กระทรวงกลาโหมแถลงจุดยืนชัดเจน ไม่เจรจาเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชาตามแรงกดดันของ "ฮุน เซน" จนกว่าฝ่ายกัมพูชาจะปฏิบัติตามเงื่อนไข 4 ข้ออย่างเป็นรูปธรรม ล่าสุด ทภ.2 สั่งเลื่อนประชุม RBC ไม่มีกำหนด เหตุเขมรยังไม่ส่งแผนปฏิบัติการ ขณะที่มองท่าที "ทรัมป์" เสนอตัวเป็นคนกลางเป็นเรื่องดี
วันนี้ (15 ต.ค.) มีรายงานว่า พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม ได้แถลงถึงกรณีที่สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานองคมนตรีกัมพูชา กดดันให้ไทยเปิดด่านชายแดนถาวร โดยยืนยันว่าฝ่ายไทยยังคงยึดมั่นในเงื่อนไข 4 ข้อที่เคยเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา และจะไม่มีการเจรจาในประเด็นอื่นจนกว่ากัมพูชาจะดำเนินการตามเงื่อนไขดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรมและเป็นที่น่าพอใจ
สำหรับเงื่อนไขทั้ง 4 ข้อที่ฝ่ายไทยยื่นต่อกัมพูชา ประกอบด้วย
1. การถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ชายแดน
2. การเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน
3. การปราบปรามขบวนการสแกมเมอร์และอาชญากรรมข้ามชาติ
4. การบริหารจัดการพื้นที่ชายแดนที่มีปัญหาร่วมกัน
พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวว่า จุดยืนของไทยมีความชัดเจนและเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด ตั้งแต่ระดับรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีได้ยืนยันในเงื่อนไขทั้ง 4 ข้อมาโดยตลอด จนถึงหน่วยงานในระดับพื้นที่ ซึ่งต้องการแผนปฏิบัติการที่ชัดเจนจากฝ่ายกัมพูชา เช่น แผนการเก็บกู้ทุ่นระเบิด และการจัดการชุมชนที่รุกล้ำอธิปไตยของไทย แต่จนถึงขณะนี้ฝ่ายกัมพูชายังไม่มีการเสนอแผนปฏิบัติการใดๆ ที่เป็นรูปธรรม
"กัมพูชาก็ต้องย้อนมองตัวเองว่ามีความพร้อมแค่ไหน ก่อนที่จะออกมาพูดว่าขอเปิดด่าน เพราะขณะนี้ฝ่ายไทยยืนยันเป็นแนวทางเดียวกันหมด ตั้งแต่รัฐบาลไปจนถึงระดับพื้นที่ว่าต้องยึดในเงื่อนไข 4 ข้อ ก่อนที่จะไปคุยเรื่องอื่น" โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าว
จากการที่ฝ่ายกัมพูชายังไม่ส่งแผนปฏิบัติการดังกล่าว ส่งผลให้ล่าสุดกองทัพภาคที่ 2 ได้แจ้งเลื่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ซึ่งมีกำหนดจะประชุมกับภูมิภาคทหารที่ 4 ของกัมพูชาออกไปอย่างไม่มีกำหนด
ส่วนข้อสังเกตว่าแรงกดดันของกัมพูชาอาจมีสาเหตุมาจากการสูญเสียรายได้หลังไทยใช้มาตรการปิดด่านนั้น พล.ร.ต.สุรสันต์ระบุว่า แม้จะไม่มีข้อมูลโดยตรง แต่คาดการณ์ได้ว่าเกิดจากผลกระทบด้านการค้าชายแดน ซึ่งมาตรการปิดด่านของไทยถือเป็นความเหมาะสมและเป็นการกดดันตามหลักสากล
นอกจากนี้ โฆษกกระทรวงกลาโหมยังได้กล่าวถึงท่าทีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่จะเข้ามาเป็นตัวกลางในการเจรจาสันติภาพ ว่าเป็นเรื่องที่ดีและสะท้อนถึงความห่วงใยของสหรัฐฯ ต่อภูมิภาคนี้ ซึ่งไทยมองว่าเป้าหมายสำคัญที่สุดคือการสร้างความสงบสุขตามแนวชายแดน เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยไม่ต้องกังวลถึงการปะทะที่อาจเกิดขึ้น