MGR Online : สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย ได้จัดพิธีเฉลิมฉลองวันชาติสาธารณรัฐจีน(ไต้หวัน) ปีที่ 114 เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2568 ณ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ โดยมีนายปีเตอร์ หลัน ผู้อำนวยการใหญ่และภริยาเป็นประธานในพิธี ภายในงานได้รับเกียรติจากแขกผู้มีเกียรติจากหลากหลายวงการ มากกว่า1,000 คนเข้าร่วมแสดงความยินดีและร่วมเฉลิมฉลอง
นายปีเตอร์ หลัน ได้กล่าวคำปราศรัยว่า ค่ำคืนนี้เป็นวันไหว้พระจันทร์ และแขกผู้มีเกียรติทุกท่านยังคงให้เกียรติมาร่วมงานวันชาติฉลองครบรอบ 114 ปีแห่งการสถาปนาสาธารณรัฐจีน(ไต้หวัน) ณ ที่นี้ คือการยืนยันถึงมิตรภาพและการสนับสนุนที่ดีที่สุดต่อเรา ในนามผู้แทนรัฐบาลและประชาชนสาธารณรัฐจีน(ไต้หวัน) ขอขอบพระคุณทุกท่านเป็นอย่างสูง
เมื่อไม่นานมานี้ นายปีเตอร์ หลันได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนโดยได้ให้จำกัดความสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ไว้ 3 ประการคือ งดงาม (Beautiful) นวัตกรรม (Innovative) และมีความยืดหยุ่น (Resilience)
ประการแรก ไต้หวัน “งดงาม” ไต้หวันเป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในหมุดหมายการท่องเที่ยวที่ปลอดภัยและเป็นมิตรที่สุดในโลก
ด้วยเหตุนี้ ตั้งแต่ปี ค.ศ.2015 จนถึงก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางไปไต้หวันมากกว่า 10 ล้านคนต่อปี และในปี ค.ศ. 2024 มีเพื่อนๆ ชาวไทยเดินทางไปไต้หวันเกือบ 400,000 คน
ประการที่สอง ไต้หวันมีความเป็น “นวัตกรรม” ไต้หวันมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์, เซมิคอนดักเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารระดับโลก จากประกาศผลการการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของโลกประจำปี2025 (2025 IMD World Competitiveness Yearbook) ของสถาบัน IMD (International Institute for Management Development)แห่งประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ปรากฏว่า ไต้หวันครองอันดับที่ 6 จากตัวอย่างการสำรวจ 69 ประเทศและเขตเศรษฐกิจทั่วโลก
นอกจากนี้ ยังมีบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง NVIDIA, Microsoft, AMD และ Micronได้เลือกจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาในไต้หวัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของไต้หวันในการขับเคลื่อนนวัตกรรมระดับโลก และแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการก้าวขึ้นเป็น “เกาะแห่งปัญญาประดิษฐ์”
ประการที่สาม ไต้หวันมีความยืดหยุ่นในการปรับตัว ในไตรมาสที่สองของปี ค.ศ.2025 อัตราการเติบโต GDP ของไต้หวันสูงถึง 8.01% อยู่ในอันดับต้น ๆ ของเอเชีย แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ
ประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ ยังได้ประกาศจะเพิ่มงบประมาณกลาโหมในอนาคตเป็น 3% ของGDP แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของไต้หวันในการปกป้องประชาธิปไตย พร้อมกันนี้ไต้หวันกำลังเสริมสร้างแนวปฏิบัติเพื่อบรรลุเป้าหมาย ESG อย่างจริงจัง รวมถึงความยืดหยุ่นในการปรับตัวด้านพลังงาน เพื่อรับรองอนาคตที่ยั่งยืน
นายปีเตอร์ หลัน ยังเน้นย้ำว่า ไต้หวันมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล สมดังที่ประธานาธิบดีไล่ได้ให้คำมั่นสัญญาไว้ว่า จะสร้าง“ประเทศแห่งเศรษฐกิจที่พระอาทิตย์ไม่ตกดิน” ซึ่งนายหลิน เจียหรง รัฐมนตรีต่างประเทศจึงนำเสนอ “การทูตเชิงบูรณาการ” และ “การทูตเศรษฐกิจ” ให้สอดคล้องกับแนวคิดนี้ โดยจะผสานกำลังของภาครัฐและเอกชนเพื่อส่งเสริม “ 5 อุตสาหกรรมสำคัญที่พึ่งพาได้” (เซมิคอนดักเตอร์, AI, การทหาร, ความปลอดภัยและการเฝ้าระวัง, การสื่อสารยุคใหม่) และ“นโยบายมุ่งใต้ใหม่ยุคดิจิทัล” โดยผ่าน“แผนแม่บทการสร้างความเจริญรุ่งเรืองของชาติและมิตรประเทศ”
ในด้านของความร่วมมือระหว่างไต้หวันและไทย ในปี ค.ศ. 2024 ไต้หวันมีการลงทุนเป็นอันดับ 4 ของไทย และเป็นคู่ค้าอันดับ 5 ของไทย ทำให้ไต้หวันเป็นพันธมิตรที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจไทยในอนาคต
ตั้งแต่ในช่วงทศวรรษ 1960 เป็นต้นมา โครงการหลวง ซึ่งเริ่มมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ในเวลาต่อมา แม้ความสัมพันธ์ทางการระหว่างไทยและไต้หวันจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่โครงการนี้ก็ยังคงเจริญรุ่งเรืองอย่างต่อเนื่อง ก่อเกิดประโยชน์แก่ชาวไทยกว่า 200,000 คน ใน 7 จังหวัดภาคเหนือของประเทศไทย
ตอนนี้มีชาวไต้หวันนำพักอยู่ในประเทศไทยประมาณ 200,000 คนเช่นกัน และสถาบันการศึกษาชั้นนำหนึ่งที่แห่งตั้งอยู่ในประเทศไทย คือ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) ได้พัฒนาบุคลากรดีเด่นชาวไต้หวันจำนวนมาก บางท่านได้เป็นถึงรัฐมนตรี นี่ถือเป็นตัวอย่างสำคัญของความร่วมมือระหว่างไต้หวันและไทย
นักศึกษาไทยเป็นนักศึกษาต่างชาติอันดับที่ 6 ของไต้หวัน โดยปีที่แล้ว มีนักศึกษาชาวไทย 4,700 คนไปศึกษาต่อที่ไต้หวัน
นายปีเตอร์ หลัน ได้กล่าวเชิญชวนเพื่อนชาวไทยให้ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด บนพื้นฐานแห่งมิตรภาพอันยาวนานระหว่างไต้หวันและประเทศไทย เพื่อร่วมกันคว้าโอกาสและแสวงหาหนทางความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม นำไปสู่การสร้างอนาคตที่รุ่งเรืองและเป็นประโยชน์ร่วมกัน พร้อมทั้งอวยพรกับแขกผู้มีเกียรติในงาน ขอให้สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เจริญรุ่งเรือง และขอให้มิตรภาพระหว่างไต้หวันกับประเทศไทยยั่งยืนตลอดไป.