สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาบริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว ตึงเครียดอีกครั้ง หลังทหารกัมพูชานำชาวบ้านเข้ารื้อรั้วลวดหนามในเขตแดนไทย พร้อมใช้สื่อต่างชาติเป็นเครื่องมือใส่ร้ายว่าทหารไทยพยายามยึดครองพื้นที่ ด้านโฆษกกองทัพบกชี้แจงเหตุผลที่ไม่ใช้กำลังเข้าจับกุมทันทีเพราะฝ่ายกัมพูชาใช้ประชาชนเป็น 'โล่มนุษย์' โดยไทยได้ส่งหนังสือชี้แจงไปยังสื่อต่างชาติแล้ว และพร้อมใช้มาตรการขั้นสูงหากเกิดเหตุซ้ำอีกครั้ง
จากกรณีสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านบ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว กลับมาตึงเครียดอีกครั้ง หลังมีรายงานว่าทหารกัมพูชาพร้อมด้วยกลุ่มชาวบ้านได้เข้ามารื้อถอนลวดหนามหีบเพลงที่อยู่ในเขตอธิปไตยของไทย โดยมีการนำนักข่าวต่างชาติลงพื้นที่เพื่อให้ชาวบ้านให้ข้อมูลเท็จว่าทหารไทยกำลังพยายามยึดครองดินแดนกัมพูชา
จากเหตุการณ์ดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจสระแก้วและทหารจากกองกำลังบูรพาได้เข้าตรึงกำลังในพื้นที่เพื่อควบคุมสถานการณ์ ขณะที่ชาวบ้านกัมพูชาบางส่วนได้ฉวยโอกาสขโมยลวดหนามของไทยออกไป ซึ่งคาดว่าน่าจะนำไปขายต่อเหมือนกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นที่บ้านหนองจานก่อนหน้านี้
ล่าสุดวันนี้ (17 ก.ย.) มีรายงานว่า พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงถึงเหตุผลที่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ใช้มาตรการทางกฎหมายจับกุมชาวกัมพูชาในทันที ว่าเป็นเพราะฝ่ายกัมพูชาใช้ประชาชนเป็น "โล่มนุษย์" และมีสื่อมวลชนต่างชาติหลายสำนักอยู่ในพื้นที่ด้วย หากใช้กำลังเข้าจับกุมอาจทำให้ภาพที่ปรากฏออกไปถูกตีความว่าทหารไทยทำร้ายชาวกัมพูชา ซึ่งจะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศในเวทีโลก เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่มีเวลาพอที่จะชี้แจงข้อเท็จจริงให้สื่อต่างชาติในขณะนั้น
เจ้าหน้าที่จึงต้องปรับแผนโดยเริ่มจากการใช้ฝ่ายปกครองเข้าเจรจาก่อน หากสถานการณ์ยังควบคุมไม่ได้ จึงจะยกระดับเป็นการใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนเข้ามาดูแลสถานการณ์ตามกฎหมายปกติ
พลตรี วินธัยยังกล่าวเพิ่มเติมถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ที่ผ่านมาว่า กัมพูชาได้รับปากจะพิจารณาปัญหารุกล้ำชายแดน พร้อมขอเวลาสื่อสารภายในหน่วยงาน
อย่างไรก็ตาม ทางการไทยได้ทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงไปยังสื่อต่างชาติที่อยู่ในพื้นที่ชายแดนแล้ว และระบุชัดเจนว่าหากเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ซ้ำอีกไทยจำเป็นต้องใช้มาตรการขั้นสูง รวมถึงการใช้กำลังทหารบังคับใช้ตามกฎอัยการศึก
โฆษกกองทัพบกย้ำว่าการดำเนินการทุกขั้นตอนต้องเป็นไปอย่างรัดกุม เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ