นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา และนักสิทธิมนุษยชน ได้โพสต์จดหมายเปิดผนึกถึงกัลยาณมิตร เพื่อชี้แจงกรณีที่ตนเองและ นายสุณัย ผาสุข ถูกคุกคามอย่างหนัก หลังแสดงความเห็นและตั้งคำถามต่อรัฐบาลเรื่องการปล่อยให้เอกชนเข้าไปในพื้นที่กฎอัยการศึก และการปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา โดยระบุว่าถูกสื่อบางสำนัก รวมถึงรายการโหนกระแสและข่าวของ คุณศุภโชค โอภาสะคุณ บิดเบือนคำพูด สร้าง Fake News และจัดเวทีเพื่อ "ถูกเชือด" กล่าวหาเธอฝ่ายเดียว ซึ่งนำไปสู่การข่มขู่ทำร้ายถึงชีวิตจนต้องเข้าแจ้งความ พร้อมเรียกร้องให้ผู้ที่สำนึกผิดต้องขอโทษต่อสาธารณะและรับผิดชอบอย่างจริงจัง ยืนยันจะไม่ท้อถอยในการทำงานเพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชนต่อไป
วันนี้ (20 ต.ค.) นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก "Angkhana Neelapaijit" ได้เขียนจดหมายถึงกัลยาณมิตรเพื่อชี้แจงกรณีที่เธอและคุณสุณัย ผาสุข ถูก "ล่าแม่มด" และคุกคามอย่างหนักทั้งออนไลน์และออฟไลน์ หลังจากแสดงความคิดเห็นเรื่องเอกชนเข้าไปในพื้นที่ประกาศกฎอัยการศึก และการปะทะกันระหว่างไทย-กัมพูชา โดยเจ้าตัวได้ระบุข้อความว่า
“ถึงกัลยาณมิตร
กรณีสืบเนื่องจากการแสดงความคิดเห็นของดิฉันและ คุณสุณัย ผาสุข กรณีการที่เอกชนเข้าไปในพื้นที่ประกาศกฎอัยการศึก จนนำมาสู่การล่าแม่มด การคุกคามทั้งทางออนไลน์ และออฟไลน์จนส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในความปลอดภัย และการดำเนินชีวิตของดิฉันและครอบครัว รวมถึงคุณสุณัย ทั้งนี้ เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา หลายท่าน โดยเฉพาะสื่อมวลชนซึ่งรวมถึง #คุณกรรชัย #โหนกระแส และ #คุณศุภโชค โอภาสะคุณ ผู้ประกาศข่าว และบรรณาธิการบริหารอมรินทร์ทีวี ได้พยายามติดต่อเพื่อพูดคุยทำความเข้าใจกับดิฉัน แต่เนื่องจากดิฉันเห็นว่าการพูดกับผู้ซึ่งไม่พร้อมจะรับฟังเหตุผลไม่น่าจะเกิดประโยชน์อันใด อย่างไรก็ดี ดิฉันขอเรียนทุกท่านที่ห่วงใยและปรารถนาดีด้วยความเคารพ ดังนี้
1. การแสดงความเห็นใน fb ส่วนตัวของดิฉันเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2568 เป็นการตั้งคำถามและแสดงความกังวลต่อการที่รัฐบาลปล่อยให้ #อินฟลู หรือกลุ่มบุคคลเข้าไปกระทำการใดในพื้นที่ขัดแย้ง หรือพื้นที่สงครามที่มีการประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งอยู่ภายใต้กฎหมายมนุษยธรรม (IHL) ซึ่งเน้นย้ำในการให้ความคุ้มครองสูงสุดแก่พลเรือน โดยดิฉันได้แปลหนังสือของ Keo Remy ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนกัมพูชา (Cambodia Human Rights Committee) ที่ส่งถึงข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนสหประชาชาติ ลงวันที่ 11 ตุลาคม กล่าวอ้างหน่วยงานทหารของไทยปฏิบัติการขัดต่อพันธกรณีระหว่างประเทศหลายฉบับ (https://www.facebook.com/share/p/1AAimcYLUz/)
2. ต่อมามีสื่อบางสำนักขอสัมภาษณ์ดิฉันเรื่องการที่กัมพูชาใช้จรวจ BM-21 ยิงเข้ามาในประเทศไทยก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของพลเรือนผู้บริสุทธิ์ รวมถึงเด็กที่อยู่ภายในร้านสะดวกซื้อ ซึ่งดิฉันได้แสดงความเห็นต่อกรณีนี้ว่า “กรณีดังกล่าวผิดกฎหมายมนุษยธรรม โดยประเทศไทยได้ตอบโต้การกระทำของกัมพูชา โดยส่งเครื่องบิน F-16 ยิงฐานทหารของกัมพูชา ซึ่งเป็นไปตามกฎการปะทะ ซึ่งทำให้เกิดความสูญเสียแก่กัมพูชาเช่นกัน” ซึ่งถ้อยคำนี้มีผู้นำไปสร้าง fake news โดยตัดต่อคำพูดของดิฉันเพื่อนำมาโจมตี และต่อมากัมพูชาได้นำไปเผยแพร่ คือ “ไทยยิง F-16 ทำให้กัมพูชาได้รับความสูญเสีย” ทำให้ผู้ที่หลงเชื่อนำไปขยายความด่าทอ และประณามหยามเหยียดว่าดิฉันเห็นอกเห็นใจกัมพูชา
3. เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันประชุมร่วมรัฐสภาเรี่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในช่วงเวลาระหว่าง 13.18-13.56 น. ขณะดิฉันอยู่ในห้องประชุมรัฐสภา ได้มีโทรศัพท์เข้ามาต่อเนื่องนับสิบสาย แต่ดิฉันไม่ได้รับเนื่องจากให้ความสำคัญกับการฟังอภิปราย และต่อมาได้มีผู้ส่งข้อความมาว่าดิฉันกำลังถูกกล่าวหาฝ่ายเดียวในรายการ #โหนกระแส จึงเปิดเข้าไปดูประมาณ 10 นาที ซึ่งในความรู้สึกของดิฉันขณะนั้นเสมือน คุณกรรชัย น่าจะพยายามโทร.หาดิฉัน เพื่อผลักเข้าสู่การพิจารณาของศาลเตี้ย โดยมีคณะลูกขุนที่แผดเสียงก่นด่า ประณาม และยัดเยียดความผิดต่างๆ ให้ ดิฉันคิดว่าการกระทำของคุณกรรชัย และ #โหนกระแส อาจมีเจตนาในการจัดเวทีเพื่อให้ดิฉันถูกรุมประณาม เพราะปกติหากมีรายการใดจะขอสัมภาษณ์ จะต้องมีการนัดหมายล่วงหน้าเพื่อเตรียมตัว และจะต้องแจ้งรายชื่อผู้เข้าร่วมรายการ เพื่อให้ผู้ถูกสัมภาษณ์สามารถพิจารณาตัดสินใจว่าสะดวกร่วมพูดคุยหรือไม่ มิใช่จู่ๆ #ทีมงานโหนกระแส โทร.มาในขณะที่ผู้ร่วมรายการกำลังกล่าวหา ด่าทอโดยไม่เป็นธรรม ถ้าเป็นชาวบ้านคงเรียกว่า เป็นการเรียกให้เข้าไป “ถูกเชือด”
4. เย็นวันนั้น เริ่มมีคนโทร.เข้ามาด่าทอ ข่มขู่คุกคาม มีข้อความส่งมาทาง messenger box และทาง fb โดยผู้ที่ไม่ใช่เพื่อน (ปกติดิฉันจะเปิดสาธารณะเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น) พอกลับถึงบ้านดิฉันจึงเปิดเทปดูรายการ #โหนกระแส ย้อนหลัง ซึ่งยอมรับว่าจนขณะที่เขียนข้อความนี้ ดิฉันไม่อาจทนดูรายการย้อนหลังจนจบ และจนนาทีนี้ ภาพของคุณมัลลิกาที่แผดเสียง พูดจาจาบจ้วง ดูถูก ด้อยค่าและลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ รวมถึงภาพคุณกรรชัยชี้มาที่กล้องเพื่อกล่าวหาดิฉันต่างๆ นานาในการทำงานด้านสิทธิมนุษยชน ไม่ต้องพูดถึงคุณกัน จอมพลัง เพราะตั้งแต่โพสต์แรก ดิฉันไม่เคยกล่าวถึงคุณกันเลย แต่กลายเป็นคุณกันเข้ามาเป็นคู่กรณีโดยตรง
5. ต่อมาวันที่ 16 ตุลาคม 2568 มีการประชุมวุฒิสภา มีผู้แจ้งดิฉันว่าทางอมรินทร์ทีวี โดยผู้สื่อข่าวและบรรณาธิการข่าว คุณศุภโชค โอภาสะคุณ ได้วิพากษ์กล่าวหาดิฉันอย่างรุนแรงด้วยถ้อยคำที่ปลุกปั่นและสร้างความเกลียดชัง โดยมีพื้นหลังปรากฏข้อความว่า “อังคณา นีละไพจิตร นักสิทธิมนุษยชนและ ส.ว.คือ 'แม่พระ' ของชาวกัมพูชา”
6. ทั้งนี้ นับแต่รายการ โหนกระแส ของคุณกรรชัย และข่าวอมรินทร์ทีวีของคุณ คุณศุภโชค โอภาสะคุณ ออกอากาศ ทำให้ทั้งดิฉันและคุณสุณัย ผาสุข ถูกคุกคามอย่างหนัก โดยมีผู้ข่มขู่จะทำร้ายถึงชีวิต ทำให้ดิฉันและคุณสุณัย ต้องเข้าแจ้งความยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามที่ปรากฏเป็นข่าว
7. ดิฉันขอเรียนทุกท่านว่า หลังรายการโหนกระแส และอมรินทร์ทีวี ได้มีผู้ออกมาแสดงความคิดไม่เห็นด้วย และนับแต่วันที่ 17 ตุลาคม คุณกรรชัยและคุณศุภโชคได้พยายามติดต่อดิฉันเพื่อปรับความเข้าใจ และขอโทษ โดยคุณกรรชัยได้ติดต่อผ่าน ส.ส.เพชร การุณพล พรรคประชาชน เพื่อขอเบอร์โทร.ติดต่อ ซึ่งดิฉันได้ถาม ส.ส. เพชรว่าได้ดูเทปโหนกระแสหรือยัง ทราบว่ายังไม่ได้ไปดู เลยแนะนำให้กลับไปดูเพื่อจะได้เข้าใจถึงความรู้สึกของดิฉันและคุณสุณัย
8. วันนี้ (19.10.68) ปรากฏข่าวลือว่า พรรคประชาชนอาจพยายามเบี่ยงเบนความสนใจเพื่อช่วยนักสิทธิ ดิฉันขอเรียนทุกท่านด้วยความเคารพว่า ดิฉันไม่มีความเกี่ยวพันใดๆ กับพรรคประชาชน ไม่เคยร้องขอให้พรรคประชาชนช่วย และไม่มีความจำเป็นที่พรรคประชาชนจะต้องกระทำเช่นว่านั้น การเผยแพร่ข่าวในลักษณะบิดเบือนเช่นนี้ถือเป็นการซ้ำเติมความเสียหายที่เกิดขึ้น
9. ดิฉันต้องขอขอบคุณทั้งคุณกรรชัย #โหนกระแส และคุณศุภโชค #อมรินทร์ทีวี ที่พยายามติดต่อเพื่อปรับความเข้าใจในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ซึ่งดิฉันเห็นว่าการสำนึกผิดที่แท้จริง นอกจากต้องมีการขอโทษต่อสาธารณะแล้ว ยังจำเป็นต้องมีผู้รับผิดชอบ รวมถึงมีการสร้างหลักประกันว่าจะไม่มีการกระทำเช่นนี้ซ้ำอีกในอนาคตไม่ว่ากับใครก็ตาม สำหรับดิฉันต้องขอเรียนตรงๆ ว่า ทุกวันนี้ดิฉันยังจำภาพคุณกรรชัยชี้หน้ากล่าวหาโดยไม่เป็นธรรม ยังจำภาพคุณมัลลิกาแผดเสียงด้อยค่า และซ้ำเติมก้าวล่วงคนในครอบครัว ยังจำภาพคุณกัน จอมพลัง ต่อว่าต่อขาน ทั้งที่นับแต่เริ่มต้นดิฉันเพียงตั้งคำถามต่อรัฐบาล โดยไม่เคยพาดพิงคุณกันเลย และยังจำภาพและเสียงของคุณศุภโชค อมรินทร์ทีวี ในการยุยงปลุกปั่น ใช้ข้อความอันเป็นเท็จเพื่อสร้างความเกลียดชัง
ท้ายนี้ ดิฉันขอขอบคุณกัลยาณมิตรทุกท่าน ทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก ที่ออกมาปกป้อง ห่วงใยดิฉันและครอบครัว รวมถึงคุณสุณัย และนักปกป้องสิทธิมนุษยชน ดิฉันขอเรียนว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะไม่ทำให้ดิฉันและคุณสุณัยท้อถอยในการทำงานด้านสิทธิมนุษยชน แต่จะเป็นพลังผลักดันให้อุทิศตนทำงานมากขึ้น ดิฉันจะยังคงทำงานอย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยเฉพาะเสรีภาพสื่อที่ดิฉันเชื่อมั่นว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสิทธิการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของประชาชน และการทำหน้าที่เป็นปากเสียงของประชาชาชน ... น่าเสียดายที่วันนี้เสียงของความเกลียดชังจากบรรดาอินฟลู รวมถึงสื่อต่าง ๆ ที่พยายามบดขยี้คนทำงานด้านสิทธิมนุษยชนดังมาก จนทำให้ไม่มีใครได้ยินเสียงของดิฉันและคุณสุณัยที่ห่วงใยและปรารถนาดีต่อชาติบ้านเมือง อย่างไรก็ดีดิฉันเชื่อมั่นว่าในที่สุดความจริงจะปรากฏ และความเป็นธรรมจะกลับคืนมา ... สุดท้าย ดิฉันขอเน้นย้ำว่าสิ่งสำคัญที่สุดในช่วงความขัดแย้ง หรือสงคราม ไม่ใช่อานุภาพของอาวุธในการทำลายล้าง แต่คือ การมองเห็นคุณค่าความเป็นมนุษย์ของบุคคลทุกคน
ด้วยมิตรภาพ
อังคณา นีละไพจิตร“