ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ อธิบายชัดทำไมผู้ที่เกิดก่อนปี 2535 หรือมีอายุมากกว่า 33 ปีขึ้นไป ควรตรวจคัดกรองโรค "ไวรัสตับอักเสบบี" เผยเป็นกลุ่มคนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนตอนเด็ก
เมื่อวันที่ 14 ส.ค. เฟซบุ๊ก “Yong Poovorawan” หรือ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาโพสต์อธิบายถึงสาเหตุทำไมผู้ที่เกิดก่อนปี 2535 หรือมีอายุมากกว่า 33 ปีขึ้นไป ควรตรวจคัดกรองโรค "ไวรัสตับอักเสบบี"
ระบุว่า “ในสมัยก่อนไวรัสตับอักเสบบี เป็นปัญหาสำคัญของประชากรไทย มีผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีสูงมาก ประเทศไทยรณรงค์การให้วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี โดยเฉพาะในเด็กแรกเกิด โดยเริ่ม 2 จังหวัดคือชลบุรีและเชียงใหม่ ในปีพ.ศ 2531 ต่อมาอีก 2 ปี 2533 ได้เพิ่มอีก 10 จังหวัดเป็น 12 จังหวัด และในเดือนเมษายน พ.ศ 2535 ได้มีการให้วัคซีนกับทารกแรกเกิดทุกคน อย่างน้อย 3 ครั้งในครัวปีแรก ทำให้ไวรัสตับอักเสบบีในผู้ที่เกิดหลังปีพ.ศ 2535 น้อยลงอย่างมาก เพราะได้รับวัคซีนป้องกันไม่ให้ติดจากมารดาที่เป็นพาหะ ทำให้ในปัจจุบันผู้ที่อายุน้อยกว่า 33 ปี มีการติดเชื้อน้อยมากๆ
อย่างไรก็ตามผู้ที่มีอายุมากกว่า 33 ปีขึ้นไป หรือเกิดก่อนปี 2535 และไม่เคยฉีดวัคซีน อาจจะเคยติดเชื้อมาแล้ว มีภูมิต้านทานแล้ว หรือเป็นอาหาร โดยเฉพาะผู้มีอายุยิ่งมากก็จะเคยติดเชื้อมาแล้วเป็นจำนวนมากจากธรรมชาติ ดังนั้นในการที่จะฉีดวัคซีนในการป้องกัน เป็นสิ่งที่ดี และให้ดียิ่งขึ้น ควรจะได้มีการตรวจเลือดทุกคน เพื่อจะได้รู้ว่า สถานะของไวรัสตับอักเสบบีของเราเป็นอย่างไร เช่น มีภูมิต้านทานแล้วตามธรรมชาติ เป็นพาหะไวรัสตับอักเสบบีหรือติดเชื้อเรื้อรัง หรือยังไม่เคยติดและไม่มีภูมิต้านทาน เพื่อแยกกลุ่ม ให้เราจะให้วัคซีนเฉพาะในกลุ่มที่ไม่เคยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีมาก่อนและไม่เคยฉีดวัคซีนเท่านั้น ผู้ที่ติดเชื้อแล้วมีภูมิก็ไม่ต้องทำอะไร แต่ถ้าติดเชื้อแล้วเป็นพาหะ ควรเข้าสู่กระบวนการรักษา และติดตาม เพื่อป้องกันการเกิดโรคร้ายได้แก่ตับแข็งและมะเร็งตับ ดังนั้นผู้ที่เกิดก่อนปี 2535 ควรจะได้มีการตรวจกรองเลือดก่อน ที่จะพิจารณาให้วัคซีน”