หนุ่มแชร์ประสบการณ์ติด “ไข้รากสาด” จากการไปแคมป์ปิ้ง เผยว่ามีอาการป่วยไข้สูง-ปวดหนัก ตรวจเป็น 10 ครั้งกว่าจะเจอเชื้อ ด้านรพ.เวชศาสตร์เขตร้อน ชี้วิธีสังเกตอาการและป้องกัน
เมื่อวันที่ 13 ต.ค. มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Pornpichit Chantakorn“ ออกมาแชร์ประสบการณ์ติด “ไข้รากสาด” จากการไปแคมป์ปิ้ง ผ่านกลุ่มจุดกางเต็นท์ โดยผู้โพสต์เล่าว่า “ขอเล่าประสบการณ์ที่ไม่อาจลืมไปตลอดชีวิต อาจจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังจะไปแคมป์ใกล้ๆป่า ผมติด “ไข้รากสาด ”จากการไปแคมป์ที่.....
ผมไปมาวันที่ 13-14 ก.ย. 68 และผมเริ่มมีไข้วันที่ 24 ก.ย. ระยะฟักตัว 10-12 วันเลยนะครับ หมอบอกเกิดจากตัวไร หรือหมัดในป่ากัด แล้วผมก็ติดเชื้อมา ปัญหาคือตรวจเลือดไม่เจออะไรเลย ผมไปรพ.แทบทุกวันตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย. จนได้นอนรพ.วันที่ 29 ก.ย. เพราะแทบไม่มีแรง ไข้ขึ้นสูงแต่ตรวจไม่เจอ ปวดตามกล้ามเนื้อ ข้อต่อต่างๆ แต่ไม่มีน้ำมูกไม่ไอ มีแค่ไข้สูงกับปวดหัวรุนแรง
เพราะเชื้อไข้รากสาด สามารถทำให้เยื่อหุ้มสมองอักเสบได้ ผ่านไปจนวันที่ 1 ต.ค. หมอถึงเจอเชื้อไข้รากสาด ผมตรวจเลือดไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง ในระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย. ถึงวันที่ 1 ต.ค. ถึงเจอเชื้อจากการเอาเลือดไปเพาะเชื้อ หลังจากเจอเชื้อ 2 วันจากนั้นผมก็หาย และกลับบ้านได้ ถือว่าผมโชคดีที่มันยังขึ้นไม่ถึงสมอง จากประสบการณ์นี้ ผมจึงคิดว่ามันคงมีประโยชน์ หากเพื่อนๆได้รับทราบถึงไข้นี้
หากเข้าไปแคมป์ใกล้ๆป่า สเปรย์กันแมลงสำคัญมากๆ ผมแทบไม่รู้สึกว่าอะไรกัดผมเลย ปกติผมเป็นคนแข็งแรง ออกกำลังกายอยู่เสมอ ยังเป็นได้ ฝากทุกคนระวังกันด้วยนะครับ มันอันตรายถึงชีวิตจริงๆ“
ต่อมา เพจ “โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน (Hospital for Tropical Diseases)” ได้แสดงความคิดเห็นในโพสต์ดังกล่าวเกี่ยวกับโรคไข้รากสาด ระบุว่า “เพิ่งไปเที่ยวป่า ออกมามีไข้ ปวดเมื่อยตามตัว อย่ารอช้าครับ รีบไปพบแพทย์อย่างด่วนเลย!!!
วันนี้โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อนขอเสนอ โรคไข้ไรอ่อน หรือโรคไข้รากสาดใหญ่ หรือโรคสครับไทฟัส Scrub typhus เป็นโรคเดียวกันนะครับ กล่าวคือ โรคนี้เกิดจากเชื้อแบคทีเรียในกลุ่มริกเก็ตเซีย (Rickettsia) ที่ชื่อโอเรียนเทีย ซูซูกามูชิ (Orientia tsutsugamush) โดยมีไรอ่อนเป็นภาหะ เจ้าไรอ่อนจะอาศัยอยู่ตามพุ่มไม้ ทุ่งหญ้าในป่าละเมาะ เมื่อมีสัตว์ผ่านเข้าไปในบริเวณนั้น จะถูกไรอ่อนเกาะและดูดเลือดหากสัตว์เหล่านั้นมีเชื้อโรคนี้อยู่ ไรอ่อนก็จะติดโรคนี้
เราจะติดโรคนี้ได้อย่างไร
ถ้าหากเราบังเอิญเดินทางหรือไปพักแรมในบริเวณที่มีไรอ่อนอยู่ ไรอ่อนจะไต่ตามเสื้อผ้า เช่น ขากางเกง และมักไปหยุดดูดเลือดแถวในที่อับ ลับตาคน เช่นที่อับขื้นใต้ร่มผ้า ทำให้เชื้อเข้าสู่ร่างกายผ่านแผลบริเวณผิวหนังที่ถูกกัด และตรงบริเวณที่โดนไรอ่อนกัดจะเป็นแผลคล้ายถูกบุหรี่จี้ (แรกๆจะเป็นตุ่มแดงๆ อยู่ 2-3 วัน แล้วแตก เป็นแผล พอแผลแห้งก็เป็นสะเก็ดดำๆคล่ายรอยถูกบุหรี่จี้) ต่อมาต่อมน้ำเหลืองแถวที่ถูกกัดจะบวมเจ็บ และจากนั้นก็จะมีไข้
อาการสำคัญของไข้ไรอ่อน
คนไข้ส่วนใหญ่มักมีไข้ ปวดศรีษะ ปวดตัว เวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียน แต่บางรายอาจมีโรคแทรกซ้อน เช่น ไอที่เกิดจากหลอดลมอักเสบ ปอดบวม สมองอักเสบ ทำให้ชักหมดสติ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ทำให้เหนื่อยง่าย เป็นต้น
ช่วงถามมาตอบไป
ถาม : คนที่เป็นโรคนี้จะมีแผลคล้ายถูกบุหรี่จี้ทุกคนหรือเปล่าครับ?
ตอบ : แผลแบบนี้ พบในคนไข้บางคนเท่านั้น ส่วนใหญ่จะมีอาการตามด้านบนเลยครับ (หัวข้ออาการสำคัญ)
ถาม : แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคนี้ครับ?
ตอบ : ก็จากประวัติการเดินทางไปในป่าหรือพื้นที่เสี่ยงโรค แล้วมีไข้ และอาการอื่นๆ ตามที่เล่าให้ฟังเมื่อครู่นี้ ก็ให้รีบมาพบแพทย์ครับ ทั้งนี้หมอก็จะตรวจเลือดเพื่อยืนยันว่าเป็นโรคนี้อีกครั้งด้วย
ถาม : คนที่ไม่ไปป่า จะเป็นโรคนี้ได้ไหมครับ?
ตอบ: มีโอกาสน้อย แต่โรคนี้ก็อาจพบในชาวนา ชาวสวนที่อยู่ในภูมิประเทศที่เหมาะให้ไรอ่อนอาศัยอยู่ได้เช่นกัน
วิธีการป้องกันเบื้องต้น
ควรหลีกเลี่ยงที่เป็นแหล่งอาศัยของไรอ่อน เช่น พุ่มไม้ ป่าละเมาะ พยายามอยู่ในที่โล่ง ถ้าจำเป็นต้องเข้าไปในพื้นป่าหรือพื้นที่เสี่ยง สวมเสื้อผ้า หรือเครื่องป้องกันให้มิดชิด หากมีไข้สูง และมีอาการตามที่กล่าวมาหลังเข้าไปในป่า ควรรีบมาพบแพทย์โดยเร็ว“