นิรุทธ์ ชมงาม ผู้เชี่ยวชาญด้านงูและสัตว์เลื้อยคลานชื่อดัง โพสต์แสดงความเสียใจต่อกรณีชายวัย 39 ปีถูกงูเห่ากัดเสียชีวิตที่สมุทรปราการ พร้อมวิเคราะห์ชี้จุดน่าสงสัย ทั้งเรื่องร่องรอยบาดแผลหลายจุด พฤติกรรมการโทรศัพท์ก่อนเสียชีวิต และสถานที่เกิดเหตุบนชั้น 2 ของบ้าน ซึ่งไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมของงูเห่า ย้ำอย่าตกเป็นเหยื่อความเข้าใจผิดเรื่อง “การอนุรักษ์งู”
วันนี้ (24 ต.ค.) เพจ"Nick Wildlife" หรือ นิรุทธ์ ชมงาม ผู้เชี่ยวชาญด้านงูและสัตว์เลื้อยคลานในประเทศไทย ได้โพสต์ถึงกรณี เคสงูเห่ากัดคนที่สมุทรปราการ โดยระบุข้อความว่า “เคสงูเห่ากัดคนที่สมุทรปราการ เห็นคอมเมนต์ต่อว่าเพราะการอนุรักษ์ หรือการจับงูแล้วปล่อยกันอีกแล้ว กลายเป็นไปโทษอาสาที่เขาไปช่วยจับงูเฉยเลย โดยยังไม่ได้ดูองค์ประกอบให้ดีๆ เคสนี้มีร่องรอยการกัดหลายเขี้ยวมาก ซึ่งดูไม่ปกตินัก แต่จากข้อมูลที่มียังไปสรุปอะไรไม่ได้ อย่างไรก็ตามต้องขอแสดงความเสียใจอย่างสูงครับ“
พร้อมทั้งได้ทำคลิปวิเคราะห์เหตุการณ์เพิ่มเติม โดยระบุว่า “วิเคราะห์กรณีข่าวชายวัย 39 ปี ถูกงูเห่ากัดจนเสียชีวิตบนชั้น 2 ของบ้าน โดยนำเสนอข้อสังเกตที่น่าสงสัยในเหตุการณ์ และขยายความไปถึงประเด็นความขัดแย้งระหว่างคนกับงู รวมถึงการจัดการปัญหาในสังคมไทย
1. การวิเคราะห์เหตุการณ์ที่น่าสงสัย
ผู้ดำเนินรายการได้ชี้แจง 3 ประเด็นหลักที่ทำให้เกิดข้อสงสัยในเหตุการณ์ถูกงูเห่ากัดดังกล่าว
-การโทรศัพท์ ผู้ถูกกัดไม่ได้รีบขอความช่วยเหลือหรือไปโรงพยาบาล แต่กลับโทรศัพท์หาคุณยายเพื่อถามว่า "ยายรักหลานไหม" ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับการสั่งเสีย ทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับสภาวะจิตใจในช่วงเวลาวิกฤต
-สถานที่ถูกกัด การถูกกัดเกิดขึ้นบนชั้น 2 ของบ้าน โดยปกติงูเห่ามักไม่ชอบขึ้นที่สูง นอกจากมีภัยธรรมชาติ (เช่น น้ำท่วม) หรือตามเหยื่อ (เช่น หนู) นอกจากนี้ ยังน่าสงสัยว่าเหตุใดผู้ถูกกัดจึงไม่รีบลงมาขอความช่วยเหลือ ทั้งที่มีเวลาโทรศัพท์หาคุณยาย
-ร่องรอยบาดแผล บาดแผลมีรอยเขี้ยวหลายรอยมาก ซึ่งผิดปกติจากพฤติกรรมการฉกของงูเห่า ที่มักจะกัดเพียงครั้งเดียวแล้วปล่อย หรือกัดค้างไว้ การมีรอยกัดหลายครั้งเช่นนี้ขัดแย้งกับสัญชาตญาณของคนที่ถูกกัดซึ่งควรจะสะบัดมือออกทันที
2. ประเด็นความขัดแย้ง "คนกับงู"
เหตุการณ์นี้ได้นำไปสู่ความขัดแย้งในสังคมเรื่องการ อนุรักษ์/ปล่อยงู กับ การกำจัดงู โดยบทบาทอาสาสมัคร อาสาสมัครผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ได้รับแจ้งให้ไปจับงูด้วยวัตถุประสงค์เพื่อ "ไม่ทำร้ายชีวิต" และนำไปปล่อยในพื้นที่ห่างไกลจากชุมชน ข้อจำกัดของอาสาสมัคร อาสาสมัครต้องเผชิญกับแรงกดดันทางสังคม เพราะพวกเขาไม่มีอำนาจหรือทรัพยากรในการกักขังหรืองูทำลายงูตามคำขอของผู้ที่ต้องการกำจัด ผู้ดำเนินรายการเสนอว่า แทนที่จะต่อว่าอาสาสมัคร ควรไปเรียกร้องให้ ภาครัฐ มีนโยบายที่ชัดเจนในการจัดการปัญหาเรื่องนี้
3. ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับงูและการจัดการ งูเห่าไม่ใช่สัตว์อนุรักษ์ งูพิษที่เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามกฎหมายมีเพียง งูจงอาง และ งูหางแฮ่มกา เท่านั้น แต่งูเห่า งูกะปะ หรืองูชนิดอื่น ๆ ที่เป็นข่าว ไม่ได้ เป็นงูที่ถูกอนุรักษ์ และมีการจัดการ (กำจัด) อยู่แล้วทุกวัน และการกำจัดไม่ใช่ทางออกที่ถาวร การกำจัดงูให้หมดสิ้นจริง ๆ นั้นเป็นไปได้ยาก เพราะหากกำจัดไป งูที่เหลือจะอยู่รอดด้วยอาหารที่เพิ่มขึ้น (เช่น หนู) ทำให้พวกมันสมบูรณ์ขึ้น มีการวางไข่มากขึ้น และปริมาณงูก็จะเพิ่มกลับมาตามสมดุลของระบบนิเวศในที่สุด
โดย วิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้อง สิ่งที่ควรทำคือการ จัดการพื้นที่อยู่อาศัย ไม่ให้เป็นพื้นที่รก มีแหล่งอาหารของงู (หนู) หรือมีโพรงซ่อนตัว ซึ่งเป็นวิธีที่ยั่งยืนที่สุดในการลดจำนวนงู ซึ่งเป้าหมายของช่องมุ่งเน้นการให้ ความรู้ เพื่อให้คนสามารถอยู่ร่วมกับงูได้อย่างปลอดภัย รู้เท่าทัน และรู้วิธีปฐมพยาบาลเมื่อถูกกัด
คลิกชมคลิปวีดีโอ


