xs
xsm
sm
md
lg

“โจ๊ก” เฟกนิวส์ เคลมผลงานจับ “เสอ จื้อเจียง” อ้างปัดสินบน 600 ล้าน แต่ตอบได้ไหมใครไถเงิน “เตียว ฮุยฮวด” 150 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“บิ๊กโจ๊ก” เดินสายออกสื่อ อ้างตัวเป็นผู้รู้ลึกรู้จริงเรื่องขบวนการสแกมเมอร์ เคลมผลงานจับ “เสอ จื้อเจียง” เจ้าพ่อชเวโก๊กโก่ ทั้งที่คนนำจับตัวจริงคือ “บิ๊กใหม่-พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์” แถมอวดอ้างความซื่อสัตย์ปฏิเสธสินบน 600 ล้านจาก 2 เจ้าพ่อจีนเทา แต่น่าจะสืบหน่อยใครไถเงิน “เตียว ฮุยฮวด” 150 ล้าน และน้องชายไปนั่งข้างๆ ได้ยังไง




ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก” เมื่อวันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม 2568 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวถึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ “บิ๊กโจ๊ก” อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ได้เดินสายออกสื่ออ้างตัวเองว่าเป็นผู้รู้ลึกรู้จริงขบวนการสแกมเมอร์ ถึงขั้นพูดเคลมผลงานว่าเป็นคนจับกุมนายเสอ จื้อเจียง เจ้าของอาณาจักรสแกมเมอร์ที่เมืองชเวโก๊กโก๋ ประเทศพม่า ตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งขณะนี้ถูกจำคุกในประเทศไทย รอการส่งตัวไปดำเนินคดีที่ประเทศจีน

นายเสอ จื้อเจียง
นายสนธิกล่าวว่า นี่เป็นการโกหกออกสื่อแบบไม่อาย เพราะในความเป็นจริงนายเสอ จื้อเจียง ถูกตำรวจไทยใช้หมายจับตำรวจสากลบุกรวบตัวเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2565 ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในย่านบางนา ขณะนายเสอ จื้อเจียง กินข้าวพูดคุยอยู่กับไฮโซคนไทยคนหนึ่ง

หัวหน้าชุดจับกุมครั้งนั้นคือ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.ในขณะนั้น โดยไม่ได้มีชื่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ร่วมจับกุมด้วยแต่อย่างใด

พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์
หลังการจับกุมเสอ จื้อเจียง ในเดือนสิงหาคม 2565 พอถึงสิ้นเดือนกันยายน 2565 พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ก็เกษียณอายุราชการไป ทิ้งผลงานโบแดงชิ้นนี้ไว้ เป็นผลงานสุดท้าย

แต่ผ่านไปไม่กี่ปี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ก็โผล่มาเคลมผลงานเอาดื้อๆ แอบอ้างว่าเป็นผู้จับกุมเสอ จื้อเจียง ทั้งที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ในปฏิบัติการนั้น ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ก็โดนคดีส่วยเว็บพนันจนถูกดำเนินคดีอาญา ถูกไล่ออก กระนั้นก็ยังกล้าอวดอ้างออกสื่อว่าตัวเองเป็นศัตรูของพวกเว็บพนัน พวกสแกมเมอร์ทั้งหลาย ไม่เคยรับส่วยใดๆ


ทั้งนี้ ในรายการ “เรื่องนี้ต้องเคลียร์ Top Talk” ออกอากาศทาง Top News เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2568 มีนายวรเทพ สุวัฒนพิมพ์ หรือต้น เป็นพิธีกร หัวข้อ “แฉ บิ๊กเนมเอี่ยวสแกมเมอร์-ไทยเทาฐานใหญ่ฟอกเงิน สะเทือนมูลนิธิดัง” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไปออกรายการได้กล่าวตอนหนึ่งว่านายเสอ จื้อเจียง ซึ่งก่อสร้างเมืองชเวโก๊กโก่ ที่ติดกับแม่สอด มูลค่าประมาณ 7 พันกว่าล้าน กับผู้พันหม่องชิตตู่ หลังจากถูกตนจับกุมแล้ว นายเสอ จื้อเจียง ก็ส่งคนมาติดต่อบอกว่าขอให้ส่งเขาไปกัมพูชา อย่าส่งไปจีน โดยเสนอสินบนให้ 300 ล้านบาทเป็นการตอบแทน

เช่นเดียวกับ นายเตียว ฮุยฮวด ที่สร้างเมืองที่สะเดา และอยู่กับนักการเมืองดังภาคใต้ แล้วนักการเมืองคนนี้ก็เป็นรัฐมนตรี แต่ตนให้ลูกน้องไปจับตามที่รัฐบาลจีน โดยนายหลิว จงอี้ บอกว่าให้ช่วยจับ เพราะว่าฉ้อโกงเงินในประเทศจีนไปหลายหมื่นล้าน ด้วย พอจับปั๊บก็เอาตัวมาขังที่กรุงเทพฯ เพราะขังที่สงขลาไม่ได้ เดี๋ยวหนี สู้กันนาน ก็สูตรเดิมอีก เตียว ฮุ่ย ฮวด บอกผู้กำกับสืบสวนจังหวัดสงขลา ให้มาบอกว่าจะเสนอเงินให้ 300 ล้านเพื่อให้ส่งตัวไปกัมพูชา แต่ตนไม่ยอม ต้องส่งไปจีนเท่านั้น

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวอีกว่า “ผมไม่ได้บอกว่าผมเก่ง แต่ว่ามันลำบาก เพราะอะไร? เพราะเงินมันเยอะ เห็นไหมครับ ผมถึงบอกว่า เอาอย่างนี้ ผู้ชมอย่าเชื่อผมนะ แต่ว่าเรื่องที่ผมทำงานเป็นข้อเท็จจริง ผมถึงบอกว่า บอกว่าผมรับเว็บพนันของมินนี่ กระจอก 5 ล้าน 3 ล้าน 300 ผมยังไม่เอาเลย คนอย่างผมจะมารับบ้าๆ บอๆ อย่างนี้ มันไม่ใช่ยี่ห้อผม”


นายสนธิกล่าวว่า ต้องขอชมเชยพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่ไม่รับสินบนจากนายเสอ จื้อเจียง 300 ล้าน และนายเตียว ฮุยฮวด 300 ล้าน รวมเป็น 600 ล้าน อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ต้องตอบคำถามกรณีที่มีภาพของนายเจษฎา หักพาล หรือ “หนุ่ม” น้องชายแท้ๆ ของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไปนั่งอยู่ข้างๆ นายเตียว ฮุยฮวด ในงานเลี้ยงแห่งหนึ่ง


ซึ่งนายเตียว ฮุยฮวด หรือโทนี่ เตียวสัญชาติมาเลเซีย ได้ถูกส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน กลับไปดำเนินคดีที่จีนในคดี "ฟอกเงิน" เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2567 ในข้อหาจัดตั้งองค์กรที่ชักจูงและประกอบสินค้าขายตรง แอบอ้างเป็นธุรกิจการให้บริการ โดยให้ผู้เข้าร่วมชำระเงินค่าบริการหรือสินค้าเพื่อเข้าเป็นสมาชิกที่มีลักษณะแชร์ลูกโซ่ที่ประเทศจีน

มีการตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง “เตียว ฮุยฮวด” กับน้องชายและแม่ของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ มีข่าวว่าเตียว ฮุยฮวด เคยพาพวกเขาไปเที่ยวมาเลเซีย และมีภาพนั่งติดกันในงานเลี้ยง จึงถูกตั้งคำถามว่า หากไม่สนิทจะนั่งข้างกันได้อย่างไร


"ผมคิดว่า เมื่อผมเชื่อแล้ว ก็อยากจะถามว่า คุณสุรเชษฐ์ครับ ไม่ทราบว่า เตียว ฮุยฮวดเขาสนิทสนมกับน้องชายคุณและคุณแม่คุณด้วยหรือเปล่า มีข่าวว่าเขาเคยพาน้องชายคุณ คุณแม่คุณไปเที่ยวที่มาเลเซีย และคนบางคนด้วย ผมไม่ทราบว่าคุณไปด้วยหรือเปล่า ถ้าคุณรู้ดีว่าข้อมูลเป็นอย่างไร ผมคิดว่าวิธีสืบของคุณไม่น่าจะสืบได้ยาก ผมคิดว่าคุณคงสืบได้ว่า เตียว ฮุยฮวด เคยโดนตำรวจรีดไถมาระยะหนึ่งแล้ว เสียเงินสดหลักหลายสิบล้านบาท ด้วยข้ออ้างสารพัด ผมเชื่อว่าไม่ใช่คุณ เพราะสามร้อยล้านบาทคุณยังไม่เอาเลย แล้วหลายสิบล้านบาท คุณจะไปยุ่งด้วยได้อย่างไร" นายสนธิกล่าว


นอกจากนี้ มีข้อมูลว่า เตียว ฮุยฮวดเคยถูกตำรวจบางนายรีดไถหลายสิบล้านบาท และยังมีการขอเงิน 150 ล้านบาท โดยอ้างหากไม่จ่ายจะมีปัญหา

นายสนธิตั้งข้อสงสัยว่า ในเมื่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยืนยันว่าไม่รับ 300 ล้านจากทั้ง เสอ จื้อเจียง และเตียว ฮุยฮวด เรื่อง 150 ล้านก็คงไม่เกี่ยวข้อง แต่ในฐานะที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เคยประกาศความบริสุทธิ์ ควรสืบว่าใครเป็นผู้เรียกเงิน เตียว ฮุยฮวด 150 ล้านดังกล่าว

“ไหนๆ คุณก็รู้เรื่องดีแล้ว แต่มันมีข่าวว่ามีคนไปเรียกเงินเตียว ฮุยฮวด ไม่ใช่ 300 ล้านนะ แค่ 150 ล้านเอง แต่ เตียว ฮุยฮวด ไม่ให้เพราะไม่มีเงิน เพราะโดนรีดไถไปมากแล้ว ก็เลยไปพึ่งพาคุณเดชอิศม์ ในฐานะคนรู้จักกัน เพราะคุณเดชอิศม์ก็เป็นคนที่นั่น สนิทกับ เตียว ฮุยฮวด แต่เชื่อว่าไม่ได้มีธุรกรรมอะไรผิดกฎหมายกับเตียว ฮุยฮวด แต่เตียว ฮุยฮวด เป็นนักลงทุน จะลงทุนแบบไหน จะรวยมาจากอะไร ก็ขนเงินเข้ามาทางสงขลา มาลงทุน มาสร้างพระ สร้างพระพิฆเนศสีชมพู สร้างโน่นสร้างนี่ คือทำบุญทำทาน คุณเดชอิศม์ก็เลยพลอยถูกตำรวจบางนายหมั่นไส้ เล่นงานเอา ทั้งๆ ที่ผมเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่าคุณเดชอิศม์ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเตียว ฮุยฮวด แค่รู้จักกันเท่านั้นเอง

"ที่ผมไม่เข้าใจจริงๆ ให้ตายสิ ว่าทำไมในงานเลี้ยง น้องชายคุณนั่งสนิทสนมกับ เตียว ฮุยฮวด มันเป็นไปได้อย่างไร ช่วยออกรายการคุณต้นอีกทีได้ไหม แล้วคุณช่วยแก้ข้อกล่าวหา นี่ผมไม่ได้กล่าวหาคุณนะ ผมตั้งข้อสังเกตว่ามันเป็นไปได้อย่างไร"


“แล้วผมก็ตั้งข้อสังเกตว่า ไหนๆ คุณก็โชว์ความเก่งกาจเหนือมนุษย์ เหนือตำรวจ ไอ้ที่เจ้าของโอเอมันฟ้องคุณข้อหาละเมิด เรียกเงินก้อนหนึ่ง และฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติเรียกเงินก้อนมหาศาลข้อหาละเมิดเช่นกัน หลังจากที่ศาลต้น อุทธรณ์ ฎีกา เขายกฟ้องโอเอ จากการดำเนินการจับกุมพวกเขามาโดยฝีมือคุณ คุณคิดอย่างไรครับ เรื่องนี้ ตอนนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับเละเลย เพราะเรื่องนี้ถ้าพูดไปตรงๆ แล้ว คดีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะสู้กับเจ้าของโอเอนั้น โอกาสจะชนะมีน้อยมาก เพราะตอนที่คุณจับเขาเข้าคุก ก็มีการอายัดทรัพย์เขา รถทัวร์เป็นร้อยๆ คัน เยอะแยะไปหมดเลย จนกระทั่งทรัพย์สินเขาเสียหาย ฉิบหายวายป่วงหมด จนกระทั่งพอเขาชนะศาลต้น อุทธรณ์ ฎีกาแล้ว ตำรวจต้องคืนเงินให้เขา ทั้งหมดนี้คุณยอมรับไหมว่าเป็นฝีมือของคุณ เรื่องพวกนี้ทำไมคุณไม่พูดให้คนฟังบ้าง” นายสนธิกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น