เปิดปม “บ้านหนองจาน” ชายแดนไทย-กัมพูชา ภายใต้อิทธิพล “กำนันลี” อดีตทหารเขมรยศพันโท กับเมียคนไทยชื่อ “เจ๊ลัด” ที่นอกจากค้าของเถื่อนแล้วยังกว้านซื้อที่ดินที่คนเขมรฮุบดินแดนไทย เก็บสะสมรอโครงการเมืองใหม่ที่ขยายไปจากปอยเปตที่จะมีทั้งกาสิโน ศูนย์การค้า รีสอร์ต ครบวงจร ท่ามกลางการปล่อยปละละเลยหรือสมรู้ร่วมคิดจากเจ้าหน้าที่ไทย จนวันนี้เพิ่งออกมายอมรับกันว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของไทย แต่ 15 ปีก่อนกลับปล่อยให้ “วีระ สมความคิด” และคณะถูกจับ โดยบอกว่าเป็นดินแดนเขมร ผู้รับผิดชอบระดับสูง 4 คนในเวลานั้นเตรียมรับหมายศาลได้เลย
ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก” เมื่อวันศุกร์ที่ 5 กันยายน 2568 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวถึงปัญหาบริเวณพื้นที่ตรงชายแดนบ้านหนองจาน ตำบลโนนหมากมุ่น อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ซึ่งชาวกัมพูชารุกล้ำพื้นที่อธิปไตยของประเทศไทยเข้ามาสร้างบ้านเรือน สร้างชุมชนอย่างหนาแน่นกว่า 200 หลังคาเรือน เป็นเวลายาวนานหลายสิบปี
ขณะที่เจ้าหน้าที่ไทยทั้งฝ่ายปกครอง ฝ่ายความมั่นคง ต่างเมินเฉย ปล่อยปละละเลย หรือบางส่วนก็ไปร่วมขบวนการสมรู้ร่วมคิดกับคนเขมร เจ้าหน้าที่เขมร ทหารเขมร จนกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง จนในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา “บ้านหนองจาน” กลายเป็นแดนเถื่อน กลายเป็นแหล่งซ่องสุมของอาชญากรรมทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นแก๊งขนของเถื่อน-ขนแรงงานเถื่อน, ขนยาเสพติด ของผิดกฎหมาย, อาวุธสงคราม, จุดพักรถเปลี่ยนป้าย-ชำแหละชิ้นส่วนของแก๊งลักรถจักรยานยนต์-รถยนต์ และอีกมากมายสารพัดสารพัน ฯลฯ
นอกจากนี้ยังมีปัญหาเส้นทางแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย เส้นทางของการค้าอาวุธสงครามผิดกฎหมาย สินค้าหนีภาษี เส้นทางยาเสพติพของกองทัพมด หรือกล่าวอย่างง่าย ๆ ก็คือแก๊งอาชญากรรมไทย-กัมพูชานั้นใช้ “บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น” นี้เองเป็นจุดพักของ จุดส่งของ หรือศูนย์รวมของการกระทำเรื่องผิดกฎหมายในฝั่งภาคตะวันออก นี่เองจึงเป็นเหตุให้อำนาจเงินบังตาเจ้าหน้าที่รัฐ ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ของประเทศไทย ปล่อยให้ไอ้เขมรขโมยดินแดนบ้านหนองจานไปจากแผ่นดินไทย
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างที่กองกำลังบูรพาประกาศใช้กฎอัยการศึกบริเวณบ้านหนองจาน ตำบลโนนหมากมุ่น อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ได้มีหญิงสาวชาวกัมพูชาหัวใจไทยออกมาให้สื่อสัมภาษณ์และเปิดโปงขบวนการของผู้มีอิทธิพลชาวกัมพูชาที่มีเมียเป็นคนไทย ที่เป็นหัวโจกในการไล่ยึดที่ดินคนไทยชาวบ้านบ้านหนองจานนับสิบนับร้อยไร่ ก่อนจะเกณฑ์แรงงานกัมพูชามาจับจองอยู่แทนคนไทย
นั่นคือนางสาวดารา เรียน หรือดาว วัยกลางคน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้หนีภัยสงครามจากประเทศกัมพูชามาขออาศัยอยู่ในศูนย์อพยพฝั่งจังหวัดสระแก้ว จากนัันได้มาแต่งงานกับผู้ชายคนไทย อยู่กินกันจนสร้างฐานะ จนปัจจุบันเป็นเจ้าของรีสอร์ตอยู่ที่อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว
ดารา เรียน ได้พูดกับสื่อมวลชนไทยว่า ตัวเองเป็นชาวกัมพูชาที่มาอยู่ในประเทศไทย พร้อมกับแสดงบัตรชมพู เพื่อยืนยันว่าตัวเองเป็นชาวกัมพูชาที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทยถูกต้องตามกฎหมาย เธอบอกกับสื่อว่าเธอไม่เห็นด้วยที่ชาวกัมพูชารุกล้ำอธิปไตยประเทศไทยมายาวนาน
เธอบอกว่าปัญหาตอนนี้เกิดจากผู้นำท้องถิ่นกัมพูชาชื่อ “กำนันลี” หรือชื่อเขมรว่า “โต สริน” ที่มีเมียเป็นคนไทยชื่อ “นางลัด” เป็นตัวตั้งตัวตีเอาคนกัมพูชาเข้ามายึดครองที่ดินบ้านหนองจาน
จากนั้น “กำนันลี” ก็ได้กว้านซื้อที่ดินพวกนี้จากคนกัมพูชา แล้วนำมารังวัดใหม่ ก่อนที่ “กำนันลี” จะรวบรวมที่ดินขายให้นายทุนชาวจีน เพื่อสร้างกาสิโนริมชายแดนโดยเป็นการขยายเมือง ขยายความเจริญมาจากปอยเปต (ซึ่งอยู่ทางใต้ลงไปอีก ประมาณ 10 กิโลเมตร) มายังบริเวณใกล้เคียง 2 จุด ประกอบไปด้วย
หนึ่ง หลักเขตที่ 43 ที่มีการเปิดจุดผ่อนปรนชั่วคราวบ้านโนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ซึ่งมีการบรรลุข้อตกลงเปิดจุดผ่อนปรนไปแล้วตั้งแต่ปี 2561 (ดังภาพด้านล่าง)
และอีกจุดหนึ่งที่กำลังตกเป็นข่าวใหญ่อยู่ ณ ปัจจุบัน ก็คือ บ้านหนองจาน อ.โคกสูง (บริเวณหลักเขตที่ 45-47)
ด้วยความที่ “กำนันลี” เป็นทหารเขมรยศพันโท ซึ่งเคยประจำการในพื้นที่บริเวณติดต่อกับบ้านหนองจาน และเห็นช่องทางที่จะสร้างความร่ำรวยจากการค้าที่ดิน จึงลาออกจากทหารมาสมัครเป็นกำนันในพื้นที่ จากนั้นค่อยๆ ให้คนเขมรทยอยรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่บ้านหนองจานเรื่อยๆ จนบ้านหนองจานกลายเป็นแผ่นดินคนเขมรไปโดยปริยาย
จากนั้น “กำนันลี” กับภรรยาคือ “เจ๊ลัด” ได้ทำการกว้านซื้อที่ดินขายในละแวกนั้นทั้งหมด ซึ่งแม้ที่ดินบริเวณบ้านหนองจาน คนเขมรไม่สามารถออกโฉนดเองได้ แต่ก็แอบซื้อขายกัน โดยใช้อิทธิพลของการเป็นกำนันสามารถที่จะบอกขายที่ดินให้กับใครก็ได้ และไม่มีใครปราบ “สองคนผัวเมียนี้ได้” ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองไทย เมินเฉยกับการกระทำของ “กำนันลี-เจ๊ลัด” จึงเหิมเกริมเอาใหญ่ ยึดที่ดินของคนไทยเข้ามาเรื่อยๆ
รวมทั้งคนที่แจ้งจับนายวีระ สมความคิด เมื่อปี 2553 ก็คือ “กำนันลี” นี่เอง เป็นคนผลักดันให้จับแล้วส่งไปถึงกระทรวง ที่กรุงพนมเปญ
ดารา เรียน พูดอีกว่า สันดานส่วนตัว “กำนันลี” เป็นคนชั่วร้าย ตัวเธอเองก็รู้จักมักคุ้นกับ “กำนันลี” และเธอยังเคยถูก “กำนันลี” ขู่ฆ่ามาแล้วหลายครั้ง สมัยที่สามีเธอยังมีชีวิตอยู่ก็ถูกขู่ว่าจะเอาคนมายิงให้ตาย แต่กำนันลีก็ได้แต่ขู่เพราะสามีเธอนัันเป็นตำรวจ
ที่น่าเจ็บใจที่สุดก็คือ “กำนันลี” นี่แหละที่พยายามเอารถแบ็กโฮไปทําลายหลักเขตที่ 46 ที่กรุงสยามจัดทำขึ้นกับฝรั่งเศส ทำให้ร่องเข็มทิศตัว V บนหลักเขตนั้นหายหรือลบเลือนไป ซึ่งเป็นการกระทำที่บ่งชี้ว่า “หวังผล” อย่างชัดเจนให้หลักเขตกำหนดเขตแดนนั้นเกิดคลุมเครือ หรือไม่ชัดเจน
นอกจากนี้ “กำนันลี” ซึ่งเพิ่งออกจากทหารเขมรมาเป็นกำนันในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมานี้เอง ก็เพื่อจะได้มีอำนาจการรังวัดที่ดินเซ็นอนุญาตซื้อขายที่ดินที่มีการวางแผนไว้ขายให้กับนายทุนจีนเทา อีกทัังจะได้มีอำนาจควบคุมดูแลการขนของหนีภาษีตรงจุดบริเวณบ้านหนองจานโดยตรง เพื่อสนับสนุนกับโกดังพักสินค้าของเมียคือ “เจ๊ลัด” ที่บริเวณเขตบ้านหนองจาน และเขตบ้านโนนหมากมุ่น
ทั้งนี้ สาเหตุที่กำนันลีมากด้วยอำนาจบารมีในเขตบ้านหนองจาน เพราะเคยเป็นทหารยศสูงถึงพันโท ซึ่งในพื้นที่ต้องถือว่าใหญ่โตมาก นอกจากนี้ “กำนันลี” ยังมีความสนิทสนมส่วนตัวกับ “ผู้ว่าฯ กรุงปอยเปต” ทั้งในอดีตและปัจจุบันอีกด้วย
ดารา เรียน ยังบอกกับสื่อมวลชนไทยด้วยว่า ถึงทุกวันนี้ “กำนันลี” เดินทางเข้าออกประเทศไทยตลอดเวลาเป็นว่าเล่น แต่ไม่ได้ใช้พาสปอร์ต หรือ เอกสารผ่านแดนใด ๆ เลย จะเข้าออกทางช่องทางธรรมชาติ ซึ่งเป็นช่องทางของ “กำนันลี” กับ “เมีย” เหมือนเดินเล่นอยู่ในสวนหลังบ้านตัวเอง ซึ่งเป็นช่องทางเข้าออกที่ผิดกฎหมาย แต่ตัวเองกับพวกเป็นผู้มีอำนาจเป็นคนคุมความเคลื่อนไหวคนเข้าออกตามช่องทางธรรมชาติที่บ้านหนองจานเกือบทั้งหมด !?!
นอกจากนี้ มีรายงานจากพื้นที่ยืนยันด้วยว่าถึงปัจจุบัน “ถนนศรีเพ็ญ” ซึ่งเป็นพื้นที่สีแดงห้ามเข้าออก แต่มีแค่ “เจ๊ลัด” คนนี้คนเดียว ที่สามารถเข้าออกไปไร่ไปนาตัดหญ้าให้วัวได้โดยที่ไม่มีใครห้าม แม้แต่ทหารก็แค่ยืนมองเท่านั้น เรียกว่าบารมี “เจ๊ลัด” ในพื้นที่นี่ใหญ่จริงๆ ดูเหมือนว่าจะใหญ่กว่า “กองกำลังบูรพา” เสียอีก !?!
ทีมงาน “สนธิทอล์ก” ได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลเพิ่มเติม พบว่าจุดเริ่มต้นของ “กำนันลี” นััน ชื่อเขมรเดิมคือ “โต สริน” เป็นนายทหาร “ยศพันโท” ที่อยู่ดูแลพื้นที่ติดกับชายแดนฝั่งบ้านหนองจานของไทย ซึ่งจุดบริเวณนัันพวกเขมรเข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่ ตั้งแต่ปี 2522 ที่อพยพหนีตาย และหนีความอดอยากเข้ามาไทยจากยุคสงครามกลางเมืองกัมพูชา หรือสงครามเขมร 4 ฝ่าย จนเวลานั้นรัฐบาลไทยจัดให้ “บ้านหนองจาน” เป็นค่ายผู้อพยพขนาดใหญ่ และมีผู้อพยพเข้ามาในพื้นที่กว่า 13,000 คน 200-300 กว่าครัวเรือน นี่คือจุดเริ่มต้นของ “โต สริน”
กระทั่งสงครามกลางเมืองในกัมพูชาสงบ ผู้อพยพกัมพูชาจำนวนมากอพยพกลับบ้านเกิด แต่บางส่วนปักหลักอยู่ในบ้านหนองจาน รวมถึง “พันโท โต สริน”
จนความเจริญเริ่มเข้ามาในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว เริ่มขยายวงกว้างไปในพื้นที่เมืองปอยเปต จังหวัดบันเตียเมียนเจย ของประเทศกัมพูชา เริ่มมีคนไทย คนจีน ไปลงทุนทำกาสิโน กระทั่ง “พันโท โต สริน” มีความสนิทชิดเชื้อกับผู้ว่าฯ จังหวัดบันเตียเมียนเจย กระทั่งเริ่มเห็นอนาคตความร่ำรวย จึงขอลาออกจากการทหาร พร้อมกับลงสมัครเป็นฝ่ายปกครองท้องถิ่น จนกลายเป็น “กำนันลี” ในพื้นที่ที่เคยเป็นศูนย์อพยพของไทยให้ชาวกัมพูชามาหลบภัยสงคราม ก่อนจะยึดพื้นศูนย์อพยพที่บ้านหนองจาน และกล่าวอ้างว่าเป็นพื้นที่ของประเทศกัมพูชา และสถาปนาตัวเองเป็นกำนันในพื้นที่
ภรรยาคนไทยของ “กำนันลี” คือ “เจ๊ลัด” ชื่อจริงชื่อ นางทองลัด กันหา ปัจจุบันอายุ 63 ปี ที่อยู่ปัจจุบันตามบัตรประชาชนก็อยู่ที่บ้านหนองจาน ตำบลโนนหมากมุ่น อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว
เมื่อสืบประวัติย้อนหลัง พบว่าก่อนมาครองคู่กับ “กำนันลี” นั้น “เจ๊ลัด ”มีสามีมาแล้ว 2 คน แต่เสียชีวิตแล้วทั้งคู่ โดย “เจ๊ลัด” มีลูกชาย 2 คน เป็นลูกกับสามีคนแรก 1 คน และสามีคนที่สองอีก 1 คน ด้วยเหตุนี้ “กำนันลี” จึงเป็นสามีคนที่สาม
“เจ๊ลัด” มีอาชีพค้าขาย เปิดโกดังรับสินค้าอุปโภคบริโภคจากฝั่งไทย และนำส่งข้ามไปยังฝั่งกัมพูชา “เจ๊ลัด” มีโกดังไว้รับสินค้า 2 แห่ง คือ ในเขตบ้านหนองจาน และบ้านโนนหมากมุ่น
ทีมงาน “สนธิทอล์ก” รายงานว่า ก่อนที่ไทยกับกัมพูชาจะมีปัญหากัน โกดังสองแห่งนี้จะใช้เป็นที่เก็บสินค้า ของกินของใช้ ที่จะเอาไปจำหน่ายที่กัมพูชา แต่อีกด้านหนึ่งของโกดังเหล่านี้ก็คือแหล่งพักสินค้าและสิ่งของผิดกฎหมาย ตามข้อมูลที่เคยนำเสนอไปแล้ว
แต่การยึดครองพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อเปิดจุดผ่านแดน จุดผ่อนปรน และสร้างเป็น “อาณาจักรสีเทา” ยังไม่ใช่เป้าหมายสุดท้ายของสองผัวเมียคู่นี้ รวมถึงผู้มีอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลัง “กำนันลี” กับ “เจ๊ลัด” เพราะเป้าหมายที่เขาวางกันไว้นั้นใหญ่กว่านี้มาก
เปิดโมเดลเขตเศรษฐกิจพิเศษเมืองใหม่ “กำนันลี” ฮุบพื้นที่ดินบ้านหนองจาน หวังรวยมหาศาล
สิ่งที่ทีมงาน “สนธิทอล์ก” สืบทราบและหาข้อมูลได้นั้นก็สอดคล้องกับรายงานของเนชั่นทีวี ซึ่งเมื่อวันจันทร์ที่ 1 กันยายนที่ผ่านมาได้ไปสัมภาษณ์เพิ่มเติม ดารา เรียน สาวเขมรหัวใจไทย ที่ออกมาแฉเรื่อง“กำนันลี กับ เจ๊ลัด” เป็นคนแรก ๆ โดยเธอให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า
การที่ “กำนันลี” และ “เจ๊ลัด” ต้องการฮุบที่ดินบริเวณหลักเขตแดนที่ 46-47 ไว้เป็นของตนเอง เพราะต้องการขายให้กับนายทุนจีนในการสร้างเมืองใหม่ เป็นเขตเศรษฐกิจแห่งใหม่ ที่มีทั้งกาสิโน โรงแรม รีสอร์ต ศูนย์การค้า แบบครบวงจร โดยการเก็บครอบครองที่ดินไว้ เพื่อให้มีมูลค่า เพราะที่ดินตรงที่กำนันลี ครอบครอง เป็น “จุดผ่อนปรนบ้านหนองจาน” ที่เคยไปดึงนักลงทุนมาสร้างตลาดไว้รองรับก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งหากมีการพัฒนาเกิดขึ้นจริง รายได้จากบริเวณนี้จากที่ดินต่างๆ จะมีมูลค่ามหาศาล
โดยสองผัวเมียคู่นี้ใช้ตัวอย่างของ “โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษ หลักเขตแดนที่ 43” บริเวณบ้านโนนหมากมุ่น บนเส้นเขตแดนชายแดนไทยกับกัมพูชาซึ่งทำสำเร็จมาตั้งแต่ปี 2561 ของกัมพูชามาเป็นต้นแบบ
ย้อนไปดูข่าวเมื่อ 13 ปีที่แล้ว จากเว็บไซต์ Manager Online จะพบว่า เรื่องการขายอธิปไตยไทยให้เขมรเพื่อผลประโยชน์ของผู้มีอิทธิพล นายทหาร และเจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นนั้นมีการวางแผนกันอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และทำกันมาอย่างต่อเนื่องยาวนานหลายสิบปีแล้ว
ข่าวเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2555 (หลังจากที่นายวีระ สมความคิด ถูกจับเมื่อปลายปี 2553) ข่าวพาดหัว “37 ครอบครัวไทยเศร้า! เขมรห้ามทำนาแถวหลักเขต 43 อ้างอยู่ในแดนเขมร” มีเนื้อหาว่า “วันที่ 27 พฤษภาคม 2555 เว็บไซต์ฟิฟทีนมูฟ อ้างรายงานของสำนักข่าวซีอีเอ็นของกัมพูชา ระบุว่า เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2555 ได้มีการสั่งห้ามโดยเด็ดขาดไม่ให้เกษตรกรไทยและชาวเขมรที่รับจ้างเกษตรกรไทย เข้าไถนาในพื้นที่ซึ่งสื่อเขมรเรียกว่า “ดินแดนเขมร นาไทย” ติดกับหลักเขตแดนที่ 43 บ้านโอร์เบยจวน 1 และบ้านเปรยจัน (ไพรจันทร์) 2 ต.โอร์เบยจวน อ.โอร์จรึว จ.บันเตียเมียนเจย ตรงข้าม ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว
“โดยการสั่งห้ามดังกล่าวมาจากผู้บัญชาการกองพลน้อยทหารราบที่ 51 ของกัมพูชา และผู้บัญชาการกองพลที่ 2 รักษาพระองค์ กองกำลังบูรพาของไทย ในการพบหารือกันที่กองบัญชาการ ที่ อ.อรัญประเทศ เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา
“เจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาประจำชายแดนรายหนึ่งเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ทหารกัมพูชาได้ห้ามชาวเขมร 4 คน และรถไถนา 4 คัน ไม่ให้เข้าไปไถนาในจุดที่เรียกว่า “ดินแดนเขมร นาไทย” หรือดินแดนเขมรที่อยู่ข้างในหลักเขตที่ 43 ทางทิศเหนือของ ต.โอร์เบยจวน โดยชาวเขมรเหล่านั้นได้รับจ้างเข้าไปไถนาให้เกษตรกรไทย
“ส่วนเกษตรกรไทยก็ไม่กล้าเข้าไถนาเองเพราะกัมพูชาได้แจ้งความประสงค์ต่อกองกำลังและเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยเรียบร้อยแล้วทหารกัมพูชานายดังกล่าวระบุอีกว่า กัมพูชาได้ห้ามชาวไทยประมาณ 37 ครอบครัวทำนาบนที่ดิน 1,125 ไร่ ของเขมร ติดกับหลักเขตที่ 43 โดยหลักเขตและที่ตั้งทั้งสองฝ่ายได้รับทราบแล้ว ดังนั้น จึงต้องป้องกันบูรณภาพดินแดนเขมร” !?!
ทั้งนี้ หลักเขตแดนที่ 43 ตั้งอยู่บริเวณ ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว อยู่ทางทิศเหนือของหลักเขตที่ 46 ซึ่งเกิดกรณีกัมพูชาจับตัว 7 คนไทย ที่บ้านหนองจาน เมื่อเดือนธันวาคม 2553
คำถามคือ ผู้บัญชาการกองพลที่ 2 รักษาพระองค์ กองกำลังบูรพาของไทย ที่ไปเจรจากับผู้บัญชาการกองพลน้อยทหารราบที่ 51 ของเขมร ซึ่งนำไปสู่การห้ามคนไทยไปทำนาบริเวณใกล้หลักเขตที่ 43 นั้นคือใคร
คำตอบก็คือ พลตรี เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ (ดำรงตำแหน่งช่วงปี พ.ศ. 2554-2556) โดยต่อมาก็ได้เลื่อนยศขึ้นมาเรื่อยๆ เป็น พลโท และพลเอก โดยเคยดำรงตำแหน่งทั้ง
- แม่ทัพภาคที่ 1
- ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (2559)
- ปลัดกระทรวงกลาโหม (2560)
- มีบทบาทในการปฏิวัติรัฐประหาร 2557 โดยดำรงตำแหน่งสมาชิก คสช. และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (2557-2562)
- หลังเกษียณ คสช.ก็ได้แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง สมาชิกวุฒิสภา (2562-2567)
นี่เป็นอีกตัวอย่าง อย่างนี้ชัดไหมว่าใครอยู่เบื้องหลังการยกดินแดนให้เขมร?
กลับมาถึงโปรเจกต์เรื่องการสร้างเมืองใหม่ที่ชายแดนบ้านหนองจานกันต่อ
เป็นที่ทราบกันดีว่า ปัจจุบันเมืองปอยเปตแออัดมากแล้ว ต้องขยายพื้นที่ออกมา จึงได้พยายามรวบรวมที่ดินเอาไว้ เพราะจากปอยเปตมาถึงบ้านหนองจาน ประมาณ 10 กิโลเมตร รวมถึงบริเวณ "โอบายเจือน" หลักเขตแดนที่ 43 ทางกำนันลีจึงพยายามที่จะรวบรวมที่ดินเพื่อไว้ขายยกแปลงให้นายทุนจีน ที่จะดึงการขยายเมืองไปตรงหลักเขตแดนที่ 46
พื้นที่หลักเขตแดนที่ 43 ไทยและกัมพูชาตกลงกันได้แล้ว รัฐบาลทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งอยู่ตรงกับจุดผ่อนปรนชั่วคราวโนนหมากหมุ่น อ.โคกสูง ฝั่งกัมพูชาเป็น ต.โอบายเจือน อ.โอวโจรว จ.บันเตียเมียนเจย ซึ่งปัจจุบันด่านผ่อนปรนชั่วคราวทางฝั่งกัมพูชาปิด และทางฝั่งไทยล้อมลวดหนามทางเข้าเอาไว้
โครงการก่อสร้างเมืองใหม่ลงทุนโดยเอกชน ได้รับการอนุมัติเรียบร้อยหมดแล้วอย่างถูกต้องจากทุกหน่วยงาน และโมเดลที่ ดารา เรียน นำมาให้นักข่าวดู แสดงให้เห็นถึงแผนผัง กาสิโน สถานบันเทิง โรงแรม ตลาดศูนย์การค้า ธนาคารการเงิน โรงพยาบาล บ้านหรู
อีกส่วนที่เป็นสถานที่วัด สถานีอนามัย สาธารณะที่ต้องใช้ร่วมกัน ก็จะได้รับการสนับสนุนการบริจาคจากเอกชน เพื่อให้เกิดความเป็นเมืองอย่างสมบูรณ์
ดารา เรียน บอกอีกว่า ส่วนใหญ่ที่เข้ามาจับจองตอนนี้เป็นกลุ่มคนจีน คนเกาหลี คนญี่ปุ่น เข้าไปซื้อที่ดิน โดยไม่ขายให้คนไทย เหลือเศษที่ดินก็จะถูกแบ่งขายเป็นล็อกๆ ตอนนี้มีการลงทุนก่อสร้าง มีการทำถนนไว้อย่างดีเพื่อทำการรองรับ ยืนยันว่าที่ดินตรงบ้านหนองจานมีมูลค่า ถ้ามองดูผิวเผิน เห็นพื้นที่ว่าเป็นพื้นที่นา มองไม่ชัด แต่ได้เห็นโครงการจะมองภาพออก
นอกจากนี้ สำหรับเอกสารการอนุมัติโครงการที่ ดารา เรียน นำมาให้นักข่าวดู ก็พบว่ามีลายเซ็นของ "โต สริน" หรือ "กำนันลี" อยู่ในการพัฒนาโครงการหลักเขตแดนที่ 43
ดารา เรียนยืนยันด้วยว่า นอกจากกำนันลี ยังมีผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย เป็นอีกหนึ่งบุคคลสำคัญที่ช่วยผลักดัน จึงได้มีความพยายามที่จะปกป้อง และอ้างว่าที่ดินบ้านหนองจาน หนองหญ้าแก้ว เป็นของกัมพูชา จึงเห็นภาพมีการเกณฑ์คนมารื้อลวดหนาม แล้วผู้ว่าฯ ก็นำเงินใส่ซองไปแจกให้ชาวบ้านที่เข้ามารื้อลวดหนามตรงบ้านโจกเจย
นอกจากนี้ยังเปิดเผยอีกว่า มูลค่าที่ดินตอนนี้ ในฝั่งกัมพูชาโซนแถวหนองจาน โนนหมากมุ่นนั้นมหาศาล โดยทราบว่า “กำนันลี” มีที่ดินในกัมพูชา ไม่ต่ำกว่า 1,000 ไร่ ส่วนที่ดินไทยบ้านหนองจาน กำนันลีรวบรวมที่ดินได้หลายร้อยไร่
ส่วนพื้นที่แผ่นดินไทย ที่ชาวบ้าน 200 หลังที่ครอบครองมองเป็นเรื่องเล็กน้อย หากกำนันลีเขาจะยึดครอบครอง กำนันลีสามารถให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจยเซ็นรับรอง บังคับชาวบ้าน 200 หลังให้ออกไปได้ เพราะที่กำนันลีให้ชาวบ้านอยู่ตรงนั้นแค่ชั่วคราว รับจ้างตัดอ้อย ขนของหนีภาษี เขาสามารถให้ชาวบ้านเข้าออกได้ เพราะกลุ่มกำนันลีมีอิทธิพลอันดับ 1 ในตรงนั้น
ย้ำว่าการดำเนินการของกำนันลีไม่ได้เกี่ยวข้องกับ "ฮุนเซน" เพียงแต่เมื่อโครงการสำเร็จ ก็จะมีการเซ่นไหว้ใส่ซองให้ประมาณ 30-50 ล้านบาท ถ้าเป็นคนจีน ก็จะมีการแต่งตั้งให้เป็นออกญา หรือให้สัญชาติอีกที
นอกจากนี้บอกอีกว่า ในอดีตพื้นที่บ้านหนองจานเป็นศูนย์อพยพ แต่คนอพยพก็ลี้ภัยไปต่างประเทศกันหมด ปัจจุบันกลายเป็นกลุ่มแรงงานที่ขนส่งสินค้าเถื่อนทั้งสองฝ่าย สมัยก่อนจะมีการจับลิขสิทธิ์กันตรงนี้เยอะภายหลังเป็นแหล่งเข้าออกแก๊งคอลเซ็นตอร์ เก็บค่าหัวหัวละ 3,000 บาท คนจีนหัวละ 3 หมื่นบาท โดยเรื่องนี้ "กำนันลี" เป็นผู้ดำเนินการเองทั้งหมด รับส่งถึงสนามบิน ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่รู้กันหมด แต่หน่วยงานทหาร ตำรวจมีการสลับเปลี่ยนกำลังกันตลอด จึงมีทั้งการเคลียร์ และการลักลอบจำนวนมาก
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก นายวีระ สมความคิด ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวในเรื่องนี้โดยตรงมาอย่างน้อย 15 ปีแล้ว และเคยถูกจับในบริเวณนี้จากการชี้เป้าของ “กำนันลี กับเมีย” จะนำเรื่องนี้ไปฟ้องร้องต่อศาลเพื่อเอาผิดบุคคลอย่างน้อย 4 คนด้วยกัน คือ
1. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี สมัยที่นายวีระถูกเขมรจับทั้งๆ ที่อยู่บนผืนแผ่นดินไทย
2. นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในเวลานั้น
3. พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในเวลานั้น
และ
4. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกในเวลานั้น
ที่ดันผลักไสไล่ส่งนายวีระกับคณะว่าล้ำอธิปไตยเข้าไปในดินแดนของกัมพูชาเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2553 ทั้งๆ ที่ยังเดินไปไม่ถึงหลักเขตแดนที่ 46 เสียด้วยซ้ำ จนในที่สุดนายวีระ กับนางราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ต้องติดคุกกัมพูชาในข้อหาเข้าเมืองผิดกฎหมายและจารกรรมนานกว่า 3 ปี 6 เดือน
“จับตาดูให้ดีๆ เพราะว่ามีหลักฐานพิสูจน์ชัดเจนว่าทั้ง 4 คนนั้นพูดจาออกสื่อว่าที่ดินที่คุณวีระถูกจับอยู่ตรงนั้นเป็นของกัมพูชา ซึ่งวันนี้พิสูจน์ได้ชัดเจนแล้วว่าไม่ใช่ของกัมพูชา แต่เป็นของประเทศไทย เพราะฉะนั้นแล้ว ทั้งสี่คนนั้นทำผิดมาตรา 157 โดยไปบอกว่าคุณวีระรุกล้ำเขตดินแดนกัมพูชา ทั้งๆ ที่ข้อเท็จจริงแล้วมันเป็นเขตแดนดินแดนของประเทศไทย” นายสนธิกล่าว