xs
xsm
sm
md
lg

ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง “แพรี่-จตุรงค์” คดีหมิ่นประมาทหลวงพี่น้ำฝน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ยกฟ้อง “แพรี่-จตุรงค์” คดีหมิ่นประมาทหลวงพี่น้ำฝน ข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบมา จึงยังไม่เข้าองค์ประกอบความผิดฐานดูหมิ่นด้วยการโฆษณา

การฟ้องหมิ่นประมาทระหว่าง พระครูปลัดสิทธิวัฒน์(คมน์กฤตย์ กิตติจิตตโต)โจทก์ กับจำเลยทั้ง 10 ราย ประกอบด้วย นายไพรวัลย์ วรรณบุตร จำเลยที่ 1 นายจตุรงค์ จงอาสา จำเลยที่ 2 จากการออกรายการโหนกระแสเมื่อ 28 กรกฎาคม 2566 หัวข้อ “แพรี่ฟาดกลับหลวงพี่น้ำฝน ปกป้องพระพยอม”

ระหว่างพิจารณา โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยที่ 3 ถึงที่ 10 ศาลชั้นต้นอนุญาตและให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 3 ถึง 10 ออกจากสารบบความ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง เมื่อ 29 พฤศจิกายน 2566

โจทก์ยื่นเรื่องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 7 รับเรื่อง

คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 บางช่วงบางตอน วินิจฉัยว่า นายสุชิน และนายศุภภัทร์พจน์ ตอบคำถามทนายจำเลยที่ 2 ว่า พระไตรปิฎกไม่มีการกล่าวถึงการลงนะหน้าทอง ดังนี้ พุทธศาสนิกชนซึ่งเป็นพุทธบริษัท มีสิทธิสงสัยในการทำพิธีดังกล่าวได้ เพราะโจทก์เองก็ได้แสดงออกในที่สาธารณะและสื่อมวลชน จนเป็นกระแสสังคม

โจทก์ต้องยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างกว้างขวาง การที่รายการโหนกระแสตีแผ่นั้น ก็เพื่อให้ผู้ชมผู้รับฟังรู้ในแง่มุมหลากหลายเป็นเรื่อง ที่วิญญูชนทั่วไปสามารถรับรู้ได้ และเป็นเจตนาที่ดีของรายการโทรทัศน์

จำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นนักวิจารณ์และนักวิชาการด้านศาสนา มีความชอบธรรมที่จะให้สัมภาษณ์ในรายการโหนกระแสดังกล่าวได้ การกระทำของจำเลยที่ 1และที่2 จึงถือได้ว่าไม่มีเจตนาใส่ความทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง แต่เป็นการติชมด้วยความเป็นธรรม อันเป็นวิสัยที่จำเลยที่1และที่2 ชอบที่จะกระทำได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 329(3)

ส่วนที่จำเลยที่ 2 กล่าวถึงโจทก์ว่าเป็นพระต่ำต้อย ต๊อกต๋อย จำเลยที่2 เห็นว่าโจทก์มีสมณศักดิ์ต่ำว่าพระสงฆ์ที่โจทก์วิพากษ์วิจารณ์ อันมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบแม้เป็นถ้อยคำที่ไม่สุภาพ แต่หาใช่คำด่า หรือเป็นคำเจาะจงสบประมาทเหยียดหยามโจทก์ให้ได้รับความอับอาย อันเป็นความผิดฐานดูหมิ่นด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 393 แต่ประการใด

ดังนี้ ข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบมา จึงยังไม่เข้าองค์ประกอบความผิดฐานดูหมิ่นด้วยการโฆษณา คดีโจทก์จึงไม่มีมูลความผิดฐานหมิ่นประมาท และดูหมิ่นด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 และ393 ที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องมานั้น ศาลอุทธรณ์ภาค7 เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

ทนายอรรณพ บุญสว่าง กล่าวฝากถึงสังคมว่า "หลายปีมานี้พระสงฆ์ถูกสังคมวิจารณ์เกี่ยวกับพุทธพาณิชย์ นอกกิจของสงฆ์ คำสอนนอกตามหลักธรรม ฯลฯ แทนที่จะทบทวนปวารณาแก้ไขตนตามที่โลกติเตียน กลับใช้กฎหมายทางโลกฟ้องคดีทางศาสนา ฟ้องมาก็พร้อมสู้ทั้งปัญหาข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และข้อธรรม"


กำลังโหลดความคิดเห็น