี่ยนรูปได้ อันนี้ไหมคิดเอง แล้วปกติ ไหมจะไม่ใช่ศิลปินจ๋า ที่เล่าเรื่องหรือสร้างสรรค์จากไอเดีย แต่ไหมจะชอบให้งานของไหมของมีฟังก์ชั่น เช่น อย่างน้อยการ์ด กรอบรูป ก็เอาไปใช้ได้จริง ยังมีคนที่ซื้อการ์ดมอบให้คนอื่นอยู่ ก็ถือว่ามีฟังก์ชั่นนะ มีประโยชน์นะ” ไหมบอกเล่าอย่างอารมณ์ดี
กระบวนการทำงาน
ถามถึงขั้นตอน กระบวนการทำงาน
ไหมเล่าว่า ปกติถ้าเป็นงานสั่งทำ ไหมจะรับบรีฟจากลูกค้าเป็นลำดับแรกพร้อมส่งข้อมูลให้ว่าลูกค้าสามารถ Custom-made อะไรได้บ้าง เมื่อรับบรีฟมา ไหมก็จะสเก็ตช์ส่งกลับไปให้เป็นแบบลายเส้น โดยลายเส้นจะเป็นสไตล์ไหม ส่วนโทนสีลูกค้าก็แจ้งไหมมา เมื่อเค้าเช็ค หรือหากมีการแก้ไข ก็ส่งกลับไปใหม่ แล้วก็มาเริ่มทำชิ้นงานจากแบบสเก็ตช์ที่ส่งไปให้ลูกค้า
เอกลักษณ์อย่างหนึ่งในผลงาน Papercraft ของไหมคือ ในงานที่เป็นโครงร่างของบุคคล แม้เป็นไม่เห็นหน้าตาคนปรากฏในงาน แต่โครงร่าง รายละเอียดต่างๆ คาแรคเตอร์ล้วนชัดเจนโดดเด่นและมีอัตลักษณ์ส่วนบุคคลบางประการแฝงอยู่ทั้งสิ้น เช่นนั้นแล้ว หมายความว่า ลูกค้า ต้องส่งรูปเจ้าตัวให้ไหมด้วย เพื่อการออกแบบ ดีไซน์ที่ตรงใจที่สุด
“ลูกค้าต้องส่งรูปเค้าให้ไหมด้วยค่ะ ไหมจะแนะนำว่าอย่างน้อยๆ ขอทรงผม โครงหน้า ชุดที่เค้าต้องการ โดยสิ่งเหล่านี้ เค้าสามารถส่งแยกกันมาให้เราได้นะคะ ไม่จำเป็นต้องส่งรูปเดียว อาจเป็นรูปคนนี้ ขอเสื้อผ้าชุดนี้ ผมแบบนี้ ส่งภาพแยกกันมาก็ได้ แล้วไหมก็จะสเก็ตช์ส่งให้เค้าดู งานของไหม จะไม่เห็นหน้าคนและไม่ใช่สไตล์การ์ตูนจ๋า ไม่ใช่ตัวการ์ตูน เพราะฉะนั้น เวลาเรามอง ถ้าเป็นคนนอก ดูแล้วก็ไม่รู้ว่าใคร แต่ถ้าเป็นรูปตัวเค้าเอง คนๆ นั้น ก็จะดูออกว่านี่คือตัวเค้า”
สำหรับภาพงานแต่งงาน ส่วนใหญ่เค้าก็อยากได้มาจากรูปพรีเวดดิ้งเลย อยากให้เหมือนในรูปเลย เค้าอยากได้แบบนั้น”
เฉลี่ยแล้วไหมมีออเดอร์เข้ามาไม่น้อยกว่า 10 ชิ้นต่อเดือน
ทุกกระบวนการ ไหมทำเองทำคนเดียวทั้งหมด ขณะที่กรอบรูป ไหมสั่งทำจากโรงงาน เป็นกรอบรูปที่มีความหนา มีช่องว่างอยู่ข้างในเพื่อรองรับงานของไหมที่ดูมีมิติ มีความ 2D ที่มีหลาย Layer หลายองค์ประกอบและหลากสีสัน
โดยรวมแล้ว ขนาดที่ลูกค้าสั่งจะมีให้เลือกตามไซส์กรอบรูป ได้แก่ 4X6 นิ้ว 5X7 นิ้ว 6X6 นิ้ว และ 6X8 นิ้ว ซึ่งไซส์ที่ลูกค้าสั่งเยอะที่สุดจะเป็น 5X7 นิ้ว ในกรณีที่ลูกค้าระบุขนาดกรอบรูปเองก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเพราะต้องสั่งทำแยกต่างหาก
ความท้าทายในงาน Papercraft
ถามถึงผลงานที่ผ่านมาบ้างว่ามีงานชิ้นไหนที่เล็กที่สุด ใหญ่ที่สุด ท้าทายที่สุด ที่เคยทำมา
ไหมตอบว่า “ถ้าเป็นงานที่เล็กที่สุด จะเป็นช่วงแรกๆ ที่ทำ ไหมอยากต่างจากคนอื่น เราอยากทำอะไรที่เป็นของเราเอง ไหมเลยทำเหมือนเป็นช่อ Bouquet เล็กๆ" (หมายเหตุ : Bouquet (บูเก้) คือช่อดอกไม้)
"งานชิ้นนี้ ไหมยังเก็บไว้อยู่ที่สตูดิโออยู่เลยค่ะ ไม่ได้ขายไม่ได้ยกให้ใครด้วย ถ้ามาที่สตูดิโอก็จะเห็นค่ะ ขนาดประมาณ 7 X 7 เซนติเมตร เป็นช่อดอกไม้ขนาดเล็ก”
“จริงๆ แล้ว ช่อดอกไม้นี้ไหมทำให้ร้านดอกไม้ที่ไหมเคยทำงานอยู่ พี่เค้าจ้างทำปฎิทินออนไลน์ไว้แจกลูกค้า แล้วเค้าซื้อเป็นไฟล์ ไหมก็ยังเก็บตัวชิ้นงานจริงไว้อยู่”
สำหรับชิ้นงานชิ้นที่ใหญ่ที่สุดที่ไหมเคยทำมาและรู้สึกว่าท้าทาย ก็คืองานที่ Collab กับคาเฟ่ Huus Plate สุขุมวิท 60
“เป็นงาน Collab ครั้งแรกของร้านเค้าด้วย เค้ามีไอเดียแต่ยังไม่เคยทำ ไหมเองก็ไม่เคยทำงานที่เป็นเชิงตกแต่งสถานที่ด้วย ก็เลยรู้สึกว่ามีความยาก แต่โชคดีที่เค้ามีไอเดียที่ค่อนข้างชัดเจน แล้วเราช่วยดีไซน์ให้ ว่าถ้าเป็นสไตล์เราแล้วไปอยู่ในภาพที่เค้าต้องการจะเป็นยังไง เราก็สเก็ตช์ไปให้ก่อน แต่ความยากคือ สเกลร้านอาจดูเหมือนไม่ได้ใหญ่ แต่ต้องทำเยอะมากกว่าที่คิด และมีบางอย่างที่กระดาษมันทำไม่ได้ เราก็ต้องเอาดีไซน์ภาพรวมที่เราทำไว้ ไปดีไซน์ร่วมกับวัสดุอื่น เช่นไปเลเซอร์ไม้แล้วก็มาทำสี อาจไม่ได้ยากมากแต่ก็เกิน Scope ของ mami papercraft ไปหน่อย แต่ไหมรู้สึกดีนะที่ได้ทำ งานนี้เน้นภาพรวมการใช้สีและดีไซน์ค่ะ”
งานตกแต่งคาเฟ่ที่ว่านี้ เจ้าของร้านค่อนข้างเปิดกว้างให้ไหมว่าอยากตกแต่งแบบไหน ขณะเดียวกัน เจ้าของร้านก็แจ้งว่าอยากได้อะไรไว้ที่ร้านบ้าง อย่างเช่น อยากได้โมบายห้อยด้านบนของร้าน
“แล้วมีห้องนึงที่เค้ายกให้ไหมออกแบบ ดีไซน์ จัด Exhibit ได้ แต่เค้าก็อยากได้จุดที่เป็นจุดถ่ายรูป ซึ่งหากเป็นจุดถ่ายรูป หมายความว่าต้องมีความใหญ่ประมาณนึง แต่สเกลงานที่ไหมทำมาก่อนหน้านี้ มันจะเป็นงานเล็กมาโดยตลอด แต่ก็ไม่เป็นไร รู้สึกว่าเราทำได้ แม้สไตล์งานมันค่อนข้างฉีกจากงานที่เราเคยทำมา”
“งานนี้ใช้เวลาทำ ตั้งแต่เริ่มลงมือทำจนแล้วเสร็จ น่าจะประมาณเดือนนึง แต่พอเข้าไปติดตั้ง พบปัญหาว่างานที่มีดูน้อยเกินไป มันดูโล่ง ก็เลยต้องไปทำเพิ่มหน้างาน ยืดเวลาไปอีก 4 วัน”
“ณ ตอนนี้ ไหมถือว่างานนี้ยากและท้าทายที่สุดที่เคยทำ ในเชิงของความกดดันด้วย เพราะเป็นสเกลที่ค่อนข้างใหญ่ มีเรียกเพื่อนมาช่วยบ้างนิดหน่อย แต่ว่า ส่วนใหญ่ไหมทำคนเดียวค่ะ งานนี้ทำขึ้นเดือนธันวาคมปีที่แล้ว เป็นงานตกแต่งทั้งร้านเลย แต่ตอนนี้ถ้าไปที่ร้านก็ไม่เห็นแล้วนะคะ เพราะเป็นแค่อีเวนต์ช่วงนั้นค่ะ”
Proud กับ Montblanc
ใช่เพียงตัวอย่างงานที่กล่าวมาเท่านั้น ยังมีอีกโปรเจ็กต์ที่ไหมรู้สึกท้าทายและภูมิใจอย่างมากที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานนี้ งานที่ว่านี้คือกลุ่มงานที่ไหมทำให้ลูกค้าแบรนด์เนมระดับโลกอายุนับร้อยปีจากเยอรมนีอย่าง Montblanc
“งานที่ทำให้แบรนด์เนม ถ้าเป็นงานที่ไหม Proud เลยนะ งานที่ดีใจที่ได้ทำ จะมีงานของ Montblanc เมื่อต้นปี 2025 ที่ผ่านมา Montblanc คือแบรนด์ที่เริ่มต้นมาจากแบรนด์ปากกาของเยอรมนี เจ้าหน้าที่เค้าทักมาถามเราว่า เราสามารถทำ Workshop กระดาษแบบที่เค้าต้องการได้มั้ย เค้าก็ส่งภาพมาให้ดูเลย เป็น Chinese paper cutting กระดาษแดงๆ ที่มีลายฉลุ ซึ่งไหมทำไม่ได้ ไหมก็บอกเค้าว่าไหมทำไม่ได้ ไหมไม่ได้ทำสายนี้เลย ถ้าทำผิด มันจะไปผิด Tradition เค้ารึเปล่า ไหมก็เลยไม่ทำ แล้วบอกเค้าว่า ถ้าจะให้เราทำ เราขอเสนอแบบใหม่ให้แทน”
“ไหมก็สเก็ตช์แบบใหม่ส่งไปให้เค้าว่าถ้าให้เราทำ เราสามารถทำแบบนี้ให้ได้ แล้วไหมก็ส่ง Solution ในการจัด Workshop ไปด้วย เพราะว่าถ้าเป็นลูกค้าในห้างฯ จะไม่เหมือน ลูกค้าที่มา Workshop กับเรา เพราะลูกค้าที่มา Workshop กับเรา เค้ามีความอยากลงมือทำ 100% แต่ถ้าเป็นในห้างฯ ลูกค้าแบรนด์ เค้าไม่ใช่มา Spend time เพื่อทำกิจกรรมอื่น นอกจากสิ่งที่เค้าตั้งใจมา เช่น มาซื้อของ หรือเค้าต้องมีธุระอื่นไปทำต่อ แต่เราก็เข้าใจแบรนด์ ว่าอยากมีกิจกรรมให้ลูกค้ามากกว่าการไปขายของให้ลูกค้า ไหมก็เสนอแบบไปให้ แล้วก็อธิบายว่า ลูกค้าสามารถใช้เวลาเท่านี้ ในการได้ทำอะไรบ้าง แล้วเราก็เสนอราคาไปเลย เค้าก็สนใจ คนที่ติดต่อมา เป็นเจ้าหน้าที่ชาวสิงคโปร์ของแบรนด์ Montblanc”
“ทีมสิงคโปร์ เค้าจะดูแล Montblanc สาขาสิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย เค้าก็ถามไหมว่า ไหมสามารถทำอันนี้ แล้วส่งไปให้ที่มาเลเซียกับสิงคโปร์ด้วยได้ไหม ความยากคือ เค้าต้องการงานภายในสองอาทิตย์ งานนี้จึงเป็นสเกลที่ไหมต้องผลิตของประมาณ 900 ชิ้น ภายใน 2 อาทิตย์ มันเริ่มยากแล้ว แต่เราอยากทำ เพราะเป็นงานแบรนด์ที่เราไม่ใช่จะได้มาง่ายๆ เราก็ต้องสู้ ว่าเราทำได้ แล้วก็ต้องมีระยะเวลาในการจัดส่งอีก ต้องส่งให้ทัน ตอนนั้นทำเป็นธีม Chinese New Year สรุปว่าทั้งหมดก็ผ่านไปได้ด้วยดี”
ไหมเล่าว่า Workshop นี้ จัดในห้างฯ ที่มีสาขาของแบรนด์ Montblanc ทั้งในไทย สิงคโปร์ และมาเลเซีย
“ส่วนใหญ่งานของแบรนด์ เขาจะ Request มาให้พนักงานสามารถเป็นคนแนะนำให้ลูกค้าทำได้เลย ไหมเพียงแค่ส่งเป็นคลิปวิดีโอให้เค้าไว้ดูเพื่อทำความเข้าใจแล้วไปสอนลูกค้าทำได้ ซึ่งมันก็ไม่ได้ยาก เป็นการเน้นติด ตกแต่ง ให้เค้าเลือกชิ้นที่เค้าต้องการ ติด จบ ล็อตนั้นทำให้เหมือนกันทั้งไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย รวมทั้งหมด ประมาณ 900 ชิ้น”
“ครั้งนั้น เขาให้เวลา 2 อาทิตย์ แต่ไหมต้องทำให้เสร็จภายใน 1 อาทิตย์ เพราะว่าเราต้องส่งไปต่างประเทศด้วย ก็ต้องเผื่อเวลา ตอนนั้น แก้ปัญหาด้วยการที่ว่า มันมีทั้งของที่ไหมทำเองได้ กับของที่ส่งไปผลิต ซึ่งไหมจะมี Supplier ฝั่งกระดาษอยู่แล้ว และไหมก็ต้องทำ Mockup ให้ลูกค้าโดยการสั่งกระดาษมา (หมายเหตุ : Mockup หมายถึงแบบจำลองที่เสมือนจริงของงานออกแบบ) ซึ่ง Mockup ทั้งหมดเป็นงานทำมือ แต่พอถึงเวลาผลิตจริง อย่างกระดาษที่ต้องฉลุเยอะๆ ไหมสั่งร้าน แล้วให้ไปส่งที่โรงพิมพ์ที่เค้าสามารถทำบล็อค ตัดงานหลายชิ้นทีเดียวได้”
ไหมยอมรับว่า ผลงานที่ทำให้ Montblanc ทำให้ไหมเป็นที่รู้จักและได้รับการติดต่อจากลูกค้าแบรนด์เนมอีกหลายรายตามมา
กระทั่งทุกวันนี้
Reuse-Recycle เศษกระดาษ และแรงบันดาลใจใหม่ๆ
ถามว่ามีรูปแบบ ไอเดีย แรงบันดาลใจใหม่ๆ อะไรอีกบ้างเกี่ยวกับงาน Papercraft ที่คุณอยากลองทำ
ไหมกล่าวอย่างกระตือรือร้นว่า “ สิ่งที่อยากทำคือ ไหมอยากนำกระดาษที่เหลือใช้ มา Reuse Recycle ทำเป็นกระดาษสา ตอนนี้ได้ทดลองทำบ้างแล้ว เนื่องจาก เมื่อไหมทำงานตรงนี้ไปสักพัก ขยะกระดาษเยอะมาก จึงอยากจะลองเอามารียูส เอามาทำเป็นการ์ด เป็นของเฉพาะที่ผลิตภัณฑ์นี้มาจากกระดาษรีไซเคิลนะ Limited นะ ทำได้แค่เท่าที่เศษกระดาษเรามี ก็อยากทำแบบนั้นดู แล้วก็อยากลองทำการ์ดใหม่ๆ เพิ่ม ตอนนี้ กรอบรูป ไหมมีแบบ DIY แล้ว คือมันเป็นสเกลใหญ่ ราคาก็อาจจะสูง แต่การ์ดก็ทำได้หลายรูปแบบ ยังต่อยอดไปได้อีก”
นอกจากนี้ อีกสิ่งที่ไหมอยากทำคือ งาน Papercraft รูปสัตว์ต่างๆ ในแบบน่ารักๆ ที่อยากทำให้มากขึ้น
อดถามไม่ได้ว่าคุณมีคำแนะนำใดบ้าง แก่ผู้ที่สนใจงาน Papercraft แต่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร
ไหมตอบว่า “คนส่วนใหญ่ หากเห็นแล้วอยากลองทำใช่ไหมคะ แนะนำว่าให้ลองทำเลย ง่ายสุดก็ไปลอง Workshop กับคนที่เค้าจัดสอนก่อนก็ได้ ลองทำแบบง่ายๆ ก็ได้ค่ะ จะได้รู้ว่าเราชอบหรือไม่ชอบจริง หรือลองซื้อกระดาษมาแล้วลองทำเองเลย”
บทสนทนาเดินทางมาถึงคำถามสุดท้าย คุณคิดว่าศิลปะ Papercraft ได้รับความนิยมในวงกว้างแค่ไหน
ไหมตอบว่า “ในมุมมองส่วนตัวของไหม รู้สึกว่าคนสนใจมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก เชื่อว่าในอนาคต ศิลปะแขนงนี้ก็น่าจะยังอยู่ น่าจะปรับตัวไปเรื่อยๆ ด้วยตัวศิลปินเองแต่ละคน เค้าก็คงปรับตัวตามยุคสมัยด้วย”
“มันยากที่จะบอกว่าสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้จะอยู่ไปตลอด แต่เราก็ต้องปรับตัวเช่น เข้าหาลูกค้ามากขึ้น Develop สินค้าให้น่าสนใจขึ้น แตกต่างมากขึ้น แต่ละ Season มีงานใหม่ๆ ถ้าเราปรับตัวไปเรื่อยๆ มันก็น่าจะอยู่ได้นานแน่นอน”
ผู้ก่อตั้ง mami papercraft กล่าวทิ้งท้าย
Text By : รพีพรรณ สายัณห์ตระกูล
Photo By : รพีพรรณ สายัณห์ตระกูล, พรรษมนต์ ศุภจารีรักษ์
FB : mami papercraft
IG : mami.papercraft


