อดีตที่ปรึกษาด้านต่างประเทศ พรรคก้าวไกล เปิดข้อมูล USGS พบไทยเป็นชาติเดียวที่ตัวเลขผลิตแร่หายาก "ไม่สมดุล" กับปริมาณสำรองในประเทศ หวั่นกลายเป็นแหล่งแปรรูปแร่ปนเปื้อนจากเมียนมาร์ ที่ทำลายสิ่งแวดล้อมภาคเหนือ เรียกร้องรัฐบาลจัดการบริษัทรับซื้อ-สร้างระบบ Traceability ชี้สัจธรรม "โลกยั่งยืน" แลกมาด้วยการทำลายสิ่งแวดล้อม
วันนี้ (29 ต.ค.) อดีตที่ปรึกษาด้านต่างประเทศ พรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความตั้งข้อสังเกตถึงความผิดปกติของตัวเลขการผลิตแร่หายาก (Rare Earth) ในประเทศไทย โดยอ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ (USGS) โพสต์ดังกล่าวระบุว่า ข้อมูล USGS ชี้ว่าประเทศไทยมีปริมาณสำรองแร่หายาก (Rare Earth Reserves) อยู่ราว 4,500 ตัน แต่ทว่าในปีที่ผ่านมา ประเทศไทยกลับมีตัวเลขการผลิตสูงถึง 13,000 ตัน ซึ่งทำให้ไทยกลายเป็นประเทศเดียวที่มีตัวเลข "ไม่สมดุล" ในลักษณะนี้
อดีตที่ปรึกษาฯ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวอาจเชื่อมโยงกับปัญหาเหมืองแร่หายากในรัฐฉาน ประเทศเมียนมาร์ ที่มีการระบุว่าดำเนินการโดยบริษัทจีน และเป็นต้นตอของมลพิษสารหนูที่ปนเปื้อนในแม่น้ำหลายสายในภาคเหนือของไทย โดยระบุว่า
"ถ้าดูจากสถิติตรงนี้ก็คงแปลว่า แร่เหล่านั้นอย่างน้อยก็ส่วนหนึ่ง คงถูกส่งเข้ามาแปรรูปต่อที่ไทยเหมือนกัน แล้วก็ถูกส่งออกต่อในนามเหมืองจากประเทศไทย"
จากข้อสันนิษฐานดังกล่าว จึงได้เรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการอย่างเร่งด่วน 2 ประการ คือ 1. จัดการกับบริษัทในประเทศไทยที่รับซื้อแร่จากเหมืองในรัฐฉาน และ 2. จัดการให้มีระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ที่ชัดเจน เพื่อความโปร่งใส
นอกจากนี้ โพสต์ดังกล่าวยังได้สะท้อนถึงความเป็นจริงที่มักไม่มีใครพูดถึง นั่นคือ หนทางสู่ "โลกที่ยั่งยืน" ไม่ว่าจะเป็นพลังงานสะอาด รถยนต์ไฟฟ้า (EV) หรือเทคโนโลยีขั้นสูง ล้วนต้องอาศัยการถลุงแร่และการทำลายสิ่งแวดล้อมไม่มากก็น้อย การจะแก้ปัญหาเช่นนี้ให้ได้จริง จึงต้องมองอย่างรอบด้าน ครอบคลุมทั้งมิติสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศ
อดีตที่ปรึกษาฯ ทิ้งท้ายด้วยคำถามเชิงนโยบายที่ท้าทายว่า ประเทศไทยจะผลักดันนโยบายด้านแร่หายากอย่างไร ให้สามารถปกป้องสิ่งแวดล้อม ควบคุมต้นน้ำ และในขณะเดียวกันก็ไม่ปิดกั้นโอกาสของไทยในเศรษฐกิจเทคโนโลยีแห่งอนาคต ซึ่งเป็นโจทย์ที่ยากอย่างยิ่ง


