xs
xsm
sm
md
lg

ปฐมบทปลาเถื่อนในคราบปลาสวยงาม : เรื่องจริงของปลาหมอมายัน-ปลาหมอบัตเตอร์ที่ถูกเพิกเฉย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แม้จะมีประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. 2561 กำหนดชัดเจนถึงชนิดสัตว์น้ำที่ห้ามนำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านราชอาณาจักร หนึ่งในนั้นคือ ปลาหมอมายัน (Mayan Cichlid) และปลาหมอบัตเตอร์ (Zebra Tilapia) แต่ปลาทั้งสองชนิดกลับปรากฏตัวอยู่ในแหล่งน้ำของไทยอย่างแพร่หลาย และขยายพันธุ์จนเป็นภัยคุกคามต่อระบบนิเวศ ทั้งที่ไม่เคยมีการเปิดเผยว่าผู้ใดเป็นผู้นำเข้าตัวจริง

ปลาหมอมายันและปลาหมอบัตเตอร์ถูกระบุว่าเคยถูกนำเข้ามาในฐานะปลาสวยงาม ก่อนจะมีการออกประกาศห้ามนำเข้าอย่างเป็นทางการ หลักฐานเชิงประจักษ์จากรายงานภาคสนามและงานวิจัยหลายแหล่งชี้ว่าปลาทั้งสองสายพันธุ์ หลุดหรือถูกปล่อยจากระบบเลี้ยงเข้าสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ และไม่มีมาตรการควบคุมหรือกำจัดอย่างจริงจัง นับตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา

ปลาหมอมายัน มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Mayaheros urophthalmus มีถิ่นกำเนิดในอเมริกากลาง พบมากในเม็กซิโก ฮอนดูรัส และกัวเตมาลา ลำตัวมีแถบดำ 7 แถบ และจุดสีดำที่โคนหาง อาศัยอยู่ได้ทั้งในน้ำจืดและน้ำกร่อย มีความทนทานสูง กินลูกปลาและสัตว์น้ำขนาดเล็กเป็นอาหาร มีนิสัยดุร้าย หวงถิ่น และไม่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ เพราะเนื้อแข็ง ไม่เป็นที่นิยมบริโภค

ปลาชนิดนี้ถูกพบในประเทศไทยที่เขตบางขุนเทียนเมื่อปี 2548 และล่าสุดพบการแพร่พันธุ์ในบ่อเลี้ยงกุ้งที่จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งสร้างความเสียหายต่อผลผลิตกุ้งโดยตรงจากพฤติกรรมการล่ากินลูกกุ้ง

ด้าน ปลาหมอบัตเตอร์ หรือวิทยาศาสาตร์ว่า Heterotilapia buttikoferi มีถิ่นกำเนิดในแอฟริกากลางและตะวันตก ลักษณะเด่นคือแถบดำขวางลำตัวสลับสีขาวหรือเหลือง ขนาดโตเต็มวัยอาจยาวถึง 45 เซนติเมตร มีพฤติกรรมก้าวร้าว ดุร้าย และกินสัตว์น้ำชนิดอื่น โดยเฉพาะในช่วงผสมพันธุ์ซึ่งจะมีการอมไข่ไว้ในปาก ทำให้อัตรารอดของลูกปลาสูงมาก

ข้อมูลจากงานวิจัยของกรมประมงในปี 2562 ระบุว่า ปลาชนิดนี้ เคยถูกนำมาเลี้ยงในกระชังเพื่อส่งขายในตลาดปลาสวยงาม แต่ผู้เลี้ยงหลายรายถูกทอดทิ้งจากผู้รับซื้อ ปลาถูกปล่อยหรือหลุดลงสู่แหล่งน้ำ โดยเฉพาะในเขื่อนศรีนครินทร์ ซึ่งพบการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วระหว่างปี 2553-2560

ในปี 2551 แพปลาในเขื่อนศรีนครินทร์จับปลาหมอบัตเตอร์ได้เพียง 31 กิโลกรัม แต่ในปี 2560 ตัวเลขดังกล่าวพุ่งขึ้นเป็น 10,190 กิโลกรัม เพิ่มขึ้นกว่า 300 เท่าภายใน 10 ปี ส่งผลให้ปลาพื้นถิ่นหลายชนิด เช่น ปลาแรดและปลาช้างเหยียบลดจำนวนลงอย่างชัดเจน เนื่องจากถูกแย่งถิ่นอาศัยและอาหาร

แม้จะมีหลักฐานทางวิชาการหลายชิ้นยืนยันถึงผลกระทบจากปลาเถื่อนทั้งสองชนิดนี้ แต่จนถึงวันนี้ ยังไม่เคยมีหน่วยงานใด เปิดเผยต้นตอที่แท้จริงของการนำเข้า หรือ ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งที่การนำเข้าสัตว์น้ำต้องได้รับอนุญาตจากกรมประมงตามกฎหมาย

น่าประหลาดใจว่าในขณะที่ปลาหมอคางดำ ซึ่งเป็นปลาสวยงามต่างถิ่นอีกชนิดหนึ่ง กลับถูกติดตามและมีข้อมูลการนำเข้าอย่างเป็นระบบ แต่ปลาหมอมายันและปลาหมอบัตเตอร์กลับ "ลอยนวล" อยู่ในแหล่งน้ำไทยมานานนับสิบปี โดยไม่มีการสืบสวนหรือควบคุม
การเพิกเฉยต่อปัญหานี้ เปิดช่องให้เกิดกรณีปลาเถื่อนอื่นๆ เช่น ปลาช่อนอะเมซอน ปลาปิรันยา หรือปลาซัคเกอร์ ที่ปัจจุบันพบระบาดในแหล่งน้ำธรรมชาติและเขื่อนทั่วประเทศ โดยไม่มีการบริหารจัดการอย่างจริงจัง

หากวันนี้สังคมยังไม่ตั้งคำถามว่า “ปลาเถื่อนเหล่านี้ว่ายน้ำข้ามทวีปมาเองได้หรือ?” และหากหน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบยังคงเพิกเฉย บทเรียนจากปลาหมอมายันและปลาหมอบัตเตอร์อาจไม่ใช่จุดจบ แต่คือจุดเริ่มต้นของวิกฤตสัตว์น้ำต่างถิ่นรุกรานในประเทศไทย ที่จะยิ่งขยายตัวในอนาคต




กำลังโหลดความคิดเห็น