“อาจารย์ปานเทพ” แนะไทยยกเลิกประชุม JBC ซึ่งจะทำให้เสียสิทธิในการยกเลิก MOU43 ตามอนุสัญญากรุงเวียนนา เพราะเท่ากับยอมรับว่ากัมพูชาไม่ได้ละเมิด MOU อย่างร้ายแรง ทั้งที่ยิงใส่พลเรือน-วางทุ่นระเบิดเป้นที่ประจักษ์ชัด เมื่อไม่สามารถยกเลิก MOU43 ก็อาจต้องถอนกำลังออกจากพื้นที่ 11 จุดรวมทั้งภูมะเขือที่ไทยเพิ่งยึดมาได้
วันนี้ (17 ต.ค.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน แถลงข่าวกรณี ที่ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ มีการแถลงข่าวว่าถ้าหากประเทศไทยเข้าประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม(JBC) ในวันที่ 21-22 ตุลาคมที่จะถึงนี้ จะไม่กระทบสิทธิ์ในการยกเลิก MOU 43 อย่างแน่นอน ซึ่งตนมองว่า เป็นการแถลงที่น่าเป็นห่วง เพราะจะทำให้มีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้ประเทศไทยสูญเสีย 11 พื้นที่แนวชายแดนที่เรายึดคืนมาได้ ที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง อดีตแม่ทัพภาค 2 เคยบอกว่ากัมพูชารุกล้ำจริง แต่ทางรัฐบาลกลับไม่ดำเนินการใดๆ
นายปานเทพย้ำว่า การดำเนิงานตาม MOU2543 ไม่เคยได้ผล ฝ่ายกัมพูชามีแต่รุกล้ำดินแดนไทยมาตลอด โดยใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 เป็นเครื่องมือ ตามข้อ 1 ค.เป็นเครื่องมือ ซึ่งที่ผ่านมากัมพูชาได้อ้างแผนที่นี้มาตลอด ไม่มีตรงไหนของ MOU ที่เปิดช่องให้ไทยใช้แผนที่ 1 ต่อ 50,000 ได้เลย ล่าสุดนายฮุนเซน ก็ได้ประกาศต่อวุฒิสภากัมพูชาแล้วว่าจะยึดแผนที่ 1 ต่อ 200,000
นายปานเทพกล่าวว่า ขณะนี้เป็นโอกาสทองครั้งเดียว ที่ประเทศไทยจะสามารถยกเลิก ฉีก MOU 43 หรือชะลอการประชุม JBC ออกไป โดยให้ไทยพุ่งเป้าไปที่การละเมิด MOU 43 ที่กัมพูชาได้เปิดศึกยิงใส่พลเรือนก่อน เพราะเหตุการณ์ในครั้งนั้นเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาคนทั้งโลก
โดยการยกเลิก MOU 43 สามารถทำได้โดยใช้มาตรา 60 ของอนุสัญญากรุงเวียนนา ว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญาปี พ.ศ 2512 เนื่องจากกัมพูชามีการละเมิด MOU อย่างร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็นทั้งวางทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน หรือยิงใส่พลเรือน ซึ่งตอนนี้กัมพูชาทำทั้ง 2 อย่างไปแล้ว ก็จะเข้าสู่มาตรา 45 ที่สามารถฉีก MOU43 ได้ทันที
นายปานเทพกล่าวอีกว่า แต่ถ้าหากไทยยังดื้อดึงที่จะเข้าประชุม JBC ก็จะเข้าทางของกัมพูชา เพราะเท่ากับไทยยอมรับว่า กัมพูชาไม่ได้ละเมิด MOU2543 อย่างร้ายแรง ไทยจะเสียสิทธิตามมาตรา 60 ของอนุสัญญากรุงเวียนนา และไม่สามารถทำการยกเลิก MOU ตามมาตรา 45 ได้
ทั้งนี้ เมื่อไทยไม่สามารถยกเลิก MOU 43 ได้ และจำเป็นต้องถอนกำลังออกมาจาก 11 จุด รวมทั้งภูมะเขือ จนอาจนำไปสู่การสูญเสียดินแดนอีกครั้งเหมือนกันปี 2505 ทีประเทศไทยสูญเสียปราสาทพระวิหาร และตนยืนยันว่าต่างชาติไม่สามารถแทรกแซงได้ตามที่โฆษกกระทรวงต่างประเทศแถลง
ดังนั้น ตนจึงตั้งตำถามกลับไปว่า ถ้าหากไทยเข้าประชุม JBC แล้วทำให้ประเทศไทยสูญเสียดินแดนเพิ่มเติม รัฐบาลที่นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะต้องรับผิดชอบไปจนชั่วลูกชั่วหลาน
นอกจากนี้ อาจารย์ปานเทพยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า รัฐบาลมีการแต่งตั้งนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย อดีตเอกอัครราชทูตไทยและที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศด้านเขตแดน เป็นประธาน JBC ฝ่ายไทย แต่กลับไม่มีการประกาศให้ประชาชนทราบ มีนัยอะไร ทำไมถึงเก็บเป็นความลับ แล้วที่มีความเร่งรีบจะเข้าประชุม JBC ตามกำหนดการเดิม เป็นเพราะกังวลที่จะถูกนายฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ขู่จะเปิดโปงธุรกิจผิดกฎหมายของนักการเมืองไทยที่อยู่ในฝั่งกัมพูชา ซึ่งตนก็มองว่ามีนักการเมืองอยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน