นักวิชาการ มธ.ชี้ความสำเร็จ "เทศกาลเจนนี่ ฟีเวอร์" มาจากกลยุทธ์ "Shoppertainment" ตรงจริตคนไทย ชอบสนุก-มีส่วนร่วม พ่วงพลัง "คอลแลบ" ดาราดัง ดันยอดขายทะลัก พร้อมถอดบทเรียนให้ SME นำไปใช้ต่อยอดธุรกิจ
วันนี้ (15 ต.ค.) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพพร เรืองวานิช ผู้อำนวยการหลักสูตรควบตรี-โท ทางการบัญชีและธุรกิจ และรักษาการแทนผู้อำนวยการโครงการปริญญาตรีบริหารธุรกิจ หลักสูตรนานาชาติ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยถึงปรากฏการณ์ "เทศกาลเจนนี่" ที่ เจนนี่-รัชนก สุวรรณเกตุ หรือ เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น สามารถไลฟ์ขายสินค้าสร้างยอดขายได้อย่างมหาศาลในเวลาอันสั้น ว่าเป็นผลมาจากกลยุทธ์ "Shoppertainment" ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมการบริโภคของคนไทย
ผศ.ดร.นพพรชี้ว่าพฤติกรรมผู้บริโภคชาวไทยแตกต่างจากชาวตะวันตกโดยสิ้นเชิง โดยคนไทยชื่นชอบความสนุกสนาน ความบันเทิง และการมีส่วนร่วมกับผู้ขายโดยตรง ขณะที่ชาวตะวันตกนิยมซื้อสินค้าผ่านอีคอมเมิร์ซโดยไม่ต้องปฏิสัมพันธ์ ซึ่งกลยุทธ์ Shoppertainment ที่ผสมผสานการขายเข้ากับความบันเทิงจึงตอบโจทย์พฤติกรรมนี้
นักวิชาการ มธ.ระบุต่อไปว่า อีกปัจจัยสำคัญคือ "พลังของการคอลแลบ" ระหว่างเจนนี่กับดาราหรืออินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง เช่น อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ, กระแต-อาร์สยาม, หนุ่ม-กรรชัย ฯลฯ ซึ่งช่วยเสริมการเอนเทอร์เทนเมนต์แบบทวีคูณ และดึงฐานแฟนคลับของแต่ละคนมารวมกัน ส่งผลให้อัลกอริทึมของแพลตฟอร์มอย่าง TikTok ยิ่งเพิ่มการมองเห็นการรับรู้ให้ผู้บริโภค
สำหรับการถอดบทเรียนให้ผู้ประกอบการ SME หรือพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์นำไปต่อยอด ผศ.ดร.นพพรเน้นย้ำ 3 ประเด็นหลัก ได้แก่
1. การคอลแลบระหว่างแบรนด์: เพื่อขยายฐานลูกค้า เช่นเดียวกับที่ Gucci เคยร่วมมือกับ Adidas
2. การตั้งราคาที่ดีที่สุดและการกระตุ้นด้วยเวลาจำกัด: เจนนี่มีการกำหนดราคาสินค้าให้ถูกกว่าช่องทางของเจ้าของแบรนด์ พร้อมกระตุ้นด้วยกรอบเวลาสั้นๆ เพียง 10 นาทีต่อแบรนด์ อาศัยสภาวะ "FOMO" (Fear of Missing Out) หรือความกลัวตกกระแสให้ลูกค้ารีบตัดสินใจ
3. กลยุทธ์ดึงผู้ชมให้อยู่ต่อเนื่อง: ด้วยการสลับระหว่างดาราที่มีชื่อเสียงกับเจ้าของแบรนด์ที่มีสินค้าที่น่าสนใจ และแจ้งให้ผู้ชมทราบถึงคิวดาราที่จะตามมา
ผศ.ดร.นพพรเปรียบเจนนี่เสมือนผู้ประกอบการค้าปลีกที่เข้าใจ "หัวใจความสำเร็จ" คือการจัดเรียงสินค้าให้น่าสนใจ มีการผสมผสานผลิตภัณฑ์ให้ลงตัว ไม่ซ้ำซาก ทำให้ผู้บริโภคเห็นสินค้าหลากหลายและมีโอกาสสั่งซื้อมากกว่าหนึ่งประเภท
อย่างไรก็ตาม ผศ.ดร.นพพรมองว่าการที่เจนนี่ตั้งเป้าหมายยอดขาย 1,000 ล้านบาทภายในเดือนนี้มีความเป็นไปได้สูง แต่การตั้งเป้า 10,000 ล้านบาทภายในหนึ่งปี และต้องการรักษาปรากฏการณ์ฟีเวอร์ต่อไปอีก 3-5 ปี อาจยังคงเป็นความท้าทาย หากยังใช้กลยุทธ์และวิธีการเดิม
นอกจากนี้ การประกาศจัดงานมหกรรมการขายสินค้าออฟไลน์ “เฟสติวัล Live Market By ยิวเจน” 5 รอบ 5 จังหวัด โดยเปิดให้เช่าบูทสินค้าละ 1 ล้านบาท ร่วมกับบูทดาราดังกว่า 50 บูท ตั้งแต่เดือน ม.ค. 2569 ถือเป็นบริการที่ต่อยอดและเพิ่มช่องทางจากออนไลน์มาสู่ออฟไลน์ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่จะมีคนจำนวนมหาศาลเข้าร่วมงาน เนื่องจากฐานผู้ชมไลฟ์มีหลักแสนต่อครั้ง