xs
xsm
sm
md
lg

น้องหมิวบัณฑิตจิ๋ว รำลึกพระมหากรุณาธิคุณ พระพันปีหลวงพระราชทานทุนการศึกษา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



น้องหมิวบัณฑิตจิ๋ว ผู้พิการร่างเล็ก รำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทานทุนการศึกษาถึงปริญญาตรี พร้อมน้อมนำพระเมตตาเป็นหลักชัยของชีวิต

วันนี้ (26 ต.ค.) บนโซเชียลฯ แชร์ข้อความจากเฟซบุ๊ก Vitamilk Waraporn Soisean ของ น.ส.วราภรณ์ สร้อยเสน หรือหมิว ชาวอำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ ผู้พิการร่างเล็ก ที่เคยเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระหัตถ์ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ พิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ประจำปีการศึกษา 2560-2562 เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 2565 กล่าวรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ความว่า

"บันทึกเด็กหญิงวราภรณ์ ที่มีความฝันอยากเป็นนักเขียนแรงบันดาลใจจากเรื่องจริงของตัวเอง

พระองค์ท่านไม่เคยต้องออกสื่อหรือป่าวประกาศ เพราะพระองค์คิดเสมอประชาชนทุกหมู่เหล่า คือลูกๆ ของพระองค์

จดหมายฉบับเล็ก…ถึงพระเมตตาที่ไม่มีวันเลือน

เราเป็นเด็กพิการคนหนึ่งที่เกิดมาในครอบครัวค่อนข้างลำบากยากจน มีพ่อแม่ทำงานก่อสร้าง

แต่มีความฝันเพียงหนึ่งเดียว อยากเรียนหนังสือให้ได้ เพื่อจะได้ไม่เป็นภาระของใคร หลายคนบอกเราว่า “เพ้อฝัน” ไม่มีทางได้รับโอกาสนั้นหรอก แต่เรากลับเชื่อมั่นเสมอว่า ในหลวงรัชกาลที่ ๙ และสมเด็จพระราชินี คือกำลังใจของชีวิต

เราจึงตัดสินใจเขียนจดหมายกราบบังคมทูลถึงพระองค์ท่าน ด้วยหัวใจที่ไม่รู้เลยว่าจะมีใครได้อ่านไหม แต่เชื่อเพียงว่า ถ้าจดหมายฉบับนี้มีบุญถึงพระเนตรพระกรรณ พระองค์คงไม่ทอดทิ้งประชาชน

ไม่นานหลังจากนั้น เราได้รับจดหมายตอบกลับจาก “สำนักพระราชวัง”
ลงนามโดย “สำนักราชเลขาธิการในพระองค์ สมเด็จพระบรมราชินีนาถ”
เป็นจดหมายที่เปลี่ยนชีวิตทั้งชีวิตของเรา
พระองค์ทรงมีรับสั่งให้เราระบุได้เลยว่า “อยากเรียนที่ไหน เรียนอะไร เรียนกี่ปี”
และพระราชทานทุนการศึกษาให้เราได้เรียนต่อ

ความตื้นตันใจในวันนั้นไม่มีคำใดจะบรรยายได้ มันคือวันที่เราได้รู้ว่า พระองค์ท่านทรงเห็นเราแล้วจริงๆ และนี่ก็สะท้อนให้เราเห็นชัดเจนว่าพระองค์ไม่เคยทอดทิ้งประชาชนเลย ไม่ว่าประชาชนจะเกิดมาเป็นแบบไหน หรือมีข้อจำกัดอย่างไร
พระองค์ไม่เคยเลือกประชาชน แต่ทรงเมตตาทุกคนเท่าเทียมกัน

ตั้งแต่นั้นมา เราสัญญากับตัวเองว่า สิ่งเดียวที่เราจะตอบแทนพรพมหากรุณาธิคุณได้ คือตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด เรียนให้สมกับที่พระองค์ทรงให้โอกาส ไม่ขาดเรียนแม้วันที่ป่วย เว้นแต่ร่างกายไม่ไหวจริงๆ

เราส่งรายงานผลการเรียนไปยังสำนักพระราชวังทุกภาคเรียน และทุกครั้งที่มีจดหมายตอบกลับ ก็เต็มไปด้วยกำลังใจจากพระองค์ พระองค์ตรัสผ่านเจ้าหน้าที่ว่า

"ตั้งใจเรียนเท่าที่ทำได้ ไม่ต้องกดดันตัวเองมาก หากมีปัญหาหรือติดอะไรให้แจ้งได้เลยไม่ต้องกังวลหรือเกรงใจ"

ในวันที่เราป่วยจนเกรดตกเล็กน้อย
เรารายงานไป และคำตอบกลับจากพระองค์ก็อ่อนโยนยิ่งนัก พระเมตตานั้นทำให้เราลุกขึ้นสู้ต่อ และผลการเรียนก็ดีขึ้นอีกครั้ง

จนกระทั่งถึงวันที่เรากำลังเรียนปีสอง
ข่าวการเสด็จสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ ๙ มาถึง เราร้องไห้ทุกวัน ไม่อยากทำอะไรเลย เพราะในใจของเราฝันไว้เสมอว่า อยากเรียนจบด้วยเกียรตินิยมถวายแด่พระองค์ เราท้อและเศร้าเสียใจมากๆ
แต่เมื่อมองดูประชาชนทั้งแผ่นดินที่ยังมี “หัวใจของพ่อ” อยู่ในใจ เราจึงฮึดขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกำลังใจจาก “แม่หลวง” ที่ยังคงอยู่

และในที่สุด…เราก็ทำได้จริงๆ เราจบปริญญาตรี พร้อมเกียรตินิยมอันดับสอง เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าได้เกียรตินิยมเพราะเราหารายชื่อไม่เจอ

ช่วงนั้นอาจจะเริ่มสายตาสั้นแล้ว แต่คนที่เห็นคือ แม่ของเรา แม่เห็นชื่อเราในใบทรานสคริปต์ แม่ร้องไห้ด้วยความภูมิใจ เพราะเราทำสำเร็จ ด้วยเกียรตินิยมอย่างที่ตั้งใจ ถวายปริญญานี้แด่พระองค์ท่าน

เมื่อถึงวันรับพระราชทานปริญญาบัตร
เรารู้สึกกังวลมาก แต่พระเมตตาก็ยังคงอยู่
เราได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา (พระองค์ภา) พระองค์ผู้พระราชทานปริญญาบัตรตรัสว่า
“ให้เดินเข้าไปรับได้เลย ไม่ต้องกังวล และยิ้มให้พระองค์ได้ด้วย” ไม่ใช่แค่เพราะเราได้ “รับพระราชทานปริญญาบัตร”

แต่เพราะเราได้เดินเข้าไปด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความกตัญญูและศรัทธาในพระเมตตาของพระองค์ท่าน

หลังจากนั้น เราได้เข้าทำงานที่ธนาคาร
อาชีพมั่นคงที่เราใฝ่ฝัน ทั้งที่ไม่เคยคิดเลยว่าจะทำได้ ทุกอย่างนี้ล้วนเกิดจากพระเมตตาและพระกรุณาของทุกพระองค์ ที่ทรงเปิดประตูชีวิตให้เด็กพิการคนหนึ่งมีวันนี้ได้เพราะคำว่าการศึกษาและพระเมตตา

อาชีพมั่นคงและสิ่งที่เราใฝ่ฝัน มันไม่ใช่เพียงความสำเร็จทางชีวิตเท่านั้น แต่เป็น หลักฐานของพลังแห่งความดี ความพยายาม และพระมหากรุณาธิคุณที่หล่อเลี้ยงชีวิตคนคนหนึ่งจนเติบโตให้งดงามได้ด้วยพระเมตตา

มาถึงวันนี้ วันที่เราไม่อยากได้ยินหรือให้เกิดขึ้นจริงเลย แม้แค่ความฝันก็ไม่อยากให้เกิด วันที่ทราบข่าวจากทุกสำนัก พระพันปีหลวงจะเสด็จสวรรคต😢
เราหันไปดูหน้าซองจดหมายเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ความรู้สึกต่างจากทุกครั้งมากๆ

เรามองดูจ่าหน้าซองจดหมายจาก

“กองราชเลขานุการในพระองค์ สมเด็จพระบรมราชินีนาถ” ซึ่งเป็นพระนามของ แม่ ผู้ที่เปี่ยมด้วยพระเมตตา

ความซาบซึ้งนั้นยังคงเหมือนวันแรก
ไม่มีพระเมตตาที่ใดในโลกจะเทียบเทียมได้เลย

พระมหากรุณาธิคุณนี้จะสถิตอยู่ในหัวใจของเรา ตราบเท่าที่เรายังมีลมหายใจ และจะส่งต่อแรงบันดาลใจนี้ให้ทุกคนเชื่อมั่นว่า

“เมื่อเราทำดีและไม่ยอมแพ้ ความดีนั้นจะพาเราไปถึงแสงแห่งความหวังเสมอ”

ด้วยหัวใจที่เปี่ยมด้วยความกตัญญู เราขอถวายความสำเร็จในชีวิตของเรา
ทั้งความรู้ ความเพียร และความตั้งใจเรียนทุกย่างก้าว แด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ และ สมเด็จพระพันปีหลวง ผู้ทรงเป็นแรงบันดาลใจและความหวังของลูกหลานประชาชนทุกคน

พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน
ที่ไม่เคยทอดทิ้งประชาชน ไม่เลือกใคร ไม่ว่าสภาพใด ได้หล่อหลอมชีวิตของเราให้กล้าเผชิญโลกด้วยความมั่นใจและความดี
ให้เราได้มีโอกาสเรียนจบ มีอาชีพมั่นคง และเป็นประโยชน์ต่อสังคม

ถ้าไม่ได้รับพระเมตตาจากพระองค์ ก็คงไม่มี #บัณฑิตจิ๋ว ในวันนี้

กราบแทบพระยุคลบาท น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้

และขอถวายกำลังใจและความปรารถนาดี แด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๑๐ และสมเด็จพระราชินี ทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์

ขอพระองค์ทรงพระเจริญด้วยสวัสดิภาพและพระเกษมสำราญ เพื่อเป็นกำลังใจให้สืบสานพระราชกรณียกิจและพระมหากรุณาธิคุณต่อประชาชนทุกคน

เราขอสัญญาว่าจะถือเอาพระเมตตานี้เป็นหลักชัยของชีวิต ตั้งใจทำความดี ตั้งใจให้เต็มกำลัง และแบ่งปันแรงบันดาลใจให้ผู้อื่น เพื่อสืบทอดความดี ความศรัทธา และพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน
ให้คงอยู่ในใจของเรา และของผู้ที่ได้รับรู้เรื่องราวนี้ตลอดไป"


กำลังโหลดความคิดเห็น