xs
xsm
sm
md
lg

อุทาหรณ์! ฟ้าผ่ากลางยอดดอยปุยหลวง นักเดินป่าอาการสาหัส เพื่อนช่วย CPR ยื้อชีวิตก่อนเร่งหามลงเขา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เพจ "Junior Journey" เผยอุทาหรณ์เตือนใจคนรักการเดินป่า เล่านาทีชีวิต "พี่ติ๊ก" ถูกฟ้าผ่าเข้าเต็มๆ บนจุดสูงสุดของดอยปุยหลวง จ.แม่ฮ่องสอน ขณะถ่ายรูปหลังฝนหยุดตก กลุ่มเพื่อนและทหารช่วยปั๊มหัวใจและเร่งขนผู้บาดเจ็บลงจากยอดเขาอย่างทุลักทุเล ก่อนนำตัวส่งผ่าตัดสมองที่เชียงใหม่ หลังพบเลือดซึมในสมอง เหตุการณ์นี้ชี้ให้เห็นอันตรายจากการยืนในที่โล่งแจ้งบนยอดเขา แม้ฝนจะเพิ่งหยุดตก ย้ำทุกคนต้องไม่ประมาทกับฟ้าฝน

เมื่อวันที่ 30 ต.ค. เพจ “Junior Journey” ได้ออกมาโพสต์ข้อความเล่าเหตุการณ์เฉียดตาย ฟ้าผ่าบนดอยปุยหลวง จ.แม่ฮ่องสอน โดยเหตุการณ์นี้ถือเป็น อุทาหรณ์ เตือนให้ระวังฟ้าฝนและหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งหรือจุดที่สูงที่สุดของดอย เมื่อฝนตกหรือเพิ่งหยุดตก ทั้งนี้ ผู้โพสต์ได้ระบุข้อความว่า

“มาเริ่มกันเลยครับ กับเหตุการณ์เฉียดตายที่คาดไม่ถึง ก่อนอื่นผมจะขอเล่าแบบละเอียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครับ

วันที่ 11-13 ตุลาคม 2568 ผมเเละเพื่อนๆได้รวมกลุ่มกันเที่ยว ตอนเเรกมี 2-3 คน แปปๆมีคนอยากไปด้วยก็เพิ่มเป็น 10 คน เเต่มีคนอยากไปด้วยอีกเลยกลายมาเป็น 20 คน 2 คันรถตู้พอดี เราเป็นทริปหารค่าใช้จ่ายกัน ด้วยที่ผมชอบเที่ยวอยู่เเล้วเลยมีคนอยากไปด้วยหลายๆครั้ง เเละ 11-13 ตุลาเราได้ทำการจองขึ้นดอยกับชุมชนไว้ นานหลายเดือนมากๆ เพราะกลัวเต็มก่อน ทุกๆคนตื่นเต้นมากๆกับทริปนี้ที่จะได้ไปเที่ยวเจอกัน เพื่อนๆในทริปเป็นพี่ๆน้องๆเดินป่าด้วยกันมานานน่าจะร่วม 1-2 ปีได้เลย เราได้จองขึ้นทางหว่าวาโจเพราะคนน้อยกว่า เลยเลือกขึ้นกันที่นั้น

- 11.10.68
เรามาถึงตัวแม่ฮ่องสอนประมาณเที่ยงๆก็ได้เตรียมตัวจัดกระเป๋าเปลี่ยนชุด เตรียมขึ้นกระบะกันปกติ อาการร้อนมากเเดดออกไม่มีฝน เราก็ได้นั่งกระบะเดินขึ้นไปดอยหว่าวาโจตามปกติ ทุกคนสนุกกับคืนเเรกมากเราได้เล่นเกมส์เเละถ่ายดาวกัน เพราะวันนั่นเป็นวันที่ดาวสวยมากเห็นทางช้างเผือก คืนนั้นเป็นคืนที่วิเศษมากๆ เพราะทุกคนดีใจที่นานๆทีได้เจอกัน ถ่ายรูปสวยๆกันวันนั้น

- 12.10.68
เราตื่นเช้ามาดูพระอาทิตย์ขึ้นตรงเเคมป์เป็นวันสดใสสุดๆเเละตื่นเต้นที่จะได้ไปนอนคืนที่สองที่ปุยหลวง

สายๆเราได้ออกเดินทางไปที่ดอยปุยหลวง ระหว่างเดินก็หยุดพักถ่ายรูปกันทำคอนเท้นส์กลุ่มสนุกๆกัน
เราได้เดินมาถึงดอยปุยหลวงเวลา

• 15:50 เรากางเต็นท์ กางทาร์ปเสร็จ ฝนได้ตกลงมาประมาณ 10-20 นาทีได้ ระหว่างนั่นเราก็ได้อาบน้ำฝนกันสนุกสนาน ฝนตกแบบไม่มีฟ้าร้องฟ้าเเลบ (ถ้าคนเดินป่าบ่อยจะรู้ว่า บนดอยฝนตกๆหยุดๆเป็นเรื่องธรรมดา) พอฝนหยุดทุกคนก็อยากขึ้นยอดกัน เลยไปเปลี่ยนชุดเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมขึ้นยอดกัน

• 17.05 พวกเรา 17 คนพากันเดินขึ้นยอดกัน มีพี่ 2 คนที่ขออยู่เเคมป์ทำกับข้าวรอ เพราะขี้เกียจขึ้นไป เเละน้องอีกคนที่เดินนำไปก่อนเเล้วเราก็เดินถ่ายรูประหว่างทางขึ่นยอดไปเรื่อย โดยมีพี่ลูกหาบพี่ซันได้เดินนำทางขึ้นไปบนยอดปุยหลวง

• 17.25 ผมพี่ติ๊กเเละเพื่อนๆ 2-3 คนได้ถึงยอดกันก่อน ระหว่างนั่นก็ได้ถ่ายรูปกันบนยอด ตรงยอดจะมีป้ายเเละหมุดจุดสูงของดอยสุดอยู่ ทุกอย่างปกติ เหมือนฝนจะตกอีกรอบแบบไม่ได้เเรงมาก ทุกคนก็ยืนกางร่มหลบฝนกันเเถวๆยอด สักพักฝนก็หยุดตกไม่เเรงมาก(ไม่มีฟ้าเเลบฟ้าร้องมาก่อน)

• 17.32 ฝนก็หยุดตกเเละฟ้าก็เปิดมีเเสงเย็นกำลังผ่านทะลุเมฆมา ทุกคนก็เริ่มกระจายตัวถ่ายรูปกันบนยอด ผมก็ได้เดินไปถ่ายรูปหันหน้าไปฝั่งดอยหงอนไก่ ตอนนั่นฝนหยุดเเล้วฟ้าเปิดบางส่วน

• 17.43 ผมได้ถ่ายรูปสุดท้ายก่อนจะเกิดเหตุการณ์ฟ้าผ่า เปี้ยง!!!! ลงมาตรงไหนไม่รู้เเต่มีความรู้สึกว่าใกล้มากๆ จนรู้สึกโดนไฟช็ิอต เหมือนเเผ่นดินสะเทือน ตอนนั้นทุกคนก็ตกใจแล้วก็ช็อคเกิดอะไรขึ้น ผมได้ตะโกนบอกทุกคนทิ้งเครื่องมือสื่อสารหรือร่มที่ถือเเล้วหมอบลง แล้ว

• 17.45 ตอนนั้นก็ได้ยินเสียงกรี๊ดดังเกิดขึ้นจากพี่ในกลุ่ม ( ติ๊ก!!!!!!!!!!!!!! ) ทุกคนตกใจและช็อกกับเหตุการณ์มาก ตอนนั้นเห็นพี่ติ๊กนอนสลบ อยู่ตรงหมุดของดอย พี่ไมค์วิ่งเข้าไปหาพี่ติ๊ก เเละได้สังเกตุเเผลเบื้องต้น เเผลที่หัวใหญ่มายาวเท่าฝ่ามือเรามีเลือดไหล มีรอยไหม้และเสื้อฉีกขาด มีแผลไฟไหม้ช่วงคอลามไปช่วงหน้าอก ตอนนั้นได้เรียกชื่อ( ติ๊กๆ!! ได้ยินพี่ไหม ) เรียกอยู่อย่างนั้น แล้วทุกคนก็ช่วยกันตะโกนบอกพี่ลูกหาบว่ามีคนโดนฟ้าผ่า เเละฟ้าก็ได้เเลบอีกครั้ง เเต่ไม่ใช่ยอด น่าจะที่อื่น แล้วได้ยินเสียงฟ้าผ่าอีก ทุกคนต่างวิ่งกระจายตัวกัน และหมอบลง ผมก็ได้ตะโกนบอกทุกคนว่าอย่าจับร่มหรือไม้

เทรคกิ้งให้ปิดมือถือทิ้งวอสื่อสาร พอฟ้าเงียบ ทุกคนก็เข้าไปช่วยพี่ต่อ มีพี่ทหารที่มาเที่ยวได้มาช่วยกัน พยามเรียกสติจับชีพจร เพราะตอนนั้นชีพจรพี่ติ๊กอ่อนมากและทำการปั๊มหัวใจ พี่ไมค์ได้ปั๊มหัวใจไปสักพักนึงเเละพี่ทหารสลับกัน พี่ติ๊กก็เหมือนจะมีเสียงในครางๆ ฮือออ….~~~ ในลำคอไม่หยุด ทีนี้ ฟ้าได้เเลบอีกรอบ ทุกคนก็วิ่งกันอีกรอบ สถานการณ์ตอนนั้นค่อนข้างจะโกลาหล หลายคนเห็นแล้วก็ร้องไห้ แล้วก็กลัว ตอนนั่นฟ้ายังเเลบเเละผ่าบริเวณรอบๆดอย เลยคิดว่าตรงนี้ไม่น่าปลอดภัยต้องรีบเอาลงไปที่แคมป์ก่อน เพราะไม่รู้ว่าจะผ่าโดนใครอีกนะตอนนั้น ทุกคนกลัวมาก นะตอนนั้นทุกคนมีผ้าหรือเสื้อ เอามาห้ามเลือด ปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วก็ขนคนเจ็บลงขากยอดดอย

• 17.55 พอหามพี่ติ๊กได้สักพักนึงก็สลับกันกับพี่ลูกหาบ ตอนนั้นเหมือนพี่ติ๊กพยายามจะลุกขึ้นนั่ง ก็เลยได้พักกันช่วงก่อนจะถึงแคมป์ ผมก็ได้พูดกับพี่ติ๊กแล้วก็กอดพี่ติ๊กว่า ( พี่ติ๊กสู้นะ พี่ติ๊กต้องตื่นนะ พี่ติ๊กได้ยินเป้ไหม ถ้าพี่ติ๊กได้ยินพี่ติ๊กช่วยจับมือผมหน่อย ) ตอนนั้นพี่ติ๊กไม่มีสติ ไม่ลืมตา แต่ตอนที่ผมบอกให้พี่ติ๊กจับมือ พี่ติ๊กเอานิ้วมือมาประสานกันกับผมแน่นเลย เลยมั่นใจว่าตอนนั้นพี่ติ๊กยังมีสติอยู่ลึกๆ ตอนนั้นทุกคนก็เรียกพี่ติ๊กตลอดทาง

• 18:00 ก็ได้มาถึงแคมป์ พี่ทหารก็ได้หาท่อนไม้มาทำเปลสนาม แล้วได้คุยกับพี่ลูกหาบว่าจะเอายังไง จะเอาเฮลิคอปเตอร์มารับ หรือขนคนเจ็บลงไป ผมเเละเพื่อนๆก็เลย เฮลิคอปเตอร์ได้ไหม แต่พอโทรไปเหมือนฝั่งโน้นเเจ้งมาว่า อากาศไม่โปร่งไม่สามารถบินได้ ก็เลยมีวิธีเดียวคือหาบลงไป ตอนนั้นแคมป์ข้างๆและพี่ในแคมป์ที่เป็นพยาบาล ได้ทำการทำแผลประเมินเบื้องต้น แล้วลูกหาบ ก็ได้โทรประสานรถพยาบาล มารอรับที่ตีนดอยปุยหลวง

• 18.10 หลังจากที่ปฐมพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ก็เลยจัดทีมอาสาว่าใครจะลงไปบ้าง พี่ไมค์อาสาลงไปช่วย เเละพี่ๆในกลุ่ม พี่คิว พี่แอด พี่เปิ้ล(เพื่อนพี่ติ๊ก) เเละพี่กัปตัน(พี่กัปตันมีอาการมือบวมเเละหูอื้อ ต่องไปให้หมอตรวจเช็คอาการ) เพราะฉะนั้นมันเริ่มมืดแล้วอันตรายมาก เพื่อนในทริปก็อยากลงกัน แต่ผมคิดว่าที่้หลือไม่สามารถลงไปได้ไม่งั้นจะทำให้ การทำงานของคนอื่นลำบากมากขึ้น เพราะทางชัน มืดและลื่นมาก ก็เลยเหลืออีก 14 คนอยู่ข้างบน ผมคอยดูแลคนข้างบนที่เหลือ เพราะทุกคนยังสะเทือนใจกับเหตุการณ์ ค่อยลงดอยในตอนเช้าเอา

แล้วทุกคนก็ได้หามคนเจ็บลงไป มีทริปลูกหาบจาก gogotrip เข้ามาช่วยด้วย ตอนนั้นลูกหาบจากแคมป์อื่นก็ไปช่วยเหมือนกัน ต้องขอบคุณทุกคนมากๆเลยครับ ตอนนั้นผมก็ได้โทรไปเเจ้งเพื่อนสนิทพี่ติ๊ก พี่จุ พี่เเนน เเละเเจ้งครอบครัวให้ทราบ ทุกคนต่างตกใจมาก ผมก็ได้แจ้งไปตามเหตุการณ์

19:00 พี่ในกลุ่มได้ทำกับข้าวเสร็จ 14 คนที่เหลือ ทุกคนก็มานั่งล้อมวง ทานข้าวกัน ตอนนั้นไม่มีใครกินข้าวเลย กินได้แค่คำสองคำ ทุกคนยังช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทุกคนก็ได้เล่าเหตุการณ์ให้กันฟัง ว่าทำอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง พี่ลี่เป็นผู้เห็นเหตุการณ์ตอนที่สายฟ้ามันลงที่พี่ติ๊กพอดี เเกพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ เพราะภาพยังติดตาอยู่ พี่ลี่ได้เล่าว่า“ตอนนั่นติ๊กถ่ายรูปเเละได้ยืนหันหน้าไปทางเเคมป์ทางทิศเหนือ ได้มีสายฟ้าฟาดเปี้ยง!!! ลงที่หัวติ๊ก เเละติ๊กก็หงายหลังล้มลงไป” ทุกคนก็ต่างขนลุก เพราะเหตุการณ์นั้นมันเกิดขึ้นไม่ถึงหนึ่งวิเลย มันเกิดขึ้นไวมากจนทุกคนตั้งตัวไม่ทัน

• 20:47 ทุกคนก็ได้แยกย้ายกันเข้านอน ก่อนเข้านอนผมก็เลยชวนทุกคนสวดมนต์แล้วก็ตั้งจิตสงบนิ่งส่งกำลังใจให้พี่ติ๊ก 1 นาที แล้วทุกคนก็แยกย้ายกันแต่ก็ยังมีบางคนที่นั่งผิงไฟ แล้วก็เล่าเหตุการณ์ ต่างๆที่เคยเจอ เกี่ยวกับฟ้าผ่า คืนนั้นไปคืนที่ดาวสวยมาก ผมก็เลยบอกพี่ลี่ พี่ลี่เป็นพี่ที่ถ่ายรูปดาวประจำกลุ่ม “ พี่ลี่ผมรบกวนหน่อยได้ไหมถ่ายดาวคืนนี้เก็บไว้หน่อย อยากเก็บไว้ให้พี่ติ๊กได้ดูว่ามันสวยแค่ไหน” พี่ลี่ก็ตอบรับแล้วก็ถ่ายดาวกัน

• 21:30 พี่ลูกหาบก็ได้กลับขึ้นมา แล้วก็มาบอกว่าส่งพี่ติ๊กขึ้นรถพยาบาลเรียบร้อย ตอนนั้นทุกคนก็สบายใจมากขึ้น พี่ลูกหาบ บอกว่าไม่เคยเจอเหตุการณ์นี้เหมือนกัน พี่เขาก็กินข้าวไม่ลงผมพยายามเอากับข้าวที่ทำให้พี่ลูกหาบ เขาไม่กินเลย เขาบอกว่าเค้ากินไม่ลง พี่เขาก็ยังช็อคกับเหตุการณ์เหมือนกันไม่ต่างจากทุกคนตอนนั้น และพี่ลูกหาบจะพาขึ้นไปด้านบนเพื่อไปเก็บของที่เหลือ เพราะว่ามือถือพี่ติ๊กอยู่ข้างบน และของอื่นๆ

• 21:40 พี่ลูกหาบก็นำทีมขึ้นไปด้านบนเพื่อไปเก็บของที่เหลือ (ก่อนหน้าที่ไม่ขึ้นไปเพราะว่าพี่ในทริปเป็นห่วงอยากให้ไปตอนเช้า) พอขึ้นไปข้างบนรู้สึกได้ถึงใจหวิวๆ บรรยากาศวังเวงมาก แล้วก็พากันค้นหาของ ได้เจอไม้เทคกิ้ง ของพี่ติ๊ก สภาพด้ามจับระเบิดออก เดินอีกไม่ห่างกันมากก็เจอนาฬิกาที่สภาพสายขาดมีรอยไหม แล้วเดินไปอีกก็เจอโทรศัพท์พี่ติ๊กสภาพ หน้าจอแตกแต่ยังสัมผัสได้ปกติ แล้วก็เจอชิ้นส่วนเสื้อผ้าผมที่ไหม้ข้างบน ก็ได้เก็บกลับมาจนหมด

•23:00 คืนนั้นก็ได้อัปเดตข่าวจากด้านล่าง พี่ติ๊กได้เข้ารักษาด่วนเรียบร้อยแล้ว และหมอพยาบาลเห็นตรงกันว่า ต้องส่งตัวไปผ่าตัดสมองที่ โรงพยาบาลนครพิงค์ ที่เชียงใหม่ เพราะว่าจากผลการเอ็กซเรย์พี่ติ๊กมีเลือดซึมในสมอง ต้องผ่าตัดเร่งด่วน ทุกคนก็นั่งฟังข่าวด้วยกันในเต็นท์ ผมได้เปิดลำโพงมือถือให้ทุกคนได้ยิน โดยให้พี่เปิ้ลติดตามพี่ติ๊กไปที่เชียงใหม่ด้วย *ไม่สามารถไปได้ทุกคน

•24:00 มีพี่ในกลุ่มได้เป็นไข้หนาวสั่น บวกกับอาการแพนิค ที่ทุกคนเจอ ลืมบอกไปว่าวันนั้นทุกคนไม่กล้านอนคนเดียว จับคู่นอนด้วยกัน เพราะกลัวมาก เพราะภาพมันยังติดตาอยู่ คืนนั้นพวกเราได้นอนหลับกันไป เพราะต้องตื่น 6 โมงเช้ามาเก็บเต็นท์ ไม่กินข้าวเช้า 7 โมงตรงต้องลงเขาเลย

- 13.10.68
• 06:00 พวกผมได้ทำการเก็บเต็นท์ และได้โทรหาพี่เปิ้ล พี่เปิ้ล เป็นคนไปกับพี่ติ๊กที่เชียงใหม่ ตอนนั้นได้ถึงโรงบาลเรียบร้อยแล้วกำลังเข้าผ่าตัดด่วน ผมและเพื่อนทีมก็เริ่มอุ่นใจขึ้นเมื่อถึงมือหมอโดยปลอดภัย

• 07:00 ผมและเพื่อนๆก็ได้ถ่ายรูปรวม 14 คน แล้วได้ลงเขาทันที โดยไม่ได้ขึ้นไปถ่ายรูปที่ยอด เพราะสถานการณ์ตอนนั้นคือทุกคนไม่มีฟิลลิ่งเลยทุกคนต่างเศร้าและกลัว ระหว่างทางได้เจอทีมพี่ทหารที่เข้าไปช่วยพี่ติ๊กตอนนั้น ก็ได้ขอบคุณพี่เขาไป เพราะพวกพี่คือฮีโร่ที่ช่วยชีวิตพี่ติ๊กไว้

• 08:20 ทุกคนก็ได้ถึงตีนดอยแล้วก็ได้อำลาพี่ลูกหาบ พี่ซันหัวหน้าลูกหาบกลุ่มเรา ทุกคนได้ขึ้นรถเเละกลับไปที่หมู่บ้าน ทุกคนก็ยิ้มแบบ มีน้ำตาซึมออกมา มันตื้นตันใจ มันมีความรู้สึกว่า หนังเรื่องนี้มันจบแล้วหรอ ทำไมมันถึงจบแบบนี้

• 09:30 พอพวกเราไปถึงหมู่บ้านก็ ได้เจอหน้าพี่ไมค์ พี่ไมค์ยืนยิ้ม และมีน้ำตาไหลออกมา จนทำให้ผมน้ำตาใหลไปตามๆกัน ทุกคนเจอเหตุการณ์ที่เลวร้ายมากๆได้แต่กอดให้กำลังใจกัน แบบทุกคนทำเต็มที่แล้ว

ตอนนั้น พี่กัปตันที่มีอาการมือบวมได้นอนโรงพยาบาลหนึ่งคืนเพื่อเช็คอาการ ผมและเพื่อนเพื่อนได้ไปรับที่โรงพยาบาลที่ตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ทุกคนก็ต่างเจอหน้ากันเเละตกใจกับเหตุการณ์ ตอนนั้นพวกเราตกลงกันว่าจะไปเยี่ยมพี่ติ๊กที่เชียงใหม่ ปกติเราต้องกลับเส้นท่าสองยางจังหวัดตาก แต่วันนั้นเราตีตั๋ว ขึ้นไปปายเพื่อไปที่โรงพยาบาลนครพิงค์ ไปเยี่ยมพี่ติ๊กและพี่ชายพี่บินตรงจาก นครศรีธรรมราช มาอยู่เป็นเพื่อนพี่ติ๊ก พอไปถึงโรงพยาบาล เห็นพี่ติ๊กนอนตัดสกินเฮดอยู่บนเตียง ได้แต่ยิ้มแล้วก็ให้กำลังใจ และเดินเข้าไปจับมือบอกพี่ติ๊กสู้ๆนะ วันนั้นเป็นวันที่ทุกคนได้ยิ้มออก เพราะพี่ติ๊กพ้นอันตรายแล้ว แต่ยังนอนรักษาตัวห้องไอซียูเพื่อรอฟื้นตัว

แล้วก็มาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว วันนี้ก็ผ่านมาแล้วประมาณ 19 วัน นับตั้งแต่ที่เกิดเหตุ ระหว่างนั้นพวกผมและเพื่อนๆก็ติดตามอาการจากพี่ชายทุกวัน เพราะเป็นห่วง อยากให้พี่ติ๊กออกจากห้องไอซียูแล้วก็มารักษาต่อที่กรุงเทพเพราะเพื่อนๆ รอเยี่ยมเยอะมาก ผมและเพื่อนๆ ดีใจมาก ที่ตอนนี้พี่ติ๊กมีอาการที่ดีขึ้น มีการตอบสนองมากขึ้นลืมตาได้ขยับนิ้วมือชู 2 นิ้วได้ พี่ติ๊กกำลังกลับมานะทุกคน อาจจะใช้เวลาหน่อยแต่กลับมาแน่นอน ผมต้องขอบคุณทีมลูกหาบ พี่ๆทหาร เพื่อนในกลุ่ม ทุกคนพยายามช่วยเต็มที่ ทุกคนคือฮีโร่ ที่ช่วยพี่ติ๊กและกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ผมเป็นตัวแทนกลุ่มเพื่อนๆ ออกมาเล่าเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของผมเเละเพื่อนๆ

ให้ทุกคนเป็นอุทาหรณ์ว่า ฟ้าฝนไว้ใจไม่ได้ พยายามอย่าอยู่ที่โล่ง เมื่อฝนตกหรือเพิ่งหยุดตก เหตุการณ์นี้สันนิษฐานว่า พี่ติ๊กได้ไปยืนอยู่ที่จุดสูงสุดของดอย ฟ้าก็เลยผ่าตรงนั้น เพราะเป็นจุดที่เด่นที่สุด

กราบขอบพระคุณทุกคนมากครับที่อ่านจนจบสามารถดูภาพประกอบได้ในโพสต์ได้เลยครับ”
กำลังโหลดความคิดเห็น