xs
xsm
sm
md
lg

”โดรนไทย“ ลำแรกตกฝั่งเขมร! "อ.ปานเทพ" เปิดเบื้องหลัง ถูกศัตรูหลอกพิกัดฉกกลางอากาศ แต่ได้ข้อมูลสำคัญสู้เทคโนโลยี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์" ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน โพสต์ชี้แจงกรณีโดรนลาดตระเวนไทยฝีมือคนไทยที่ส่งมอบให้กองทัพภาคที่ 2 ตกในฝั่งกัมพูชาเป็นครั้งแรกในรอบ 49 วัน หลังปฏิบัติภารกิจมานาน สาเหตุจากความผิดพลาดของ "นักบินใหม่" ที่นำไป "ฝึกบิน" ใกล้ชายแดนใกล้ปราสาทตาควาย จนถูกเทคโนโลยีกัมพูชา "หลอกพิกัด" และลากโดรนออกไป 2 กม. แม้โดรนจะถูกยึดได้ แต่ "อ.ปานเทพ" ยืนยันไม่น่าห่วง เพราะเป็นซอฟต์แวร์ไทย อีกทั้งการตกครั้งนี้ยังเป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้ทราบถึงเทคโนโลยีใหม่ของกัมพูชา ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนา "นวัตกรรม" โดรนชุดใหม่ที่คู่แข่งจะคาดไม่ถึงต่อไป

วันนี้ (15 ต.ค.) “อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์” ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ได้ออกมาโพสต์ข้อความ หลังพบว่าโดรนลาดตระเวน "ลำแรก" จาก 20 ลำของมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินที่ส่งมอบให้กองทัพภาคที่ 2 เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2568 ตกลงในฝั่งกัมพูชาเป็นครั้งแรกในรอบ 49 วัน

สาเหตุที่โดรนตกเกิดจากการที่ทหารนักบินใหม่ตัดสินใจ "ฝึกบิน" ใกล้ปราสาทตาควายในเวลา 10.00 น. ซึ่งทำให้กัมพูชาใช้เทคโนโลยี "หลอกพิกัดโดรน" ลำนี้ได้สำเร็จ และลากโดรนออกไปจากจุดเดิม 2 กิโลเมตรเข้าสู่ฝั่งกัมพูชา แต่นักบินใหม่ยังไม่สามารถควบคุมเพื่อดึงกลับมาได้ทัน โดน อาจารย์นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ชี้แจงดังนี้

"วันนี้ปรากฏมีผู้สื่อข่าวและพี่น้องประชาชนที่สนใจว่ามีโดรนของประเทศไทยตกลงไปยังฝั่งกัมพูชาที่ถูกยึดได้ โดยมีตราของมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน 1 ลำนั้นตรวจสอบเบื้องต้นเป็นโดรนชนิดสำหรับการลาดตระเวนลำแรก ซึ่งถือว่าเป็นการตกลงครั้งแรกของโดรนลาดตระเวนของมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ในรอบ 49 วัน

ขอเรียนให้ทราบว่าโดรนลาดตระเวนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งจากการส่งมอบของมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2568 ได้ส่งมอบโดรนและแอนตี้โดรนให้กองทัพภาคที่ 2 จำนวนมาก โดยในวันดังกล่าวได้ส่งมอบโดรนลาดตระเวนที่กล้องมีความละเอียดสูง จำนวน 20 ลำครั้งแรก ที่เป็นฝีมือของคนไทยเพื่อทดแทนโดรนลาดตระเวนจากจีนทั้งหมด เพราะโดรนจากจีนไม่สามารถฝ่าแอนตี้โดรนในฝั่งกัมพูชาได้ หรือถูกกัมพูชาสามารถดักจับตำแหน่งผู้บังคับโดรนได้ ซึ่งจะเป็นอันตรายมาก และปัจจุบันโดรนจีน DJI ก็ไม่สามารถใช้งานได้แล้ว

ดังที่ผมได้เคยชี้แจงมาก่อนหน้านี้ตั้งแต่แรกว่าสำหรับการทำ “โดรน” นั้น มีสิ่งที่ต่อต้านโดรนที่เรียกว่า “แอนตี้โดรน“ และทั้ง 2 สิ่งนี้เป็นสงครามคลื่นความถี่ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา อาจจะเรียกว่าตามกันทันและหนีกันได้สัปดาห์ต่อสัปดาห์

โดรนที่เคยใช้ได้ในสัปดาห์นี้ ก็อาจจะใช้ไม่ได้ในอีก 1 สัปดาห์ข้างหน้า เพราะถูกแอนตี้โดรนหาคลื่นความถี่เจอ หรือแทรกคลื่นความถี่เอาชนะกันได้

ในทางตรงกันข้าม โดรนที่เคยใช้ไม่ได้ เพราะถูกแอนตี้โดรนฝั่งตรงกันข้ามดักจับหรือต่อต้านสำเร็จในสัปดาห์นี้ พออีก 1 สัปดาห์ผ่านไป โดรนที่เคยใช้ไม่ได้มีการปรับแก้ไขย่านคลื่นความถี่หรือเทคโนโลยีอื่น ก็สามารถกลับมาใช้ได้เช่นเดียวกัน
สำหรับโดรนลาดตระเวนของมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน 20 ลำ ซึ่งได้ถูกนำมาใช้ได้นานถึง 49 วันนั้น ก่อนหน้านั้นได้มีการถูกทดสอบจากแอนตี้โดรนถึง 8 บริษัทในประเทศไทยที่ผลิตเองหรือนำเข้าจากต่างประเทศ พบว่าแอนตี้โดรนทั้ง 8 บริษัทไม่สามารถนำโดรนของมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินลงได้เลย

สิ่งที่พิสูจน์มาถึงวันที่ 49 ก็แปลว่าโดรนของมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินได้ทำการลาดตระเวนตลอดแนวชายแดนได้ทั้ง 20 ลำโดยไม่เคยถูกแอนตี้โดรนจากฝั่งกัมพูชายิงตกลงได้เลย และเพียงพอที่เราจะรู้พิกัดสำคัญทั้งหมดของกัมพูชาอย่างละเอียดแล้ว โดยใน 20 ลำนี้ทหารบางส่วนได้ดำเนินการดัดแปลงโดยไม่ใช้คลื่นความถี่ในการควบคุมแล้ว 5 ลำด้วย

ส่วนการที่โดรนลาดตระเวนของมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินตกลง 1 ลำครั้งแรกในรอบ 49 วันครั้งนี้พบว่าเกิดขึ้นเพราะการตัดสินใจ “ฝึกบิน” ของทหารนักบินใหม่ บริเวณใกล้ปราสาทตาควายในเวลา 10.00 น. โดยถูกกัมพูชาใช้เทคโนโลยีหลอกพิกัดโดรนลาดตระเวนลำนี้ ทำให้โดรนลาดตระเวนลำดังกล่าวถูกลากออกไปจากจุดเดิม 2 กิโลเมตรเข้าไปในฝั่งกัมพูชา

แต่เนื่องจากนักบินใหม่ยังไม่ได้ฝึกบินให้แข็งพอในสถานการณ์เช่นนี้จึงทำให้นักบินไม่สามารถควบคุมเพื่อดึงกลับคืนมาได้ แต่ทำให้เราได้ทราบข้อมูลที่กัมพูชาได้ใช้เทคโนโลยีเพื่อขัดขวางและทำลายโดรนของมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินที่กัมพูชาไม่เคยทำได้มาตลอด 49 วัน และเมื่อทราบแล้ว ก็จะสามารถมาดำเนินการต่อสู้กับเทคโนโลยีของกัมพูชาต่อไปได้ ไม่มีอะไรน่าห่วงอะไรเลยครับ

คำแนะนำเบื้องต้นจากผู้เชี่ยวชาญคือให้ “ฝึกบิน” อยู่ห่างจากแนวชายแดนลึกเข้ามาในฝ่ายไทย เมื่อบินแข็งแล้วค่อยกลับไปทดสอบอีกครั้งในบริเวณชายแดน

หมายความว่าถ้าฝึกบินได้ดีแล้วต่อให้เจอเหตุการณ์นี้ก็จะไม่ถูกแอนตี้โดรนลากไปแบบนี้ได้อีก เพราะเรามีวิธีรับมืออยู่แล้วครับ หรือแม้กระทั่งปรับดัดแปลงแบบไม่ใช้คลื่นความถี่

สำหรับโดรนลาดตระเวนที่ตกลงไปในฝ่ายกัมพูชา 1 ลำเป็นครั้งแรกนั้น อย่ากังวลว่ากัมพูชาจะสามารถถอดเทคโนโลยีเราได้หรือไม่ เพราะเป็นซอฟต์แวร์ที่เขียนขึ้นโดยฝีมือคนไทยเอง เอาไปก็ไม่สามารถนำไปใช้ซอฟต์แวร์ของคนไทยได้ครับ

จะเรียนให้ทราบว่าเงินก้อนสุดท้ายจากประชาชนที่มูลนิธิที่กำลังดำเนินการอยู่นั้น ซึ่งเป็นโดรนที่ได้รับปากท่านพลโท บุญสิน พาดกลาง เอาไว้นั้นจะเป็นโดรนที่กัมพูชาจะไม่สามารถทำอะไรโดรนเราได้อีกเลย และจะคาดไม่ถึง เพราะเป็น “นวัตกรรม” ส่วนจะเป็นอะไรนั้นยังไม่สามารถบอกได้เพราะเป็นความลับทางราชการครับ

จึงเรียนมาเพื่อทราบและขอขอบพระคุณทุกท่านที่ให้เราได้เป็นสะพานบุญในการทำภารกิจครั้งนี้ครับ" นายปานเทพระบุ


ต่อมานายปานเทพ โพสต์ข้อความว่า มีคนตั้งขัอสังเกตได้น่าสนใจว่าโดรนมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินไม่เคยใช้ก้านสีฟ้าใดๅ แบบนี้ 
"ซึ่งจริงด้วยครับ ผมก็ยังแปลกใจจริงๆ ครับ ใครจะพ่นสีฟ้าสดใสให้เห็นชัดๆ แบบนี้ แล้วถ้าทำไมยิงตกจริง จึงไม่มีความเสียหายใดๆ"


กำลังโหลดความคิดเห็น