เมื่อก้าวเข้าสู่บ้านหลังขาวที่มีดาวผีเสื้อปรากฏโดดเด่นบนผนัง เจ้าบ้านซึ่งเป็นทั้งนักคั่วกาแฟและบาริสต้ารอต้อนรับ พร้อมเสิร์ฟ Drip on ice แก้วเย็นสดชื่นที่ใช้เมล็ดกาแฟจากอมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ให้กลิ่นหอมหลากมิติและมีรสหวานทิ้งท้าย
ส่วนบนชั้นที่วางเรียงราย ยังมีกาแฟ House Blend อีกหลากหลายสูตรให้คอกาแฟได้ลองชิม
เมล็ดกาแฟจากไทย ลาว พม่า โบลิเวีย เอธิโอเปีย ปานามา คอสตาริกา ถูกนำมาผสมผสานกันภายใต้ความรอบรู้ในรสชาติ ความชำนาญในการคั่ว และต้องมีความเชี่ยวชาญในอีกหลายองค์ประกอบเพื่อให้ได้รสชาติที่ลงตัวที่สุด การ Blend จึงนับเป็นศาสตร์แห่งการ Mixology โดยแท้
ประสบการณ์การเป็นนักคั่วกาแฟมายาวนานนับ 10 ปี องค์ความรู้ในเรื่ององคาพยพต่างๆ ของกาแฟ ความชำนาญในเรื่องเมล็ดกาแฟ
เป็นหนึ่งในกรรมการผู้ชิมกาแฟ บนเวที Cup of Excellence Thailand 2024, 2025
เป็นทีมคั่วให้สมาคมกาแฟพิเศษไทย (SCATH) Specialty Coffee Association of Thailand ซึ่งเป็นผู้จัดเวทีการประกวดเมล็ดกาแฟพิเศษไทย ในปี 2023, 2024
ด้วยบทบาทของคนทำงานรอบด้านเกี่ยวกับกาแฟ ประสบการณ์ที่เขาสั่งสมมาชวนให้นึกอยากพูดคุยสนทนา
ผู้จัดการออนไลน์ สัมภาษณ์พิเศษ ‘วิน-วีระยุทธ์ งามฉวี’ แห่งร้านและโรงคั่ว Wonders Roasters ถึงมุมมองในหลากหลายมิติและเรื่องราวเกี่ยวกับกาแฟที่ล้วนน่าสนใจ ดังถ้อยความนับจากนี้
กำเนิด Wonders Roasters
วินบอกเล่าถึงความเป็นมาของร้านกาแฟและโรงคั่วกาแฟ Wonders Roasters ว่า “จุดเริ่มต้นคือผมเป็นคนคั่วกาแฟมาก่อน และสนใจเรื่องของเมล็ดกาแฟ ว่าอะไรทำให้กาแฟมีความพิเศษ หรือมีวิธีการคั่วต่างๆ อย่างไร ที่ทำให้เมล็ดกาแฟออกมามีคุณภาพดีที่สุด แล้วผมค่อนข้างทำงานมานาน ผมคั่วกาแฟมาแล้ว 10 ปี"
"กระทั่งวันนึง เราเห็นว่าวิชาชีพของเรามีประโยชน์กับคนอื่นด้วย เราสามารถนำ Quality ของกาแฟที่ดีๆ มานำเสนอให้ผู้บริโภคได้ทานกันด้วย มีพี่ๆ ที่รู้จักกันรวมทั้งตัวผม เราก็เลยก่อตั้งโรงคั่ว Wonders Roasters ขึ้นมา เมื่อเรามีการคั่วแล้ว เราก็มองว่า Quality ที่เราหามาเพื่อให้ลูกค้าได้ทานต้องมีเรื่องราวอะไรบ้าง”
หากถามว่าเรื่องราวที่ว่านั้นคืออะไร วินยกตัวอย่าง เช่น วิธีการของเกษตรกรในการปลูก ปลูกที่ระดับความสูงเท่าไหร่ มีกระบวนการอย่างไร พื้นที่เพาะปลูก ผืนป่า ล้วนส่งผลต่อคุณภาพเมล็ดกาแฟ
“เราสนใจในเรื่องความคิดของเกษตรกรและความคิดเราเองในการนำเสนอกาแฟให้ลูกค้า จึงก่อเกิดคำว่า Wonder ขึ้นมา เราคิดว่า คำ Wonders Roasters มันสะท้อนอัตลักษณ์ความเป็นเรา ที่มีความเป็นคนคั่วกาแฟ และจริงๆ แล้ว เราอยาก Wonder ทุกอย่าง แบรนด์เรามีสัญลักษณ์เป็นโลโก้รูปผีเสื้อ จริงๆ แล้วเป็นดาวผีเสื้อ”
“ด้วยเนื้องานที่เราเติบโตมากับโรงคั่ว ก็เลยก่อเกิดคำว่า Wonders Roasters ขึ้นมา เพื่อให้ Quality ของเมล็ดกาแฟที่เราศึกษามา และได้ชิมมา รับรู้ด้วยประสบการณ์ของเรา เราอยากให้ลูกค้าได้ทานในสิ่งที่เค้าเหมาะสมจะได้รับ เราไม่มีแบ่งว่า อันนี้เกรดพิเศษ เพราะเราพยายามทำเกรดพิเศษให้ลูกค้าอยู่แล้ว อยู่ที่เราจะนำเสนอออกไป และขึ้นอยู่กับว่าลูกค้าอยากได้แบบไหน”
“เราเพิ่งทำร้านปี 2025 นี้ แต่จริงๆ แล้ว แบรนด์ Wonders Roasters ก่อตั้งปี ค.ศ. 2020 ก็ 5 ปีแล้ว ส่วนผมก็คั่วกาแฟมาแล้ว 10 ปี เคยทำงานโรงคั่วมาก่อน และไปทำงานที่ออสเตรเลียบ้างนิดหน่อย แล้วก็กลับมาเพื่อทำโรงคั่วของเราครับ” วินบอกเล่าถึงความเป็นมา
ความพิเศษของเมล็ดกาแฟแห่งบ้านผีเสื้อ
วินเล่าว่า “ที่ Wonders Roasters เราคั่วด้วยพื้นฐานของการเป็นคนคั่วกาแฟอยู่แล้ว เราคั่วโดยใช้การชิม สัมผัสกับ Knowledge ที่เราเรียนรู้ด้วยประสบการณ์มาว่า ไร่นี้ พื้นที่นี้เป็นอย่างไร ส่วนใหญ่ในการขายของเรา จะเน้นกาแฟไทย เพื่อนำเสนอเรื่องของชุมชนที่เรารู้จักกันอยู่แล้ว และรู้จักกับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ บนดอย เราก็จะนำเสนอด้วยการหาความรู้และการได้รับรู้รสชาติที่กว้างขึ้น เราหา Quality ของเมล็ดที่มีสายพันธุ์ที่กว้างขึ้น หายาก รวมทั้งสายพันธุ์ของแต่ละพื้นที่ ของประเทศต่างๆ เรานำมาคั่วและศึกษารสชาติด้วย ทำให้เราต้องหาสิ่งที่พิเศษ ใหม่ๆ ตลอดเวลา หาผลผลิตใหม่ๆ ของเกษตรกร ซึ่งที่ผ่านมาเราใช้กาแฟไทยเป็นหลัก”
“ช่วงเริ่มต้นแบรนด์ Wonders Roasters เราคิดตลอด ว่าอยากนำของชุมชนมาขาย เรามีกาแฟของโครงการศูนย์เรียนรู้การพัฒนาอมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ที่เรานำเมล็ดกาแฟของชาวบ้าน มาคั่วแบบของเรา และมีเพื่อนๆ ที่อยู่อมก๋อย แม่จัน ขุนลาว น่าน เชียงราย ก็จะมีกาแฟไทยเยอะ เราอยากให้ Flagship ของเราที่นี่ เป็นพื้นที่แห่งการสื่อสารเมล็ดกาแฟไทย”
วินเล่าว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับเมล็ดกาแฟ ขึ้นอยู่กับการดูแล ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงการดูแลสายพันธุ์ที่หายากเป็นพิเศษ แต่หมายถึงว่า อยากให้ดูแลเมล็ดพันธุ์พื้นบ้านของเรา แบบที่เติบโตได้ง่าย และทำให้เรารู้ว่า ถ้าดูแลเมล็ดกาแฟได้ดี ผืนป่าก็จะยิ่งเติบโตขึ้น เมื่อเป็นแบบนี้ก็จะตอบโจทย์เรื่องความยั่งยืนด้วย ทุกคนจะได้ของดีที่ราคาจับต้องได้ง่ายและทำให้ป่าเติบโต ไม่ใช่ปลูกแต่สายพันธุ์แพงๆ แล้วไม่ได้มองถึงภาพรวม ว่าผืนป่าของเราเป็นอย่างไร วินมองว่าเมื่อ Quality ดีแล้ว แต่ละสายพันธุ์ย่อมมีจุดเด่นของตัวเอง ไม่ว่าสายพันธุ์อะไร ถ้าดูแลให้ดี ทุกอย่างก็ดี เพิ่มจำนวนและประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
“เมล็ดกาแฟที่เราใช้ นอกจากของไทยแล้วก็มีจากต่างประเทศค่อนข้างเยอะด้วย ในการเสิร์ฟของร้านเรา เราหาเรื่องของสายพันธุ์ เน้นเรื่องนี้ แล้วมองถึงประเทศที่ปลูก ซึ่งเรามองสายพันธุ์เป็นอันดับแรก เพราะมันจะบ่งบอกรสชาติ บ่งบอกที่ๆ กาแฟเติบโต ผืนดิน ผืนป่าที่อยู่ การดูแล ลม ฝน ด้วย Process ก็จะมีความแตกต่างไปอีก เกษตรกรแต่ละคนก็ให้ผลผลิตกาแฟที่แตกต่างกัน”
“หากถามว่าทำไม Single Origin (หมายเหตุ: กาแฟพิเศษ สายพันธุ์โดยเฉพาะเพียงสายพันธ์เดียว จากแหล่งเพาะปลูกเดียว ) จึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจ เพราะเราสามารถรู้ได้ว่าพันธุ์นี้ ปลูกที่นี่ กับคนนี้ มีรสชาติอย่างไร ส่วนความอร่อยขึ้นอยู่กับว่าใครชอบแบบไหน แต่การเรียนรู้จะกว้างมาก เช่น กาแฟตัวนี้ เกอิชา (Geisha) จากปานามา ตัวนี้ เกอิชา จากเอธิโอเปีย เป็นเกอิชาเหมือนกัน แต่อยู่กันคนละประเทศ ก็ทำให้เราเกิดการเรียนรู้ว่าอยู่กันคนละประเทศแล้วให้รสชาติแตกต่างกันอย่างไร”
Mixology House Blend ที่หลากหลาย
วินกล่าวว่า “เมื่อเรา Drip ก็เกิดการสื่อสารกับผู้บริโภค ว่า เรามีกาแฟนี้ สายพันธุ์นี้ รสชาติแบบนี้ ลูกค้าก็เกิดการเรียนรู้ เช่น เราเลือกกาแฟประเทศโบลิเวีย เอธิโอเปีย ปานามา คอสตาริกา เราเข้าไปดูถึงเรื่องของสายพันธุ์ด้วย ส่วนที่เพิ่งหมดไปเป็นสายพันธุ์ SL 28 กับ 34 คือสายพันธุ์จากประเทศเคนยา แต่คอสตาริกาเค้านำก็นำสายพันธุ์นี้มาปลูกที่ประเทศเค้า นี่คือความ Unique ของกาแฟ ที่มีความหลากหลายมากขึ้น"
"ต้นแบบของสายพันธุ์นึง มาอยู่ประเทศนึง อาจมีความคลับคล้ายคลับคลาด้วยรูปแบบของการ Process การดูแลพื้นที่ ดินที่ปลูก ก็ทำให้เราได้เรียนรู้ว่าเมื่อสายพันธุ์ของเคนยามาปลูกที่คอสตาริกาแล้วเป็นอย่างไร ลูกค้าก็ได้ซึมซับรับรู้ด้วย เราไม่ได้เลือกจากประเทศ แต่เราเลือกจากสายพันธุ์ที่เราอยากให้ลูกค้าได้ทานด้วย
ดังนั้น กว่าจะเลือกกาแฟได้ตัวนึงก็ใช้เวลา และที่สำคัญเราต้องสนุกกับการที่เราจะเลือกสายพันธุ์แต่ละอย่างมาด้วย”
“กาแฟที่ร้าน หลักๆ แล้ว House Blend เรามี 8 ตัว แต่ว่า Single Origin เราจะผันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เปลี่ยนทุก 1-2 เดือน Blend หลักๆ เรามีคั่วกลาง คั่วเข้ม คั่วอ่อน เรามีตัวเลือกให้ลูกค้าลองดู ลูกค้าเราที่เป็นร้านกาแฟ เมื่อเค้ารับกาแฟไปจากเรา เราต้องมั่นใจว่ารสชาติต้องนิ่ง ไม่เพี้ยน เราต้องใส่ใจในการคั่ว เราไม่ยอมให้ Quality ของเรา Drop เด็ดขาด
“สำหรับวิธีการ Blend เช่น ผมมี Single Origin จากประเทศไทย ที่รสออกช็อกโกแลต ถั่ว มีความส้มหน่อยๆ แต่ผมอยากได้ความส้มที่ชัดขึ้น ฉ่ำขึ้น มีความหวานมากขึ้น ผมก็เลือกเมล็ดของทางโคลัมเบียมาใส่ เป็นกี่ % ก็ขึ้นอยู่ที่วิธีการคั่วและการชิมของเราก่อน แล้วเราก็นำมา Blend กัน เป็นศาสตร์ของการ Mixology ด้วย นับว่าเป็นสิ่งสำคัญ เพราะไม่ใช่ว่าเราชอบกาแฟตัวนี้ กับตัวนี้ แล้วนำมา Blend กัน แต่เราต้องมองว่าอะไรส่งเสริมกัน อะไรคือตัวเด่น ตัว Support อะไรคือสิ่งที่เราต้องการ อะไรคือสิ่งที่เราอยากนำเสนอ และสิ่งสำคัญที่สุดคือ ลูกค้าต้องการอะไร ถ้าลูกค้าต้องการถั่ว ช็อกโกแลตมากๆ เราก็รู้ว่าเราเคยคั่วตัวนี้มา เอาตัวนี้มา Blend ไหม การ Blend คือศาสตร์ที่ทำให้รสชาติกลมกล่อมมากขึ้น เนื่องจากคนคั่วต้องมองว่าการนำเมล็ดสองหรือสามอย่างมาผสมกันนั้น ต้องการนำเสนออะไร และวิธีการ Blend ล้วนมีผลต่อรสชาติ ทั้งการคั่ว การทิ้งระยะเพื่อชง ลองชิมว่าโอเคมั้ย ถ้าของไม่มีจะมีอะไรมาทดแทนไหม และ Quality ต้องเท่าเดิม ต้องมีมาตรฐาน การ Blend จึงเป็นศาสตร์ที่โรงคั่วต้องคำนึงถึงอย่างมาก”
“กาแฟของเรามีทั้งคั่วกลางเข้ม คั่วกลางสองตัว แล้วก็มีคั่วอ่อน
เราไม่ได้คั่วเข้มจนกาแฟไหม้ แต่ให้ความหนาแน่นและเนื้อสัมผัสเยอะ เมื่อคั่วกาแฟไป เราให้เนื้อสัมผัส Keep Characterกาแฟไว้ ไม่เผาไหม้จนเกินไป และการที่คั่วกลางเข้ม เราเลือกกาแฟมาจากของไทย พม่า ลาว ในส่วนของลาวเราเลือกมาจากกาแฟที่มีการคัดเมล็ดแล้วก็คัดอีกรอบนึงเพื่อให้ Quality เป็นเกรดที่ดีมากๆ ทำให้กาแฟคั่วกลางเข้ม ค่อนข้างตอบโจทย์เมื่อนำไปใส่นม หรือเป็นกาแฟดำที่ไม่เปรี้ยว"
"แบบคั่วกลาง เราเลือกกาแฟน่าน กับ กาแฟพม่า เราเลือกเพราะลูกค้าไม่กินเข้มมาก กาแฟพม่ามีโทนส้ม สะอาด กาแฟไทยก็ส้ม แต่นวลๆ มีกลิ่นช็อกโกแลต เราเอามา Blend เพื่อให้รสชาติมีความสะอาด มีความสดชื่น เวลาชงกับกาแฟดำ”
วินยกตัวอย่าง House Blend ต่างๆ ว่า “เรามีกาแฟคั่วกลางเข้ม ชื่อ WELL DONE เราคิดคำนี้ มาจากการที่เราคั่วให้สุกพอดี แล้วก็ใช้ชื่อกิมมิกในเรื่องของการทำสเต๊ก แต่ว่า WELL DONE ของเราคือ เราไม่คั่วไหม้และอ่อนเกินไป ทำให้สุกพอดี"
"มีกาแฟคั่วกลางที่ออกแบบมาเพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสกลิ่นคั่วอ่อนๆ ไม่ได้เข้มมาก
เป็น Blend กาแฟกัวเตมาลา โคลอมเบีย พม่า ชื่อ SWEET TALKERS ทำให้ปากหวาน กินแล้วหวานในปาก เมื่อใส่กาแฟนม ก็ยังฉ่ำในปากด้วยเบสของโคลอมเบียและกัวเตมาลา"
"THE BEAUTIFLY เป็นของอมก๋อยและเอธิโอเปีย มีความเป็นส้ม หวานๆ เราออกแบบสำหรับลูกค้าที่อยากกินกาแฟคั่วอ่อน แต่ก็อยากนำมาชง Espresso กินแล้วสดชื่น เราก็คิด Blend นี้มา”
ที่ร้านยังมีกาแฟ Blend สูตรอื่นๆ อย่าง LUXE SAMBA, MELLOW WONDER, FRUIT WONDERS, EXOTIC WONDERS, ROSE WONDERS
การเติบโตของกาแฟไทย
ด้วยเนื้องานที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงกาแฟ อดถามไม่ได้ว่ามองกาแฟไทยและกาแฟจากต่างประเทศอย่างไร กาแฟไทยสู้กาแฟต่างชาติได้หรือไม่ วินตอบว่า “ในมุมมองผมกาแฟไทยกับกาแฟต่างชาติ ไม่ได้ห่างกันมาก แต่อาจต่างด้วยวิธีการดูแล และความเข้าใจ ต่างชาติอาจมีการเรียนรู้และพัฒนาไปก่อนเรา ด้วยพื้นที่ ค่าแรง และความเข้าใจในเมล็ดพันธุ์ เราอาจตามเค้านิดหน่อย แต่ทุกวันนี้ก็ดีขึ้นเยอะ
"การบอกว่ากาแฟประเทศไหน ดีกว่าประเทศไหน เราอาจจะบอกไม่ได้ แต่ถ้ามองที่เรื่องของการเรียนรู้ว่าทำอย่างไร กาแฟไทยจะออกไปสู่ตลาดโลกได้ ขึ้นอยู่กับว่าเราดูแลอย่างไร นำเสนอสิ่งใด ตอนนี้ Demand เป็นที่ต้องการมากอยู่แล้ว”
วินยกตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นถึงการแข่งขันและการเติบโตของผลิตผลเมล็ดกาแฟไทยว่า
“มีเวทีชื่อ Cup of Excellence เป็นเวทีระดับโลก ซึ่งเค้าจะมาจัดในประเทศที่มีผลผลิตส่งออกกาแฟ เช่น เอธิโอเปีย บราซิล กัวเตมาลา ปานามา แล้วก็ในเอเชียมีกาแฟไทย มีอินโดนีเซีย ไต้หวัน เวทีนี้ เกษตรกรจะส่งกาแฟมาเพื่อให้ทางเวทีคัดเลือกว่าความชื้นได้ระดับที่ดีไหม มีเชื้อราไหม แล้วเค้าก็คัดเลือกกรรมการในประเทศมา เพื่อมาคัดเลือกกาแฟไทยที่ส่งมาจาก 200-300 ไร่ คัดเหลือ 30 ไร่ เมื่อกรรมการไทยคัดเลือกแล้ว ก็จะมีกรรมการของ international มาชิมกาแฟไทย เพื่อให้คะแนน จาก Rank 1 -20 เพื่อเป็น Cup of Excellence Thailand"
"จากนั้นเค้าก็จะเปิดประมูล ซึ่งทั่วโลกก็สามารถประมูลกาแฟของเราได้ เค้าก็รู้ว่ากาแฟเรารสชาติเป็นอย่างไร การจะได้ Quality ที่ดีมากๆ ย่อมหมายความว่าป่าของเขาก็ได้รับการดูแลดีมากๆ
เวทีนี้เราก็เทียบต่างชาติได้ในเชิง Quality แต่ยังมีคำถามว่าในเรื่องปริมาณ เรื่องของสายพันธุ์ เราจะทำให้มันเติบโตมากขึ้นและดีขึ้นได้อย่างไรเพื่อให้ส่งออกได้มากขึ้น”
“ผมเป็นกรรมการที่เวที Cup of Excellence Thailand มา 2 ปีแล้ว คือปี 2024 และ 2025
การชิมของเราจะส่งผล เพราะเราเป็นคนตัดสิน เราต้องยั้งใจ เราต้องเป็นกลาง เรารู้ว่าสิ่งนี้ข้อดีตรงไหน ข้อเสียตรงไหน ทำไมเกิดปัญหาแบบนี้ และเวลาเป็นกรรมการเราต้องละเอียดมากๆ หากบางสิ่งบางอย่างมันเพี้ยนแล้วเราไปตัดสินเลยไม่ได้ เราต้องยั้งใจว่ามันมีโอกาสที่จะดีขึ้นได้ไหม เพราะว่า การรีบตัดสิน จากการที่เกษตรกรทำมา ใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าจะได้ผลผลิตมา เราต้องมองภาพรวม ว่าเค้าจะได้อะไรที่เป็นประโยชน์ที่กลับไปทำต่อได้ เกษตรกรต้องรู้ว่า เค้าทำอะไรอยู่”
“การชิมให้แม่นคือต้องรู้ว่า ตอนกาแฟอุ่น ร้อน เย็น มันมีอะไรบ้าง แตกต่างกันอย่างไร Quality เกิดจากอะไร การ Process เกิดจากอะไร”
นอกจากนั้น ในเวทีการประกวดสุดยอดเมล็ดกาแฟพิเศษไทย ที่จัดขึ้นโดยสมาคมกาแฟพิเศษไทย (SCATH) Specialty Coffee Association of Thailand ในปี 2023 และ 2024 ที่ผ่านมา วินก็ทำหน้าที่เป็นทีมคั่วกาแฟด้วย
“(SCATH) Specialty Coffee Association of Thailand เวทีนี้ เกษตรกรก็ส่งกาแฟมาเหมือนกัน เราเป็นทีมคนคั่ว ทำให้ได้เห็นว่าในเรื่องของปริมาณเมล็ดกาแฟ เราใช้เองในประเทศเยอะ บ้านเราใช้เองเยอะ แต่เราส่งออกไปต่างประเทศน้อย
เรื่องของโลกร้อน ก็ส่งผลกระทบ Quality สูญเสียไปเยอะ แม้มี Demand เยอะ แต่ก็อาจเก็บเร็วไป ด้วยธรรมชาติของมัน Quality บางอย่างอาจหายไป ทำให้เราอยาก Concern เรื่องการดูแลในส่วนนี้”
หัวใจหลักของการทำร้านกาแฟ
วินกล่าวว่าการทำร้านกาแฟ หากถามว่าเราจำเป็นต้องรอบรู้เรื่องกาแฟไหม สำหรับคนคั่วแล้ว ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็น ต้องมีความรู้ทั้งเรื่องการชิม การคั่ว
“ร้านกาแฟหรือร้านที่เป็นโรงคั่ว ต้องรู้ลึกซึ้ง รู้เพื่อที่ว่าจะสามารถทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์จากกาแฟเต็ม 100% การสื่อสารของคนทำกาแฟทำให้ลูกค้ารู้ว่า ไร่นี้ทำอะไรอยู่ แบบไหน ทำให้ลูกค้าอิ่มเอมใจ รสชาติอย่างเดียวไม่พอ สำหรับผม ขอให้ลูกค้าได้รับรู้ว่าสิ่งที่เค้าทานคืออะไร ไม่ใช่แค่การชงกาแฟ แต่เพื่อให้เค้าได้รู้ว่าปลูกที่ไหน การคั่วแบบนี้คั่วเพื่ออะไร คั่วแบบไหนเพื่อให้ลูกค้าได้ทานแล้วอร่อย”
“ความอร่อยก็เป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่สิ่งที่มากกว่านั้นคือคนทำกาแฟต้องใส่ใจ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ต้องทำอยู่แล้ว เป็น Simple ที่ผมทำอยู่แล้ว เราเป็นโรงคั่วด้วย ผมเป็นคนคั่วด้วย มากกว่าที่จะให้ลูกค้าเพียงแค่ได้ทานกาแฟเพียงเท่านั้น เราต้องเล่าเรื่องราวของกาแฟให้ได้ด้วย ร้านเราไม่ได้เน้นทำเร็ว แต่ทำเพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ในการทานกาแฟ”
วินกล่าวว่า ทุกวันนี้ ผู้บริโภคมีความรู้มากขึ้น เค้ารู้ว่าต้องการอะไร ดังนั้น เราต้องใส่ใจในสิ่งที่เราทำ
“เราไม่ได้ทำเพื่อเป็นกระแส ร้านกาแฟ ควรเข้าใจว่าลูกค้าต้องการอะไร และเรานำเสนออะไร ด้วยความกลมกล่อม ไม่ใช่เราทำตามสิ่งที่ลูกค้าต้องการเพียงอย่างเดียวหรือเราต้องการอย่างเดียว แต่เป็นการผสมผสานอย่างกลมกล่อมนั่นแหละครับที่จะทำให้ร้านอยู่รอด เหมือนเป็น Community บางอย่าง ลูกค้าก็สามารถรับรู้ได้ว่า ได้ทานสิ่งที่ต้องการด้วย ได้ประสบการณ์ที่ดีในการทานกาแฟด้วย”
แน่นอนว่าวินและทีมงานของ Community แห่งนี้ รอต้อนรับคอกาแฟอยู่เสมอ ในบ้านสีขาวที่มีดาวผีเสื้อโดดเด่น เพื่อพูดคุย ดื่มด่ำ ละเลียดรสชาติหลากมิติของกาแฟที่มีให้เลือกหลากหลายตามความต้องการ
…….
เรื่องและภาพ : รพีพรรณ สายัณห์ตระกูล
ขอบคุณบางภาพจาก : วีระยุทธ์ งามฉวี
ติดตามผ่าน FB และ IG : Wonders Roasters