xs
xsm
sm
md
lg

5 ปัจจัย สู่วิกฤตราคาไข่ไก่ : เสียงเรียกจากฟาร์มสู่การตัดสินใจเชิงนโยบาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กำลังซื้อชะลอตัว เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคลดลง โดยเฉพาะแรงสะท้อนของเศรษฐกิจที่อ่อนแรง และความเปลี่ยนแปลงทางสังคม เหล่านี้ล้วนส่งผลโดยตรงต่อผู้เลี้ยงไก่ไข่ทั่วประเทศกำลังเผชิญกับวิกฤตที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เมื่อราคาขายไข่ไก่คละหน้าฟาร์มลดลงต่อเนื่อง จากระดับ 3.60 บาทเมื่อต้นปี 2568 จนแตะระดับต้นทุนการผลิตที่ 3 บาทต่อฟอง ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2568 ความเปราะบางนี้ไม่ใช่เพียงตัวเลข แต่คือชีวิตของเกษตรกรรายย่อยที่กำลังถูกบีบให้หันหลังจากอาชีพที่เลี้ยงครอบครัวและชุมชน

5 ปัจจัยที่ฉุดรั้งราคานั้นหลากหลายและซับซ้อน คือ 1.เศรษฐกิจโลก-เศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะชะลอตัว 2.การปิดเทอมของโรงเรียน 3.เทศกาลกินเจ 4.การลดลงของนักท่องเที่ยว และ 5.ความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ล้วนส่งผลให้ความต้องการบริโภคไข่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ผลผลิตยังคงหลั่งไหลออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง

มากไปกว่านั้น คือการที่เกษตรกรไม่สามารถปลดแม่ไก่ตามเกณฑ์อายุ 80 สัปดาห์ได้ เนื่องจากราคาจำหน่ายแม่ไก่ปลดตกต่ำตามราคาไข่ ส่งผลให้แม่ไก่ยืนกรงเกินอายุสะสมในระบบจำนวนมาก รวมถึงการส่งออกแม่ไก่ปลดไปกัมพูชาต้องหยุดชะงัก ปัญหาก็ยิ่งทวีความรุนแรง กลายเป็นแรงกดดันซ้ำซ้อนต่อราคาภายในประเทศ

ในภาวะเช่นนี้ การตัดสินใจของภาครัฐจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการพิจารณาขยายโควตานำเข้าพ่อ–แม่พันธุ์ไก่ไข่ในปี 2569 หากดำเนินการโดยไม่คำนึงถึงภาวะตลาดจริง อาจเป็นการเติมเชื้อไฟให้กับวิกฤตราคาในปีหน้าอย่างไม่อาจควบคุมได้

การบริหารจัดการโควตานำเข้าควรตั้งอยู่บนหลักของความสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน พร้อมทั้งต้องมีมาตรการ Biosecurity ที่เข้มงวด เพื่อป้องกันโรคระบาดสัตว์ปีกที่อาจสร้างความเสียหายร้ายแรงต่ออุตสาหกรรมไก่ไข่ไทย

ในอีกด้านหนึ่ง ผู้บริโภคคือพลังสำคัญที่สามารถช่วยพยุงตลาดไข่ไก่ได้ ด้วยการเลือกบริโภคไข่ให้มากขึ้น เพราะไข่ไก่คือโปรตีนคุณภาพสูงที่เข้าถึงได้ง่ายและมีราคาย่อมเยา การสนับสนุนการบริโภคไข่จึงไม่ใช่แค่การช่วยเกษตรกร แต่คือการร่วมสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับประเทศ

ปัจจุบัน การบริโภคไข่ไก่ของประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศพัฒนาแล้ว และแม้แต่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียก็มีอัตราการบริโภคสูงกว่าชัดเจน ซึ่งค่ามาตรฐานที่แนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ อยู่ที่ประมาณ 250–300 ฟองต่อคนต่อปี ขณะที่คนไทยบริโภคเพียง 190 ฟองต่อคนต่อปีเท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าหลายประเทศในเอเซีย อาทิ ฮ่องกง 400 ฟอง จีน 360 ฟอง ญี่ปุ่น 330 ฟอง เป็นต้น
ที่ผ่านมา กรมปศุสัตว์ได้ดำเนินมาตรการสนับสนุนเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง ทั้งการควบคุมการนำเข้าพ่อแม่พันธุ์ การประชุมขอความร่วมมือในการรักษาเสถียรภาพราคา และการส่งเสริมองค์ความรู้ด้านการเลี้ยงไก่ไข่ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด แต่ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ มาตรการเหล่านั้นต้องได้รับการเร่งรัดและขยายผลอย่างจริงจัง

ไข่ไก่ไม่ใช่เพียงสินค้าทางการเกษตร แต่คือเส้นเลือดของความมั่นคงทางอาหารของคนไทยทุกครัวเรือน การรักษาเสถียรภาพราคาไข่จึงไม่ใช่ทางเลือก แต่คือภารกิจร่วมกันของทุกภาคส่วน ที่ต้องลงมือทันที ก่อนที่ฟาร์มเล็กๆ จะกลายเป็นเพียงความทรงจำในหน้าประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทย


กำลังโหลดความคิดเห็น