”ปวิน” วิพากษ์วิจารณ์กรณีที่ "กัน จอมพลัง" หยิบยกประเด็นการถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 หรือข้อกล่าวหา "ล้มเจ้า" ขึ้นมาตอบโต้ “ไอซ์ รักชนก” ในรายการคุยนอกจอ โดยนายปวินระบุว่า เป็นวิธีที่อันตรายอย่างยิ่ง และเป็นกลยุทธ์ในการเบี่ยงเบนความสนใจออกจากข้อสงสัยหลักเรื่องความโปร่งใสทางการเงินและผลประโยชน์ทับซ้อนกับฝ่ายการเมืองอย่างร้อยเอก ธรรมนัส มีเป้าหมายเพื่อทำลายความชอบธรรมของ ส.ส.ไอซ์ ในฐานะผู้ตรวจสอบ และใช้สถาบันกษัตริย์เป็นเกราะกำบังทางการเมืองเพื่อปกป้องตนเองและเครือข่ายอำนาจจากการถูกตรวจสอบตามหลักธรรมาภิบาล พร้อมชี้ว่าวิธีนี้ถูกใช้มานานแล้วเพื่อทำให้การสนทนาเกี่ยวกับความไม่โปร่งใสถูก "ทำให้เงียบลงโดยอัตโนมัติ"
วันนี้ (21 ต.ค.) "นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์" ผู้ลี้ภัยทางการเมืองอยู่ในประเทศญี่ปุ่น ได้ออกมาโพสต์ข้อความในประเด็น กัน จอมพลังใช้ประเด็นการถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 หรือข้อกล่าวหาเรื่อง "ล้มเจ้า" ในการตอบโต้ ส.ส.ไอซ์ รักชนก ระหว่างการโต้เถียงในรายการคุยนอกจอ ซึ่งผู้เขียนมองว่าเป็นการกระทำที่อันตราย และเป็นกลยุทธ์เพื่อทำให้เรื่องที่สนทนาหายไปทันทีเมื่อมีการอ้างประเด็นอ่อนไหวเรื่องสถาบันฯ ขึ้นมา โดยนายปวินได้ระบุว่า
“เมื่อวานที่รายการคุยนอกจอ กัน จอมพลังเลือกใช้ประเด็นการถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 หรือข้อกล่าวหาเรื่อง "ล้มเจ้า" เพื่อตอบโต้ ส.ส.ไอซ์ รักชนก ในระหว่างการโต้เถียงกันนั้น ถือเป็นวิธีที่อันตรายมากและใช้ในการเบี่ยงเบนความสนใจจากข้อสงสัยหลักว่าด้วยความโปร่งใสทางการเงินและผลประโยชน์ทับซ้อนกับฝ่ายการเมืองอย่างธรรมนัส ซึ่งไอ้วิธีแบบนี้มันใช้เพื่อเปลี่ยนการตรวจสอบข้อเท็จจริง (Facts) ไปสู่การต่อสู้ทางอุดมการณ์/ความเชื่ีอ (Ideological Warfare) ในทันที การหยิบยกประเด็นที่อ่อนไหว เช่นเรื่องสถาบันกษัตริย์ ที่สามารถเอาไปกระตุ้นความรู้สึกร่วมของชาติขึ้นมานี้ ก็มีวัตถุประสงค์เพื่อทำลายความชอบธรรมของคู่สนทนาในฐานะผู้ตรวจสอบอย่างสิ้นเชิง เพราะผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ามีทัศนคติที่สุ่มเสี่ยงต่อการ "ล้มล้าง" สถาบันหลัก จะถูกจัดให้อยู่ในฐานะ "ศัตรูของชาติ" ซึ่งทำให้มวลชนซอมบี้อนุรักษนิยมสามารถระดมความเกลียดชังและปฏิเสธที่จะรับฟังข้อเท็จจริงทั้งหมดที่ไอซ์นำเสนอ ส่งผลให้การสนทนาเกี่ยวกับสัญญาจ้างงานของรัฐ การใช้ทรัพยากรสาธารณะ หรือยอดเงินบริจาคที่ไม่โปร่งใส ถูกทำให้เป็นเรื่องรองและถูกทำให้เงียบลงโดยอัตโนมัติ
...การใช้ "ไม้ตาย" อ้างเรื่องเจ้าแบบนี้จึงไม่ใช่แค่การเบี่ยงเบนประเด็นธรรมดา แต่เป็นการใช้สถาบันกษัตริย์เป็นเกราะกำบังทางการเมือง เพื่อปกป้องตนเองและเครือข่ายอำนาจที่อยู่เบื้องหลังจากการถูกตรวจสอบตามหลักธรรมาภิบาล และเป็นการบ่อนทำลายหลักการตรวจสอบถ่วงดุลของระบบประชาธิปไตยอย่างเป็นระบบด้วยการสร้างความกลัวและความคลุมเครือที่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง ทำให้ผู้ที่ตั้งคำถามกลายเป็นผู้ที่ต้องตกเป็นจำเลยทางสังคมแทนผู้ที่ถูกตรวจสอบ งงไหมล่ะคะ
...ทุกครั้งที่ดิฉันพยายามอธิบายด้วยเหตุผล คนจำนวนหนึ่งจะบิดเบือนประเด็นทันทีโดยตราหน้า "อีนี่มันล้มเจ้า" ทำให้เรื่องที่สนทนาอยู่นั้นหายไปในพริบตา วิธีนี้แม่งใช้มานานแล้วค่ะ และยังคงอยู่ต่อไป โชคดีที่คุณสรยุทธดึงหัวใจการสนทนากลับมาได้ทัน"