xs
xsm
sm
md
lg

ดราม่า 'อังคณาแม่พระเขมร' โซเชียลชี้ สื่อดังละเมิดจริยธรรม! หวั่นบิดเบือนข้อเท็จจริง สร้างความเกลียดชัง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งออกมาโพสต์วิพากษ์วิจารณ์การเสนอข่าวของรายการ "อรุณอมรินทร์" ที่ออกอากาศเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2568 อย่างรุนแรง หลังมีการใช้ภาพฉากหลังที่มีข้อความว่า "อังคณาแม่พระเขมร แนวร่วมทยอยเคลื่อนไหว" ขณะนำเสนอข่าวของคุณอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และนักสิทธิมนุษยชน โดยผู้โพสต์มองว่าการใช้ถ้อยคำและภาพดังกล่าวมีเจตนาบิดเบือนสถานะและบทบาทที่แท้จริงของคุณอังคณา ซึ่งอาจทำให้ผู้ชมเข้าใจผิดและสร้างอคติในประเด็นที่อ่อนไหว

วันนี้ (17 ต.ค.) ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ออกมาโพสต์ข้อความวิพากษ์วิจารณ์การเสนอข่าวของสื่อช่องดัง หลังมีการใช้ภาพฉากหลังที่มีข้อความว่า "อังคณาแม่พระเขมร แนวร่วมทยอยเคลื่อนไหว" โดยมีการนำเสนอภาพของ "คุณอังคณา" ไปเปรียบเป็น "แม่พระเขมร" หวั่นทำให้ผู้ชมเข้าใจผิดหรือสร้างอคติเกี่ยวกับบทบาทของคุณอังคณา เข้าข่ายเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อหาข่าวตามนิยามจริยธรรมสื่อฯ และมีแนวโน้มที่จะขัดต่อหลักจริยธรรมหลายข้อ โดยผู้โพสต์ได้ระบุข้อความว่า

"ไม่ใช่ภาพ AI ที่ใส่ร้ายสำนักข่าว แต่เป็นภาพจริงๆ ในรายการอรุณอมรินทร์ ที่ออกอากาศเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2568 โดยการใช้ปกหลังสื่อสารว่า อังคณา นีละไพจิตร นักสิทธิมนุษยชนและ สว.คือ 'แม่พระ' ของชาวกัมพูชา
.
ตามข้อบังคับว่าด้วยจริยธรรมแห่งวิชาชีพสื่อมวลชน ของสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ พ.ศ.2564 ที่คำว่า ข่าว ประกอบด้วย หัวข้อข่าว พาดหัวข่าว ความนำ เนื้อหาข่าว ขณะเดียวกัน เนื้อหาข่าว ยังหมายถึง สื่อภาพ กราฟฟิก ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของข่าว ที่ว่า "อังคณาแม่พระเขมร แนวร่อมทยอยเคลื่อนไหว" จึงเป็นถือเป็นส่วนหนึ่งของข่าวและเนื้อหาข่าวใช่หรือไม่
.
หากใช่ การเอา อังคณา นีละไพจิตร ผู้มีตำแหน่งจริงๆ คือสมาชิกวุฒิสภา (สว.) และนักสิทธิมนุษยชนผู้ร่วมกันก่อร่าง พ.ร.บ.อุ้มหาย ซึ่งนักข่าวทั้ง 3 ที่นั่งอยู่เรียงกันก็จะได้รับความคุ้มครองภายใต้กฎหมายนี้ มาเปลี่ยนเสียให้เป็น 'แม่พระเขมร' จะเป็นการ 'บิดเบือน' ข้อเท็จจริงหรือไม่
.
หากเป็นเช่นนั้น แปลว่า ตามหมวดที่ 2 หลักจริยธรรมทั่วไป ความถูกต้องและข้อเท็จจริง ของข้อบังคับว่าด้วยจริยธรรมแห่งวิชาชีพสื่อมวลชน แปลว่าอาจมีการปฏิบัติผิดจากข้อกำหนด ได้แก่
.
ข้อ 5 สื่อมวลชนต้องตรวจสอบและไม่แต่งเติมเนื้อหาสาระของข่าวจนคลาดเคลื่อน หรือเกินจากข้อเท็จจริง
ข้อ 6 สื่อมวลชนต้องละเว้นการเสนอข่าวด้วยความลำเอียงหรือมีอคติเป็นเหตุให้ข่าวนั้นบิดเบือน อันอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลในข่าวและความเข้าใจผิดในสังคม
ข้อ 7 สื่อมวลชนต้องไม่นำเสนอหัวข้อข่าว พาดหัวข่าว ความนำ และภาพประกอบจนทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนไปจากสาระสำคัญของข่าว
.
ทั้งนี้ หากการนำเสนอข่าวในครั้งนี้ ซึ่งเป็นการนำเสนอต่อสาธารณะแต่ไม่ตระหนักถึง 'อรรถประโยชน์' ต่อสาธารณะ อาจกระทำผิดหลัก
.
ข้อ 9 สื่อมวลชนพึงเสนอข่าว เนื้อหาข่าว การแสดงความคิดเห็น และเนื้อหาทั่วไป โดยตระหนักถึงความสำคัญและอรรถประโยชน์ของข่าวต่อสาธารณะ และไม่เสนอข่าวในทำนองชวนเชื่อหรือเร้าอารมณ์ให้คนสนใจในเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ
.
ข้อ 10 สื่อมวลชนพึงระมัดระวังในการเสนอข่าว เนื้อหาข่าว การแสดงความคิดเห็น และเนื้อหาทั่วไป ในสถานการณ์วิกฤต อันจะส่งผลกระทบร้ายแรงในเชิงสุขภาพ เศรษฐกิจ วัฒนธรรม สังคม และการเมือง ไม่ว่าจะทำให้เกิดความเพิกเฉย หรือตื่นตระหนกเกินเหตุ หรือเจตนาเพื่อให้เกิดประโยชน์เฉพาะบุคคล หรือกลุ่มผลประโยชน์ใดๆ
.
ข้อ 11 สื่อมวลชนพึงทำหน้าที่ประสานความเข้าใจในสังคมในภาวะที่สุ่มเสี่ยงต่อความขัดแย้ง แตกแยกในความคิด และพึงระมัดระวังการเสนอข่าว เนื้อหาข่าว เนื้อหาทั่วไป หรือ การแสดงความคิดเห็นต่อสถานการณ์อันจะเป็นการสร้าง หรือเพิ่มความหวาดระแวง ความเกลียดชัง ความขัดแย้ง และความรุนแรงในชุมชนหรือสังคม
.
ที่สำคัญ การนำเสนอโดยนำ อังคณา นีละไพจิตร ขึ้นปกพร้อมพาดหัวอันเป็นการใส่ร้ายว่าผู้อื่นในทำนองว่า เขาหรือเธอยืนเคียงข้างกัมพูชานั้น อาจไม่ได้ให้ความเป็นธรรมกับฝ่ายของคุณอังคณาผู้ถูกพาดพิง ก็อาจจะผิดข้อบังคับ
.
ข้อ 12 สื่อมวลชนต้องแสดงความพยายามในการให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
.
ข้อ 13 สื่อมวลชนต้องเปิดโอกาสให้ฝ่ายที่ถูกกล่าวหาแสดงข้อเท็จจริงเมื่อข่าวที่นำเสนอมีการพาดพิงอันอาจเกิดความเสียหายแก่บุคคล หรือองค์กร หรือได้แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการให้ความเป็นธรรมแล้ว
.
ข้อ 14 สื่อมวลชนต้องรักษาความถูกต้องเที่ยงธรรม เมื่อบุคคลหรือองค์กรที่ถูกพาดพิงเห็นว่าการแสดงความคิดเห็น หรือการวิพากษ์วิจารณ์นั้น ไม่ถูกต้องหรือผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง
.
อย่างไรก็ตาม การนำเสนอในครั้งนี้ผู้อยู่เบื้องหลังอาจต้องถามตัวเองว่า ได้คำนึงถึงหลักเคารพสิทธิส่วนบุคคลและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์หรือไม่ หากไม่ได้คำนึงอีก ก็จะผิดหลักเคารพสิทธิส่วนบุคคลและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อีกกระทงตั้งแต่ข้อ 15, 17-20 ทั้งยังอาจผิดตามข้อ 24 ที่สื่อมวลชนต้องไม่สอดแทรกความคิดเห็นลงในข่าว เนื้อหาข่าว
.
ทั้งนี้ ในช่วงเวลาที่ละเอียดอ่อนที่สืบเนื่องจากกรณีตรงแนวชายแดน สื่อมวลชนต้องทำงานอย่างแข็งขันในการนำเสนอข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมาบนหลักของการไม่สร้างความเกลียดชังเพิ่ม ขณะเดียวกันสมาคมนักข่าวฯ ก็ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อกำกับการทำหน้าที่ของสื่อให้อยู่ภายใต้จรรยาบรรณอย่างเข้มข้น
.
ซึ่งไม่ใช่การปิดกั้นการนำเสนอของสื่อ แต่เป็นการทำให้การนำเสนอยึดโยงกับ อรรถประโยชน์ของส่วนร่วม ไม่ใช่ยึดโยงกับความสะใจของคนไม่กี่กลุ่ม และกดผู้ถูกพาดพิงจมลงไปกับกระแสความเกลียดชัง"


กำลังโหลดความคิดเห็น