องค์กรปฏิบัติการทุ่นระเบิดกัมพูชา ทำหนังสือถึงประธานอนุสัญญาออตตาวา กล่าวหาไทยสร้างเรื่องเท็จเพื่อเป็นข้ออ้างรุกรานกัมพูชา ยันไม่ได้วุางทุ่นระเบิดใหม่ หากเกิดเหตุในดินแดนไทยก็รับผิดชอบเอง แต่หากเกิดในพื้นที่ยังไม่ปักปันเขตแดนก็แสดงว่าไทยละเมิด MOU2543 พร้อมเรียกร้องให้ไทยเคารพข้อตกลงหยุดยิง ปล่อยตัวเชลยศึกกัมพูชา หยุดใช้คลัสเตอร์บอมบ์-อาวุธเคมี หยุดทิ้งระเบิดตระกูล MK-80
วันนี้ (15 ส.ค.) องค์กรปฏิบัติการทุ่นระเบิดและช่วยเหลือบรรเทาทุกข์เหยื่อทุ่นระเบิดของกัมพูชา (CMAA) ได้เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ ปฏิเสธข้อกล่าวหาของโฆษกกองทัพไทยที่ว่ากัมพูชาได้วางทุ่นระเบิดใหม่ ทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บถึง 4 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ครั้งที่สองเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ครั้งที่สามเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม และครั้งที่สี่เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม การปฏิเสธนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ไทยกล่าวหากัมพูชาว่าละเมิดมาตรา 1 ของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคล (อนุสัญญาออตตาวา)
CMAA ยืนยันว่า ในฐานะรัฐภาคีของอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งมี 165 ประเทศเป็นภาคี กัมพูชาได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติด้านความสำเร็จในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดจำนวนมหาศาล แต่บ่อยครั้งที่กองทัพไทยกล่าวหากัมพูชาโดยไม่เคยนำเสนอหลักฐานหรือรายงานการสืบสวนที่แท้จริง เพื่อโต้แย้งข้อกล่าวหาอันเป็นเท็จและไร้มูลดังกล่าวกัมพูชาได้ส่งจดหมายอย่างเป็นทางการถึงประธานอนุสัญญาออตตาวา เพื่อชี้แจงประวัติและพฤติกรรมที่ไทยรุกรานกัมพูชา และสร้างภาพกล่าวหาว่ากัมพูชาวางทุ่นระเบิดใหม่ทั้งที่กัมพูชาไม่เคยทำ
จดหมายดังกล่าวระบุว่า ไทยนำประเด็นทุ่นระเบิดมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง กล่าวหาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อใช้เป็นข้ออ้างนำกำลังทหารรุกรานกัมพูชา ในปี 2008 ไทยเคยกล่าวหาในลักษณะเดียวกันเกี่ยวกับการวางทุ่นระเบิดใหม่ โดยไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนทั้งหมดนี้เป็นยุทธศาสตร์ที่ไทยใช้เพื่อสร้างความตึงเครียดและนำไปสู่การใช้กำลังทหาร กัมพูชาจึงขอเน้นย้ำว่า หากเกิดอุบัติเหตุหรือเหตุร้ายในดินแดนไทย ไทยต้องรับผิดชอบเอง
กัมพูชาปฏิเสธโดยเด็ดขาดต่อความพยายามทุกชนิดในการกล่าวหา บิดเบือน หรือใช้เป็นข้ออ้างเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองและการรุกรานทางทหาร หากเหตุการณ์เกิดขึ้นในดินแดนกัมพูชา หรือบริเวณชายแดนที่ยังไม่ปักปันเขต ถือว่าไทยละเมิดบันทึกความเข้าใจปี 2000 และข้อตกลงจากการประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วมพิเศษเมื่อ 7 สิงหาคม 2025
CMAA ชี้แจงว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตทุ่นระเบิดจำนวนมากที่หลงเหลือจากสงครามในช่วงทศวรรษ 1970–1980 และปัจจุบันกำลังอยู่ในขั้นตอนสำรวจและเก็บกู้ แต่การดำเนินงานมีความยากลำบากเนื่องจากสภาพภูมิประเทศและปัญหาการปักปันเขตแดนที่ยังไม่แล้วเสร็จ อีกทั้งการคุกคามโดยทหารไทย ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของชุมชน จำเป็นต้องปักปันเขตแดนให้เสร็จสิ้นก่อน กัมพูชาย้ำว่า “เราไม่เคยและจะไม่ใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และประณามอย่างรุนแรงต่อข้อกล่าวหาอันเป็นเท็จที่ใช้เป็นข้ออ้างในการรุกรานและละเมิดอธิปไตยของกัมพูชา”
พร้อมกันนี้ กัมพูชาเรียกร้องให้รัฐภาคีของอนุสัญญาออตตาวาทั้งหมด ร่วมกันปกป้องความสมบูรณ์ของอนุสัญญา ในกรณีที่ไทยกล่าวหากัมพูชา และขอให้รัฐภาคีช่วยกดดันให้ไทยปล่อยตัวทหารกัมพูชาที่เหลือทั้งหมดซึ่งถูกไทยจับกุมและคุมขังโดยมิชอบ เพราะถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ข้อตกลงหยุดยิง และหลักมนุษยธรรม
CMAA เรียกร้องให้ไทยเคารพข้อตกลงหยุดยิงเมื่อ 28 กรกฎาคม 2025 และผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปเมื่อ 7 สิงหาคม 2025 รวมถึงยุติการรุกรานกัมพูชา เร่งรัดการปักปันเขตแดนตามสนธิสัญญาฝรั่งเศส–สยาม ปี 1904, 1907 และบันทึกความเข้าใจปี 2000 เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างสันติ หลีกเลี่ยงการปะทะด้วยอาวุธ และทำให้การเก็บกู้ทุ่นระเบิดดำเนินไปอย่างราบรื่น อีกทั้งให้ไทยยอมรับการใช้กลไกทางกฎหมายในการแก้ไขข้อพิพาทเขตแดนทั้ง 4 จุดผ่านศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เพื่อให้ได้ข้อยุติที่ชัดเจน สันติ และเป็นประโยชน์ต่อการเก็บกู้ทุ่นระเบิด
ผ่านแถลงการณ์นี้ กัมพูชาเรียกร้องให้ไทยหยุดใช้ระเบิดคลัสเตอร์บอมบ์ อาวุธเคมี ระเบิดร่อนจากอากาศตระกูล MK-80 หยุดการจับกุมและคุมขังทหารกัมพูชาหลังการหยุดยิงและการละเมิดสิทธิทหารกัมพูชาในระหว่างถูกคุมขัง
อย่างไรก็ตาม วันนี้(15 ส.ค.) กระทรวงการต่างประเทศของไทยได้จัดการบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศกรอบอนุสัญญาออตตาวา เกี่ยวกับเหตุการณ์การใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลโดยกัมพูชา มีเนื้อหาโดยสรุปดังนี้
เรื่องสถานการณ์ทุ่นระเบิดบริเวณชายแดน ไทย-กัมพูชา 15 สิงหาคม 2568
-ตั้งแต่ 16 ก.ค. 68 เกิดเหตุทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด 5 ครั้ง บาดเจ็บ 15 นาย ทหาร 5 นาย สูญเสียขา และ 10 นายบาดเจ็บรุนแรง
-ในการเก็บกู้ โดนขัดขวาง 16 ครั้ง จากกัมพูชา
-ไทยได้เคลียร์พื้นที่แล้ว 110,000 ตร.ม. ส่งมอบพื้นที่ปลอดภัยตั้งแต่ปี 2562 โดยรายการระเบิดที่กู้ 1,300 รายการ พบมากสุดคือ MD 82B และไม่มี PMN2
-เกิดเหตุครั้งแรกที่สามเหลี่ยมมรกต ระเบิดไม่มีวัชพืช สภาพใหม่ อักษรชัดเจน ทุ่นเงาวาว
-ในที่เกิดเหตุ เก็บหลักฐานได้ว่าเป็นชิ้นส่วน PMN2 และทุกที่มีลักษณะการวางคล้ายกัน
-ที่ภูมะเขือ (ฐานเก่ากัมพูชา) พบกองทุ่นระเบิด เพื่อเตรียมใช้งาน
-มีภาพที่ปราสาทตาควายจากสื่อกัมพูชา พบทุ่นระเบิด PMN2 วางอยู่
ทั้งนี้ ในที่ประชุมมีการเปิดภาพและวิดีโอคลิปการใช้ทุ่นระเบิดด้วย
ส่วนในวันพรุ่งนี้ วันที่ 16 สิงหาคม 2568 กระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะจัดให้คณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียน รัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา และผู้แทนองค์กรภาคประชาสังคมที่มีภารกิจด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิดรวมทั้งสื่อมวลชนไทย และสื่อมวลชนต่างประเทศ ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อสังเกตความเสียหายสังเกตการณ์ความเสียหายที่เกิดจากการใช้ทุ่นระเบิดของฝั่งกัมพูชา ซึ่งบุคคลกลุ่มนี้จะได้นําหลักฐานเชิงประจักษ์ต่างๆ กลับมากลับไปพิจารณาทบทวนให้ความช่วยเหลือแก่กัมพูชาในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดอย่างรอบคอบ รวมทั้งกดดันให้กัมพูชาในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาแสดงความรับผิดชอบในเรื่องนี้