โฆษก ทบ.เผยกองทัพบกอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลพื้นที่สร้างรั้วชายแดน เริ่มจากจุดที่ไม่มีปัญหา ยันผลักดันคนกัมพูชาออกจากบ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้วตามหลักมนุษยธรรม ค่อยเป็นค่อยไป ตามกรอบฝ่ายปกครอง ไม่ให้เกิดภาพที่อีกฝ่ายนำไปขยายความในเวทีโลก ส่วนวันที่ 10 ต.ค.จะผลักดันเลยหรือไม่ ขึ้นกับสถานการณ์เฉพาะหน้า ย้ำคุมตัว 18 เชลยศึกตามหลักสากล เหตุความเป็นปฏิปักษ์ยังไม่สิ้นสุด
เวลา 13.40 น. วันที่ 3 ต.ค. 68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สภาความมั่นคงแห่งชาติอนุมัติการสร้างรั้วตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ในส่วนของกองทัพบกเป็นหน่วยที่รับผิดชอบพื้นที่คงต้องสนับสนุนเรื่องของข้อมูล และต้องพิจารณาพื้นที่ รวมทั้งให้การสนับสนุน ในขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล และเป็นนโยบายจากฝ่ายบริหารและกระทรวงกลาโหมด้วย เบื้องต้นเห็นชอบในหลักการของรั้วว่าควรจะทำ และดูความเหมาะสมในเรื่องของพื้นที่จะเป็นตรงไหนที่จะสามารถดำเนินการได้ก่อน บางพื้นที่มีความเรียบร้อยอยู่แล้วและไม่มีปัญหาอะไรอาจพิจารณาดำเนินการได้ ส่วนพื้นที่อื่นที่ยงัต้องอาศัยกลไกของ JBC ที่ต้องกำหนด โดยจะต้องเป็นคราวหลังที่จะสามารถทำได้
เมื่อถามว่าเบื้องต้นพื้นที่ที่เรียบร้อยแล้วมีประมาณกี่จุดที่สามารถทำได้เลย พล.ต.วินธัย กล่าวว่า ต้องดูรายละเอียดอีกที
เมื่อถามถึงการประชุม สมช.เมื่อวานนี้ว่าจะผลักดันชาวกัมพูชา บริเวณบ้านหนองหญ้าจาน และหนองหญ้าแก้ว ตามหลักมนุษยธรรมจะต้องดำเนินการอย่างไร พล.ต.วินธัย ระบุว่า ตอนนี้ก็ดำเนินการตามหลักมนุษยธรรมอยู่แล้ว ซึ่งต้องควบคู่กันไปและทำอย่างระมัดระวัง ทั้งนี้เมื่อเป็นการเผชิญหน้าของฝั่งประชาชนกับหน่วยงานราชการก็ต้องระมัดระวัง ถึงแม้เราจะรู้ว่าการชุมนุมของฝั่งกัมพูชาจะเป็นลักษณะการมีแบบมีแผน เป็นการจัดตั้งมา แต่เราก็ต้องมีมาตรการที่จะดำเนินการ เพื่อไม่ให้เกิดภาพที่ไม่เหมาะสม หรือถูกนำไปใช้ขยายในเวทีต่างประเทศ แต่เรายืนยันว่าเราดำนเอนกทรตามหลักมนุษยธรรม
ทั้งนี้ การดำเนินการในพื้นที่หนองหญ้าแก้วกับหนองจาน จะเป้้นการดำนเินการแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้เป็นลักษณะการเผชิญหน้ากันด้วยกำลังอาวุธ เหมือนพื้นที่อื่นๆ ฉะนัน้เราจะเห็นลำดับขั้นตอนในการปฏิบัติ ซึ่งเนาจะมีการออกประกาศหรือแจ้งเตือน และมีการพูดคุยกับผู้รับผิดชอบในพืน้ที่ทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งจังหวัดสระแก้ว และจังหวัดบันเตียเมียนเจย ของกัมพูชา ซึ่งก็ได้มีการพูดคุยกันแล้ว และแจ้งเตือนกันตลอดว่าฝ่ายกัมพูชาต้องดำเนินการให้ถูกต้อง ทั้งหลักกฎหมายของประเทศและหลักสากล ฉะนั้นเรื่องของสิทธิมนุษยชนหากใครติดตามหลังมีสถานการณ์ เราเองก็คำนึงถึงเรื่องนั้นมาโดยตลอด และอีกสิ่งหนึ่งที่เราสังเกตคือพยายามทำให้เกิดเป็นภาพรุนแรง ก็อาจจะไม่บังเกิดผล เพราะความรุนแรงที่เกิดขี้นาเกิดจากกลุ่มผู้ชุมนุมของฝั่งกัมพูชา ซึ่งตำรวจที่รับผิดชอบสถานการณ์ก็พยายามใช้ความระมัดระวังและไม่แสดงออกถึงท่าทีความรุนแรงที่เกินกว่าความเหมาะสม ซึ่งเป็นการรับมือในแบบที่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่หน้างานแบบไม่ให้เกิดภาพรุนแรง
เมื่อถามว่าขั้นตอนในวันที่ 10 ตุลาคม ที่จะผลักดันชาวกัมพูชา จะดำเนินการจากเบาไปหาหนักหรือไม่ พล.ต.วินธัย กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ในกรอบความรับผิดชอบของฝ่ายปกครอง ส่วนจะเริ่มดำเนินการผลักดันแน่นอนหรือไม่นั้น ก็ต้องอยู่กับพื้นที่อีกที ซึ่งต้องดูตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า เชื่อว่าอะไรที่อาจนำไปสู่สถานการณ์ที่รุนแรงเกินไปเราก็อาจจะมีวิธีการ แต่เรายืนยันว่าเราดำเนินการตามหลักการกติกาสากล และยึดตามกฎหมายประเทศไทยด้วย
ส่วนกรณีที่ระยะหลังมากัมพูชาชอบอ้างเรื่องหลักมนุษยธรรมและเรียกร้องให้ปล่อยตัวทหารเชลยศึกทั้ง 18 นายนั้น พล.ต.วินธัย เผยว่า เชลยทั้ง 18 นาย เราดำเนินการตามหลักสากลและกฎหมายระหว่างประเทศ ตามหลักมนุษยธรรมสากล ซึ่งหากมีความกังวลก็สามารถจัดองค์กรสากลมาเยี่ยมเชลยเหล่านี้ได้ ที่ผ่านมาก็มีมาเป็นระยะ ซึ่งก็ไม่มีปรากฎเรื่องความกังวลของผู้ที่มาเยี่ยม และไม่มีความเห็นไปในทางที่เสียหาย แต่กลับกันเราได้รับคำชมด้วย โดยขณะนี้ความขัดแย้งที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกันยังไม่จบสิ้นสุดลง แต่ยืนยันว่าหลักนี้เป็นหลักสากล ซึ่งเราได้ทำความเข้าใจและสื่อสารไปหลายครั้งแล้ว แม่ฝั่งกัมพูชาจะพูดซ้ำ แต่เราก็ยังยืนยันคำตอบเดิม