xs
xsm
sm
md
lg

เคลียร์ทุ่นระเบิดบ้านหนองหญ้าแก้วได้แล้วกว่า 15,000 ตร.ม.จากพื้นที่สีแดง 1 แสน ตร.ม. คาดเสร็จใน 1 สัปดาห์ นับหนึ่งยึดคืนพื้นที่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เผยพื้นที่ไม่ปลอดภัยบ้านหนองหญ้าแก้วมีกว่า 1 แสนตาราเมตร ทำแผนเก็บกู้ 4 โซน คืนพื้นที่ปลอดภัยโซนแรกได้แล้ว 15,042 ตร.ม. คาดเคลียร์ได้ทั้งหมดภายใน 1 สัปดาห์ ก่อนลุยต่อที่บ้านหนองจาน ทภ.1 เผยดำเนินการอยู่ในพื้นที่ซึ่งยึดคืนมาได้ช่วงศึก 5 วันเมื่อปลายเดือน ก.ค. 

กองกำลังบูรพา โดยหน่วยเฉพาะกิจ 12 (ฉก.12) รายงานการตรวจพบทุ่นระเบิด ในพื้นที่ปฏิบัติการบ้านหนองหญ้าแก้ว ประจำวันที่ 12 ต.ค. 68 โดยตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิดระเบิดอยู่กับที่ PMN จํานวน 2 ทุ่น ในลักษณะพร้อมใช้งาน เจ้าหน้าที่ดำเนินการเก็บกู้ตามขั้นตอนเรียบร้อย

สรุปการปฏิบัติภารกิจ ตั้งแต่ 10 ต.ค.-ปัจจุบัน ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลรวม 5 ทุ่น ชนิดระเบิดอยู่กับที่ PMN สภาพพร้อมใช้งานทั้ง 5 ทุ่น


พันโท ศราวุธ สระทองเทียน ผู้บังคับกองพันทหารช่างที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจ 12 กองกำลังบูรพา ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ระบุว่า แผนดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่หนองหญ้าแก้ว ตำบลโคกสูง อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว เจ้าหน้าที่จะทำการถางป่าหญ้าเพิ่มเติมจากเมื่อวานนี้ และใช้กําลังเจ้าหน้าที่เดินตาม ซึ่งคาดว่าจะทําให้พบทุ่นระเบิดที่ตกค้างเพิ่มเติม

สําหรับพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัยที่หนองหญ้าแก้ว ที่จํากัดวงเป็นพื้นที่สีแดงมีประมาณ 102,874 ตารางเมตร ในจํานวนนี้ได้แบ่ง เป็น 4 โซน ซึ่งโซนเอมีอยู่ประมาณ 29,726 ตารางเมตร ในการตรวจค้นทุ่นระเบิดและทําพื้นที่ให้ปลอดภัย


ปัจจุบันสามารถคืนพื้นที่ได้เรียบร้อยแล้ว 15,042 ตารางเมตร ส่วนที่เหลือคาดว่าจะใช้ระยะเวลาอีกหนึ่งสัปดาห์ เนื่องจากมีอุปสรรคของสภาพอากาศเข้ามาเป็นปัจจัยสําคัญในการทำงาน ซึ่งการดําเนินการทั้งหมดต้องอยู่ภายใต้ความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ด้วย 

พ.อ.ภิชฌ์ยุทธ พรหมโท รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 ระบุว่า พื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้วที่ทําการเก็บกู้วัตถุระเบิดตกค้างนั้นเป็นแผนประจําปีของ นปท. หรือหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดทางด้านมนุษยธรรม เป็นหนึ่งในแผนปฏิบัติการเก็บกู้ระเบิดด้านมนุษยธรรมของประเทศไทย ซึ่งเราได้ส่งแผนไปที่ออตตาวาอยู่แล้ว แต่ในหลายปีที่ผ่านมาทางไทยไม่สามารถปฏิบัติการพื้นที่ดังกล่าวได้ โดยถูกกัมพูชาขัดขวางมาโดยตลอด

แต่พอฝ่ายความมั่นคงไทยสามารถยึดคืนพื้นที่ดังกล่าวกลับขึ้นมาได้เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ถึงเพิ่งเข้ามาเคลียร์พื้นที่


อุปสรรคสําคัญ คือ ฝนที่ส่งผลต่อการทํางาน ซึ่งหากจะให้ครบทั้ง 4 โซนคาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1 สัปดาห์

ส่วนพื้นที่บ้านหนองจานจะอยู่ในแผนต่อไปหลังเสร็จสิ้นที่พื้นที่หนองหญ้าแก้วแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ภารกิจในครั้งนี้ถือเป็นการคืนพื้นที่อธิปไตยไทยได้หรือไม่ พันเอก ภิชฌ์ยุทธระบุว่า ถือว่าได้ เป็นการนับหนึ่ง และเป็นไปตามขั้นตอน ขณะเดียวกันก็จะเห็นว่าทางจังหวัดก็เริ่มซักซ้อมแผนอพยพแล้วเช่นเดียวกัน


ส่วนทุ่นระเบิดที่พบนั้นยืนยันได้หรือไม่ว่าที่ผ่านมากัมพูชาไม่เคยดําเนินการตามข้อตกลง รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 ระบุว่า ก็เป็นส่วนหนึ่ง ทั้งนี้ พื้นที่อธิปไตยไทยของเรา เราสามารถทำได้เลยโดยไม่ต้องขออนุญาต เราแค่ทําหนังสือแจ้งเท่านั้นเพื่อป้องกันการเข้าใจผิด เพียงแต่ที่ผ่านมาทางกัมพูชาจะอ้างว่าเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ ที่ผ่านมาฝ่ายไทยก็ไม่อยากจะให้มีปัญหา แต่ตอนนี้เราเห็นว่าทําได้ เราก็ทําทันที 


ด้านกองทัพภาคที่ 1 โดยศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ได้สรุปสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว วันที่ 12 ต.ค. 68 ดังนี้

พื้นที่บ้านหนองจาน ฝ่ายไทย มีมวลชนเข้าพื้นที่ พ่อค้าแม่ค้ารวมทั้งนักข่าว ประมาณ 150 คน และมูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ นำตู้คอนเทนเนอร์ 20 ตู้ มาวางบริเวณ จต.ส.40 พื้นที่ฝั่งตรงข้าม ฝ่ายกัมพูชา พบความเคลื่อนไหวประชาชน, สื่อมวลชน, ทหาร และตำรวจ คอยติดตามความเคลื่อนไหวและการปฎิบัติของฝ่ายไทย ประมาณ 30-40 คน สถานการณ์ทั่วไปเป็นปกติ การปฏิบัติการที่สำคัญ กกล.บูรพา โดย ฉก.อรัญประเทศ ฉก.ตาพระยา, ตำรวจตระเวนชายแดน, ทหารพราน, และชุดควบคุมฝูง ยังคงตรึงกำลังเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก


พื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ฝ่ายไทยมีมวลชนจำนวนหนึ่งในพื้นที่ ยังไม่มีความเคลื่อนไหวที่สำคัญ พื้นที่ฝั่งตรงข้าม ฝ่ายกัมพูชา พบความเคลื่อนไหวประชาชน มวลชนและผู้สื่อข่าว จำนวนประมาณ 30-40 คน ในวัดเปรยจันเป็นจุดศูนย์กลางในการแสดงจุดยืน, การประชาสัมพันธ์ แจ้งขาวสาร, เป็นพื้นที่รับ-ส่ง เสบียง, สิ่งของสัมภาระ และสิ่งของอุปโภค-บริโภค สถานการณ์ทั่วไปเป็นปกติ ปฏิบัติการที่สำคัญ กกล.บูรพา โดยฉก.อรัญประเทศ ฉก.ตาพระยา, ตำรวจตระเวนชายแดน, ทหารพราน, และชุดควบคุมฝูง ยังคงตรึงกำลังเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก

กรณีฝ่ายกัมพูชาได้นำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) ลงพื้นที่ไปยังหมู่บ้านโจกเจยและหมู่บ้านเปรยจัน เพื่อสังเกตการณ์ ตรวจสอบ การเปิดเครื่องเสียงผ่านลำโพงของฝ่ายไทย อ้างเป็นการข่มขู่และคุกคามทางจิตใจและสร้างความรำคาญแก่ชาวกัมพูชาในพื้นที่

ทั้งนี้ ทีมงานของฝ่ายไทยได้ทำการกระจายเสียงเกี่ยวกับสารคดีประวัติศาสตร์ในค่ายอพยพ เมื่อประชาชนกัมพูชาหนีภัยสงครามกลางเมืองมาพึ่งพาอาศัยในพื้นที่ประเทศไทย และประชาสัมพันธ์แจ้งให้ผู้บุกรุกชาวกัมพูชาในพื้นที่อธิปไตยไทย ในข้อหาบุกรุกและครอบครองพื้นที่ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 ซึ่งมีโทษสูงสุดคือจำคุกไม่เกิน 15 ปี และปรับไม่เกิน 100,000 บาท ถือเป็นส่วนหนึ่งการปฏิบัติการจิตวิทยา ตามแผนจากเบาไปหาหนักของฝ่ายพลเรือน


นอกจากนี้ ฝกร.ศปก.ทภ.1 ได้ร่วมกับจังหวัดสระแก้ว กกล.บูรพา และ มทบ.19 ในการซักซ้อมแผนอพยพประชาชนจากพื้นที่ 4 อำเภอชายแดน ได้แก่ อ.ตาพระยา, อ.โคกสูง, อ.อรัญประเทศ และ อ.คลองหาด โดยเป็นการซักซ้อมอพยพประชาชนเข้าพื้นที่พักพิงชั่วคราว ตามแผนอพยพของ จ.สระแก้ว จำนวน 10 แห่ง มีผู้ว่าราชการ จ.สระแก้ว และ ผบ.กกล.บูรพา ร่วมให้คำแนะนำในการปฏิบัติอย่างใกล้ชิด เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของประชาชน

สำหรับภารกิจการเก็บกู้ระเบิด กกล.บูรพา ยังคงเดินหน้าดำเนินการตรวจสอบค้นหาวัตถุระเบิดที่คาดว่าตกค้างในพื้นที่บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว โดยหน่วยได้จัดกำลังพลและยุทโธปกรณ์พร้อมอุปกรณ์ตรวจค้น รถถากถางหุ้มเกราะ D5, เครื่องจักร GCS-200, จนท.หน่วย ช.สนาม 7 ชุด และได้รับการสนับสนุนจากศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (ศทช.) ร่วมปฏิบัติการเพื่อคืนพื้นที่ปลอดภัยครอบคลุมอธิปไตยของไทยทั้งหมด 

ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ 1 ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้ความร่วมมือในทุกภารกิจ ขอบคุณกำลังใจจากพี่น้องประชาชนที่เข้าใจและให้ความร่วมมือในการปฏิบัติงานของฝ่ายความมั่นคง ขอให้เชื่อมั่นว่าจะดำเนินการร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อทวงคืนพื้นที่อธิปไตยของไทยอย่างเต็มกำลังความสามารถ
















กำลังโหลดความคิดเห็น