สภาผู้แทนราษฎรอินโดนีเซีย (DPR) ยอมตัดค่าที่พักอาศัยเดือนละ 50 ล้านริงกิต (ประมาณ 97,000 บาท) และตัดลดค่าใช้จ่ายอื่นๆ พร้อมสอบจริยธรรม 5 สส. สนองตอบข้อเรียกร้อง 17+8 ของผู้ชุมนุมชาวอินโดนีเซีย ขณะที่ตำรวจที่ขับรถหุ้มเกราะชนไรเดอร์ ไล่ออกผู้บังคับบัญชา ส่วนคนขับรถปลดจากตำแหน่ง 7 ปี
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (5 ก.ย.) สำนักข่าวแอนทารา (Antara) และจาการ์ตาโกลบ (Jakarta Globe) ของอินโดนีเซีย รายงานว่า นายซุฟมี ดาสโก อาหมัด รองประธานสภาผู้แทนราษฎรอินโดนีเซีย (DPR) ประกาศมติ 6 ข้อ เพื่อตอบสนองข้อเรียกร้องของประชาชน 17+8 ที่เป็นประเด็นในการชุมนุมเมื่อเร็วๆ นี้ ระบุว่า ถือเป็นก้าวสำคัญสู่การปฏิรูปและความรับผิดชอบของสภาฯ หลังจากประชุมปรึกษาหารือของผู้นำสภาฯ และผู้นำกลุ่มต่างๆ เมื่อวันพฤหัสบดี (4 ก.ย.)
สำหรับมติทั้ง 6 ข้อ ประกอบด้วย 1. ยุติการให้เงินช่วยเหลือค่าที่พักอาศัยเดือนละ 50 ล้านริงกิต หรือประมาณ 97,000 บาทต่อเดือน แก่ สส. ทุกคน มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค. เป็นต้นไป 2. ระงับการเดินทางไปศึกษาดูงานที่ต่างประเทศทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. เป็นต้นไป ยกเว้นการเข้าร่วมพิธีการอย่างเป็นทางการของรัฐ 3. รัฐสภาจะลดเงินช่วยเหลือที่เกี่ยวข้องกับค่าไฟฟ้า โทรศัพท์มือถือ ค่าใช้จ่ายด้านการสื่อสาร (Intensive Communication Fee) และค่าเดินทาง
4. สส. ที่ถูกพรรคการเมืองสั่งพักการปฎิบัติหน้าที่ จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางการเงิน เช่น เงินเดือนอีกต่อไป 5. กำหนดให้ สส. ที่ถูกสั่งพักการปฎิบัติหน้าที่ทั้งหมด ต้องอยู่ภายใต้การสอบสวนที่ประสานงานระหว่างคณะกรรมการจริยธรรมของสภาฯ และคณะกรรมการจริยธรรมของพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้อง และ 6. รัฐสภาให้คำมั่นที่จะเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนและการตรวจสอบในกระบวนการนิติบัญญัติมากขึ้น
การเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่สภาฯ สั่งพักการปฎิบัติหน้าที่ สส. 5 คน ท่ามกลางแรงกดดันจากสาธารณชนที่เพิ่มมากขึ้น ประกอบด้วย นายอาห์หมัด ซาห์โรนี, น.ส.นาฟา อูร์บาค จากพรรคนาสเดม, นายเอโก เฮนโดร ปูร์โนโม, นายซูร์ยา อุตามา (รู้จักกันในชื่อ อุยา คุยา) จากพรรคเนชันแนลแมนเดต (PAN) และนายอาดีส คาดีร์ รองประธานพรรค DPR จากพรรคโกลการ์
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการตัดลดงบประมาณดังกล่าว แต่สมาชิกรัฐสภาก็ยังคงได้รับเงินเดือนประมาณ 65.6 ล้านรูเปียห์ (ประมาณ 127,800 บาท) ต่อเดือน ซึ่งเป็นเงินเดือนขั้นพื้นฐานและเงินช่วยเหลือตามรัฐธรรมนูญอินโดนีเซีย
การชุมนุมครั้งใหญ่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วในหลายเมือง โดยผู้ชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลและรัฐสภามีความโปร่งใส ธรรมาภิบาลทางจริยธรรม และการปฏิรูปภายในสถาบันทางการเมืองของอินโดนีเซีย โดยผู้ชุมนุมชาวอินโดนีเซียได้กำหนดข้อเรียกร้อง 17+8 ข้อ แบ่งเป็นข้อเรียกร้องที่ต้องดำเนินการทันที 7 ข้อ กำหนดเส้นตายภายในวันนี้ และข้อเรียกร้องที่ต้องดำเนินการภายใน 1 ปี สิ้นสุดวันที่ 31 ส.ค. 2569
อีกด้านหนึ่ง อาเด อารี ซยัม อินทราดี โฆษกตำรวจกรุงจาการ์ตา กล่าวว่า ข้อเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ชุมนุมที่ถูกควบคุมตัว ซึ่งเชื่อมโยงกับการชุมนุมเมื่อเร็วๆ นี้ ยังไม่สามารถทำได้ในทันที โดยเน้นย้ำว่าต้องปฏิบัติตามขั้นตอนทางกฎหมาย เจ้าหน้าที่สืบสวนยังคงทำงานตามหลักฐานที่รวบรวมได้ เพื่อพิสูจน์ว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่ออาชญากรรมในช่วงที่ผ่านมา
ขณะนี้มีผู้ต้องสงสัย 43 รายที่ได้รับการระบุชื่อ ในจำนวนนี้ 42 รายเป็นผู้ใหญ่ และ 1 รายอายุต่ำกว่า 18 ปี โดยมี 37 รายถูกกล่าวหาว่าทำลายสถานที่สาธารณะ ขณะที่อีก 6 รายถูกสงสัยว่ายุยงปลุกปั่นความรุนแรง ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 6 รายถูกควบคุมตัวแล้ว ส่วนผู้ต้องสงสัย 38 คนถูกควบคุมตัวอย่างเป็นทางการ มีผู้ต้องสงสัยหนึ่งคนถูกขึ้นบัญชีดำผู้ต้องหา อีกคนหนึ่งถูกควบคุมตัวโดยหน่วยอาชญากรรมไซเบอร์
มีผู้ต้องสงสัยสองคนได้รับการปล่อยตัวภายใต้เงื่อนไขการรายงานตัวตามข้อบังคับ ส่วนผู้ต้องสงสัยรายย่อยไม่ได้ถูกควบคุมตัว ซึ่งตำรวจยังคงติดตามผู้วางแผนที่อยู่เบื้องหลังความไม่สงบในกรุงจาการ์ตา โดยจะเปิดเผยตัวผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลักที่อยู่เบื้องหลังเหตุจลาจล การสืบสวนยังคงดำเนินต่อไปเพื่อที่จะได้ระบุตัวผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์
จุดยืนของตำรวจเกิดขึ้นในขณะที่นักศึกษาและกลุ่มภาคประชาสังคมยังคงกดดันให้มีการปฏิบัติตาม "ข้อเรียกร้องของประชาชน 17+8 คน" ซึ่งรวมถึงการหยุดยั้งความรุนแรงของตำรวจต่อผู้ชุมนุม ยุติการทำให้การชุมนุมเป็นสิ่งผิดกฎหมาย และการถอนการมีส่วนร่วมของกองทัพจากกิจการพลเรือน ขณะที่ตำรวจกล่าวว่า การเปิดโปงแกนนำเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างหลักประกันความปลอดภัยในเมืองหลวง เจ้าหน้าที่สืบสวนกำลังเจาะลึกคดีนี้ เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถระบุตัวผู้วางแผนได้อย่างแท้จริง
ขณะที่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (4 ก.ย.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติอินโดนีเซีย ได้มีมติลงโทษด้านจริยธรรม ด้วยการปลดจากตำแหน่งเป็นเวลา 7 ปี แก่พลจัตวาโรห์มัต ซึ่งเป็นคนที่ขับรถหุ้มเกราะชนนายอัฟฟาน คูรเนียวัน ไรเดอร์แพลตฟอร์มโกเจ็กโดยไม่ได้ไล่ออกจากตำแหน่ง เพราะปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของ คอสมาส คาจู เก ผู้บังคับบัญชาทีม ซึ่งถูกไล่ออกเมื่อวันก่อน โดยเห็นว่ารถหุ้มเกราะมีจุดบอดหลายจุด ทำให้ไม่สามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมโดยรอบได้อย่างเต็มที่ กระจกมองข้างซ้ายแตกและสถานการณ์วุ่นวายภายนอกที่ผู้ประท้วงหลายพันคนปะทะกับตำรวจ เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น