กองทัพบกโต้กลับ ผอ.CMAC กล่าวหา “ไทยยิงปืนใหญ่ใส่กัมพูชาก่อน” ยันเป็นเพียงการจัดฉากซ้ำ และบิดเบือนข้อมูล เพื่อสร้างภาพให้สังคมโลกเข้าใจผิดว่าไทยเป็นผู้รุกราน
จากกรณีที่ นายเฮง รัตนา ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติกัมพูชา (CMAC) ได้โพสต์ข้อความกล่าวอ้างว่า “เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 68 เวลา 11.52 น. ทหารไทยยิงปืนใหญ่เข้ามาในดินแดนกัมพูชาและใส่กองกำลังของกัมพูชา โดยกัมพูชาไม่ได้ยิงตอบโต้เลย ยืนยันว่าเป็นการยิงฝ่ายเดียว จึงถือว่าไทยเป็นฝ่ายยิงก่อนอย่างแน่นอน”
พร้อมโพสต์รูปหลุมระเบิดเก่าที่เคยใช้บิดเบือนกล่าวหาไทยไปแล้วเมื่อวันที่ 26 ก.ค. 68 โดยเคยกล่าวหาว่าไทยใช้กระสุนควันที่บรรจุสารพิษ WP (White Phosphorus) และกระสุนที่บรรจุสะเก็ดระเบิด
พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ออกมาชี้แจงว่า การกล่าวอ้างของ ผอ. CMAC เป็นหนึ่งในประเด็นโฆษณาชวนเชื่อที่ฝ่ายกัมพูชาได้มีการวางแผนการจัดฉากอย่างเป็นระบบ โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 27 ก.ย. 68 ที่ผ่านมาชัดเจนว่าเป็นฝ่ายกัมพูชาที่วางแผนยิงเข้ามายังฝั่งไทย พยายามยั่วยุให้ไทยตอบโต้ พร้อมออกแถลงการณ์บิดเบือนในทุกช่องทาง
ในขณะเดียวกัน ฝ่ายกัมพูชาก็วางแผนให้คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) กัมพูชาลงพื้นที่หลังเกิดเหตุทันทีหลังการยิงยั่วยุ รวมถึงการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องของ IOT กัมพูชาในวันนี้ ซึ่งการดำเนินการทั้งหมดก็เพื่อสร้างหลักฐานเท็จกล่าวหาไทย ให้สังคมโลกมองว่าไทยเป็นผู้รุกราน ส่วนกัมพูชาเป็นเหยื่อผู้ถูกกระทำ
ยิ่งไปกว่านั้น หากพิจารณารูปหลุมระเบิดเก่าต่างๆ ที่ ผอ. CMAC ได้นำมาเผยแพร่ ก็จะพบว่าลักษณะของหลุมระเบิดและสภาพแวดล้อมโดยรอบไม่ใกล้เคียงกับหลุมระเบิดจริงอย่างที่ควรจะเป็น ทั้งขนาดของหลุม และรัศมีการกระจายตัวของระเบิด ล้วนไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงทั้งสิ้น
โฆษกกองทัพบกยังกล่าวอีกว่า การยั่วยุและการบิดเบือนข่าวสารของกัมพูชาในครั้งนี้ ฝ่ายไทยได้ดำเนินการประท้วงไปยังคณะ IOT ประเทศไทยแล้ว สำหรับหน่วยทหารในพื้นที่ยังคงเตรียมพร้อมและเฝ้าระวังสถานการณ์รอบด้าน โดยเฉพาะการเข้ามายั่วยุสร้างสถานการณ์ของฝ่ายกัมพูชาเพื่อหวังผลในการโฆษณาชวนเชื่อต่อสังคมโลก
ด้านเฟซบุ๊กเพจ "กองทัพภาคที่ 2 " โพสต์ข้อความว่า ตามที่ปรากฏข่าวสารในสื่อสังคมออนไลน์ว่า นายเฮง รัตนา ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติกัมพูชา (CMAC) ได้ออกมาแถลงต่อสาธารณะ กล่าวอ้างว่า เหตุการณ์เสียงระเบิดที่เกิดขึ้นบริเวณพื้นที่ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2568 เป็นผลจากการที่ฝ่ายทหารไทยใช้ปืนใหญ่ขนาด 105 มม. ยิงเข้าใส่พื้นที่ของฝ่ายกัมพูชา พร้อมทั้งนำภาพหลุมระเบิดมาเผยแพร่ โดยอ้างว่าเป็นหลักฐานจากการตรวจสอบของ CMAC นั้น
กองทัพภาคที่ 2 ขอเรียนว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งในเชิงพื้นที่และลักษณะของหลุมระเบิด พบว่าข้อมูลที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างขัดแย้งกับความจริงอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งยังมีลักษณะคล้ายคลึงกับกรณีเมื่อครั้งที่กัมพูชาเคยกล่าวหาฝ่ายไทยว่าใช้อาวุธปืนใหญ่ยิงใส่หมู่บ้าน Phlok Damray จังหวัดโพธิสัตว์ ตรงข้ามจังหวัดตราด เมื่อช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการกล่าวหาในทำนองเดียวกันว่าฝ่ายไทยเป็นผู้ใช้กำลังฝ่ายเดียว ขณะที่กัมพูชา “ไม่ได้ตอบโต้”
พฤติกรรมเช่นนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชา ที่จะ "สร้างสถานการณ์" และบิดเบือนความจริง เพื่อสร้างภาพลักษณ์ในสายตานานาชาติว่า ฝ่ายไทยเป็นผู้ริเริ่มการใช้กำลัง และกัมพูชาเป็นฝ่ายถูกกระทำ ทั้งที่ในความเป็นจริง เหตุการณ์เหล่านี้ขาดหลักฐานเชิงประจักษ์และไม่สอดคล้องกับสภาพพื้นที่จริง
กองทัพภาคที่ 2 เห็นว่า การกระทำดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงและสร้างหลักฐานเท็จเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงออกถึงความไม่จริงใจของฝ่ายกัมพูชา ในการเคารพต่อข้อตกลงหยุดยิงฯ และขัดต่อเจตนารมณ์ที่ควรจะนำไปสู่สันติภาพและความสงบสุขร่วมกันตามแนวชายแดน และขอประณามการกระทำอันเป็นเท็จและไม่สร้างสรรค์ดังกล่าว พร้อมยืนยันว่ากองทัพไทยยังคงมุ่งมั่นปฏิบัติภารกิจอย่างอดทน รอบคอบ และยึดมั่นในแนวทางสันติวิธี เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ และปกป้องประชาชนของไทยทุกคน