ทุกครั้งที่เกิดปัญหาการตั้งด่านชั่งน้ำหนัก การก่อสร้างถนน หรือโครงการรัฐที่ประชาชนตั้งคำถาม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมักมีคำอธิบายสั้นๆ ว่า “มีการร้องเรียนผ่านคอลเซ็นเตอร์”
ฟังเผินๆ ดูเหมือนโปร่งใส เหมือนมี “เสียงประชาชน” อยู่เบื้องหลัง แต่พอชาวบ้านลองถามหาตัวตนของผู้ร้องเรียน กลับไม่เคยเจอใครออกมายืนยันว่า “ใช่ ฉันนี่แหละที่แจ้งเรื่องไป”
ร้องเรียนจริงหรือแค่ใบเบิกทาง? หลายพื้นที่พบปัญหาคล้ายกัน
•มีการตั้งด่านลอยในจุดที่ไม่เหมาะสม เช่น หน้าโรงเรียน หรือชุมชนแออัด
•เมื่อถามเจ้าหน้าที่ ก็ตอบว่า “ทำเพราะมีคนร้องเรียนเข้ามา”
•แต่เมื่อถามหาหลักฐานของผู้ร้องเรียน กลับไม่มีการเปิดเผยรายชื่อ เบอร์โทร. หรือเอกสารใดๆ
ทำให้เกิดคำถามสำคัญว่าเสียงร้องเรียนที่ถูกอ้างนั้น มีอยู่จริง หรือเป็นเพียง “ใบเบิกทาง” เพื่อทำให้การตั้งด่าน/ใช้งบประมาณดูมีเหตุผล?
เกมที่เล่นกับความน่าเชื่อถือ การอ้างคำร้องเรียนที่ตรวจสอบไม่ได้ อาจทำให้เกิดผลเสียร้ายแรง
1.บิดเบือนเจตนาของประชาชน-ชาวบ้านตัวจริงที่ได้รับผลกระทบกลับถูกเพิกเฉย
2.เอื้อประโยชน์บางฝ่าย-ด่านหรือโครงการบางอย่างอาจตั้งขึ้นเพื่อช่วงจังหวะผลประโยชน์ เช่น ฤดูขนส่งอ้อย หรือธุรกิจหิน
3.งบประมาณเสี่ยงซ้ำซ้อน-ใช้เงินภาษีไปกับโครงการที่ไม่ตอบโจทย์ประชาชนจริง
ทางออกที่ควรเกิดขึ้น หากต้องการความโปร่งใสจริงๆ
•ทุกการร้องเรียนควรมีรหัสติดตาม เพื่อยืนยันว่ามีผู้ร้องเรียนจริง
•หน่วยงานควรเปิดเผยสถิติรายเดือน เช่น มีร้องเรียนกี่ราย กี่รายยืนยันตัวตน
•ให้สิทธิผู้ร้องเรียนติดตามผลได้ ไม่ใช่เพียงการ “โยนชื่อคอลเซ็นเตอร์” มาอ้าง
เพราะหากยังปล่อยให้ “เสียงลอยๆ” แบบนี้ถูกนำมาอ้างโดยไม่มีหลักฐาน วันหนึ่งประชาชนอาจไม่เชื่อใจทั้งระบบ ว่ารัฐกำลังทำงานเพื่อใครกันแน่
อย่างไรก็ตาม สุดท้าย คำถามที่ยังค้างคาใจคือ “ใครกันแน่ที่ร้องเรียน-ชาวบ้านจริง หรือเป็นเพียงเสียงที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเปิดทางบางอย่าง?”