xs
xsm
sm
md
lg

“กัน จอมพลัง” สั่งเปลี่ยนแล้ว หากเลิกมูลนิธิฯ ให้ทรัพย์สินย้ายไป “ราชประชานุเคราะห์” ท้า "ทนายเดชา" มาตรวจสอบลัมบอร์กินีสีแดง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“กัน จอมพลัง” เตรียมเปลี่ยนข้อบังคับมูลนิธิ ข้อ 39 หากเลิกมูลนิธิให้ทรัพย์สินทั้งหมดย้ายไปเป็นมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ แต่ยืนยันยังไม่มีความคิดจะเลิกมูลนิธิ ยังคงทำงานช่วยคนต่อไป ฝากบอก "ทนายเดชา" พร้อมให้ตรวจสอบลัมบอร์กินีนีแดง

วันนี้(22 ต.ค.) จากกรณีที่นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ที่เคยว่าความให้ผู้ที่ถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 หลายคน อาทิ นายอานนท์ นำภา,น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว สส.พรรคประชาชน ฯลฯ ได้โพสต์ข้อมูลในเฟซบุ๊กส่วนตัว เกี่ยวกับการจดทะเบียนจัดตั้ง “มูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้” โดยอ้างถึงข้อบังคับของมูลนิธิ ข้อที่ 39 ซึ่งกำหนดไว้ว่า หากมูลนิธิต้องเลิกล้มลง ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม ทรัพย์สินทั้งหมดที่เหลืออยู่ จะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของมูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า นั้น

ล่าสุด นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ “กัน จอมพลัง” ได้ตอบประเด็นดังกล่าวผ่านวิโอคลิปที่เผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก “กันจอมพลัง ช่วยสู้” โดยยืนยันว่าไม่มีเจตนาซ่อนเร้นหรือเตรียมล้มเลิกมูลนิธิแต่อย่างใด

กัน จอมพลัง กล่าวว่า มูลนิธิดังกล่าวก่อตั้งขึ้นก่อนช่วงก่อนเกิดเหตุอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม โดยในขณะนั้นได้รับคำแนะนำด้านเอกสารและขั้นตอนจากเจ้าหน้าที่มูลนิธิ และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ในฐานะผู้มีประสบการณ์ด้านการช่วยเหลือสังคม ตอนนั้นเราก็ทำตามขั้นตอนระเบียบที่มีอยู่ ไม่ได้คิดว่าจะมีวันนี้ หรือคิดว่าจะต้องเลิกมูลนิธิ จึงใส่ชื่อไว้ตามแบบฟอร์มที่แนะนำมา

กัน จอมพลัง ยืนยันว่า ไม่เคยมีเจตนาจะยกเลิกมูลนิธิแล้วโอนทรัพย์สินให้ใคร มูลนิธิยังคงเดินหน้าช่วยเหลือประชาชนต่อไป แม้ขณะนี้งบประมาณติดลบหลักสิบล้านบาท เนื่องจากมีภาระค่าใช้จ่ายจากโครงการช่วยเหลือต่าง ๆ ที่ยังต้องดำเนินการต่อ เงินทุกบาททุกสตางค์เราเอาไปช่วยประชาชน ไม่มีทรัพย์สินอะไรเป็นชื่อส่วนตัว รถที่ใช้ก็เป็นของมูลนิธิทั้งหมด

กัน จอมพลัง ระบุว่า เพื่อความสบายใจของสังคม ขณะนี้เตรียมปรับเปลี่ยนรายชื่อมูลนิธิผู้รับทรัพย์สินในกรณีเลิกกิจการ โดยจะเลือกมูลนิธิใหญ่ระดับประเทศที่ทำงานด้านการศึกษาและช่วยเหลือประชาชนมาแทน แต่ย้ำว่าไม่ใช่การโอนเงินหรือยุบมูลนิธิ แต่เป็นเพียงการแก้ไขรายละเอียดให้โปร่งใสขึ้น

สำหรับกรณีที่ "ทนายเดชา" โพสต์เรียกร้องให้ตรวจสอบรถลัมบอร์กินีสีแดง ซึ่งถูกพาดพิงถึงตน กัน จอมพลัง ยืนยันพร้อมให้ตรวจสอบทุกอย่าง “ผมทำทุกอย่างถูกต้อง จ่ายภาษีครบ ตรวจสอบได้หมด ไม่มีอะไรต้องปิดบัง” พร้อมยืนยันว่ามูลนิธิของตนโปร่งใส มีบัญชีตรวจสอบได้ และพร้อมเปิดเผยตัวเลขทางการเงินต่อสาธารณะ

กัน จอมพลัง กล่าวตัดพ้อว่า การทำความดีในสังคมทุกวันนี้ทำไมมันยาก เพราะคนช่วยเหลือมักถูกจับผิด “ผมกลัวว่าต่อไปนี้จะไม่มีใครกล้าออกมาช่วยคน ถ้าคนทำดีต้องเจอแบบผม” และมีบางคนเอาไปเทียบกับวัดพระบาทน้ำพุ ทั้งที่มูลนิธิเราไม่เคยซื้อที่ดินเป็นชื่อใครนะ ซื้อที่ดินก็ยังไม่เคย รถที่ใช้ก็เป็นรถของมูลนิธิ

“เรือหรือสิ่งของต่างๆ ที่ซื้อก็ใช้ในงานของมูลนิธิ ไม่ใช่ผมเอาไปขับเล่นซะที่ไหน วันนี้เอาไปช่วยชาวบ้านช่วยคนหมดเลย แล้วเราไปเทียบ(วัดพระบาทน้ำพุ) ผมว่ามันน่าจะเป็นคนละบริบทกันนะครับ ก็เซ็งเหมือนกันนะ” กัน จอมพลังกล่าว

ทั้งนี้ กัน จอมพลัง ได้โพสต์ข้อความเพิ่มเติมว่า "ส่วนข้อ 39 หากเลิกมูลนิธิ กันจอมพลัง ให้ทรัพย์สินทั้งหมดย้ายไปเป็นมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ซึ่งปัจจุบันมูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ก็ยังไม่ได้เลิกยังคงทำงานอยู่ และปัจจุบันไม่มีเงินออกไปที่มูลนิธิธรรมนัส เวลาจะคัดคนครับ"




กำลังโหลดความคิดเห็น