นพ.เก่งพงศ์โพสต์ข้อความแบ่งปันบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยในวาระสุดท้าย เผยควรให้ความสำคัญต่อ "คุณภาพชีวิต" และ "ศักดิ์ศรีของผู้ป่วย" เหนือกว่าการ "ยื้อชีวิต" ชี้การตัดสินใจ ไม่ใส่ท่อช่วยหายใจถือเป็นการ "จากไปอย่างมีศักดิ์ศรี" ไม่ใช่ความพ่ายแพ้ เพราะการรักษาที่มากเกินไปอาจนำมาซึ่งความทรมาน หมอเก่งชี้ว่า หน้าที่แพทย์คือ "รักษาความเป็นมนุษย์" และแนะนำให้ครอบครัวพูดคุยกับผู้ป่วยล่วงหน้าถึงความต้องการในวาระสุดท้าย เพื่อให้การดูแลเป็นการ "ทำตามที่เขาต้องการด้วยใจที่เข้าใจ"
เมื่อวันที่ 19 ต.ค. นพ.เก่งพงศ์ ตั้งอรุณสันติ อายุรแพทย์ โรงพยาบาลผู้สูงอายุและศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู Chersery Home International ได้ออกมาโพสต์ข้อความ แบ่งปันบทเรียนจากการแพทย์สมัยใหม่ว่า ในวาระสุดท้ายของชีวิต สิ่งสำคัญกว่า "อัตราการรอดชีวิต" คือ "คุณภาพชีวิตที่เหลืออยู่" และ "การเคารพเจตนารมณ์ของผู้ป่วย" โดยหมอเก่งย้ำว่า หน้าที่ของแพทย์คือ "รักษาความเป็นมนุษย์" ควบคู่ไปกับการ "รักษาโรค" และบางครั้ง การไม่ทำอะไรเพิ่ม อาจเป็นการดูแลที่ดีที่สุดที่เราสามารถทำให้คนที่รักได้ โดยแนะนำให้ทุกคนลองพูดคุยกับคนในครอบครัวล่วงหน้าเกี่ยวกับความต้องการในการดูแลเมื่อร่างกายอ่อนแรงลง ทั้งนี้ "หมอเก่ง" ได้ระบุข้อความว่า
"เมื่อพ่อแม่ขอไม่ใส่ท่อช่วยหายใจ: บทเรียนเรื่องศักดิ์ศรีในวาระสุดท้าย กับหลักการทางการแพทย์ที่ไม่ใช่แค่ “ยื้อชีวิต” (จากประสบการณ์จริง)
โดย นพ.เก่งพงศ์ ตั้งอรุณสันติ (หมอเก่ง) แพทย์ผู้เชื่อว่าความรักที่แท้คือการเคารพในเจตนารมณ์ของกันและกัน หลายคนถามผมในฐานะแพทย์ว่า …
“หมอคะ ถ้าไม่ใส่ท่อช่วยหายใจ แล้วแม่จะไม่รอดเหรอคะ?”
ผมตอบอย่างตรงไปตรงมา - ใช่ครับ โอกาสรอดอาจลดลง
แต่คำถามที่สำคัญกว่านั้นคือ
“แม่อยากรอดในสภาพไหน?”
ในวงการแพทย์สมัยใหม่ เราไม่ได้มองแค่ “อัตราการรอดชีวิต” แต่เราพูดถึง “คุณภาพชีวิตในช่วงที่เหลืออยู่” และสิ่งสำคัญที่สุดคือ “การเคารพเจตนารมณ์ของผู้ป่วย” หลักการสำคัญที่ควรรู้ในวาระสุดท้าย:
1. ความปรารถนาของผู้ป่วยในขณะที่มีสติ ควรถูกเคารพ เพราะนั่นคือช่วงเวลาที่เขาสามารถบอกความต้องการอย่างแท้จริง การตัดสินใจล่วงหน้า เช่น การทำ Advance Directive หรือการบอกลูกหลานไว้ล่วงหน้า จึงมีคุณค่าและควรได้รับการยอมรับ
2. เจตนารมณ์สามารถเปลี่ยนได้เสมอ ไม่มีคำตอบใดที่ “ล็อกตาย” ตลอดไป หากผู้ป่วยเปลี่ยนใจในช่วงใด ขอให้รับฟังเสมอด้วยหัวใจ ไม่ใช่แค่ด้วยเอกสาร
3. การ “ยื้อชีวิต” ไม่ใช่สิ่งที่ต้องทำทุกครั้งเสมอไป หลายครั้งการใส่ท่อช่วยหายใจในผู้ป่วยสูงวัยที่เจ็บป่วยหนัก ไม่ได้ทำให้เขาหายดี แต่อาจทำให้เจ็บมากขึ้น อยู่ในภาวะทรมาน พูดไม่ได้ กอดคนที่รักไม่ได้ในบางกรณี เรา “ช่วยให้มีชีวิต” แต่ไม่ได้ “ช่วยให้มีชีวิตที่น่าอยู่”
4. เราควรชั่งน้ำหนัก “ประโยชน์” กับ “โทษ” ของการรักษาอย่างรอบด้าน การใส่ท่อช่วยหายใจอาจให้เวลาชีวิตเพิ่มขึ้น
แต่ก็อาจแลกมาด้วยความเจ็บปวดจากการเจาะคอ, ความทุกข์จากการถูกรัดมัดมือกันดิ้น, หรือการจบชีวิตในห้องไอซียูที่เต็มไปด้วยเครื่องมือ ไม่ใช่ในอ้อมกอดของลูกหลาน
5. ศักดิ์ศรีและความสงบในช่วงสุดท้ายของชีวิต… เป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ การเลือกจากไปอย่างสงบ โดยไม่ถูกแทรกแซงเกินจำเป็น คือทางเลือกที่ไม่ใช่ความพ่ายแพ้ แต่คือ “การเลือกที่จะจากไปอย่างมีศักดิ์ศรี”
ในฐานะหมอ ผมไม่ได้มีหน้าที่แค่ “รักษาโรค” แต่ต้อง “รักษาความเป็นมนุษย์” ของผู้ป่วยด้วย เราจึงต้องฟังเขาให้มากเท่ากับที่เราพูด และช่วยให้ครอบครัวเข้าใจว่า…บางครั้ง การไม่ทำอะไรเพิ่มอาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เราทำให้กันได้ หากคุณมีโอกาสได้พูดกับพ่อแม่หรือคนที่คุณรัก
ลองถามพวกเขาเบาๆ ว่า
“ถ้าวันหนึ่งร่างกายอ่อนแรงลง… อยากให้เราดูแลอย่างไร?” เพราะการดูแลที่ดีที่สุด อาจไม่ใช่การ “ทำทุกอย่างให้ถึงที่สุด”
แต่อาจเป็นการ
“ทำตามที่เขาต้องการจริงๆ ด้วยใจที่เข้าใจ” ด้วยรัก
นพ.เก่งพงศ์ ตั้งอรุณสันติ (หมอเก่ง)
อายุรแพทย์
โรงพยาบาลผู้สูงอายุและศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู Chersery Home International"