xs
xsm
sm
md
lg

“ขจร เจียรนัยพานิชย์” ชี้ Facebook จ่ายรายได้ตามยอด Engagement จุดชนวนปัญหาคอนเทนต์ไร้คุณภาพ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"ขจร เจียรนัยพานิชย์" บล็อกเกอร์ไอทีและไลฟ์สไตล์ชื่อดัง ออกโรงเตือน Facebook อาจเผชิญ "ความบรรลัย" ด้านคุณภาพคอนเทนต์ หากยังคงยึดนโยบายแบ่งรายได้ให้ครีเอเตอร์ตามยอด Engagement และการขยายรูปแบบการสร้างรายได้ครอบคลุมทั้ง Text, Photo ไปจนถึง Live โดยชี้ว่าระบบ AI ที่แนะนำคอนเทนต์ใหม่ก็ยังไม่ฉลาดพอ ยิ่งส่งเสริมให้เกิด Hate Speech, ดรามา และการปั่นยอดปลอมๆ เพื่อสร้างรายได้ ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานต้องทนอยู่กับคอนเทนต์ที่ "ทำลายสุขภาพจิต" มากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อวันที่ 13 ส.ค. คุณขจร เจียรนัยพานิชย์ หรือที่รู้จักกันในนาม "Khajochi" เป็นบล็อกเกอร์ด้านไอทีและไลฟ์สไตล์ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในประเด็น Facebook แบ่งรายได้ให้ครีเอเตอร์ตามยอด Engagment เมื่อไหร่ จะเจอแต่ความบรรลัย โดยผู้ก่อตั้งบริษัท The Zero Publishing ได้ระบุข้อความว่า

"เคยบอกแต่แรกแล้ว ว่าถ้าวันหนึ่ง Facebook ประกาศแบ่งรายได้ให้ครีเอเตอร์ตามยอด reach, engagement เมื่อไหร่ จะพบกับความบรรลัยเมื่อนั้น

สมัยก่อนแพลตฟอร์มที่จ่ายเงินให้ครีเอเตอร์ตามยอด มีแค่ YouTube

ซึ่งพอมันบังคับว่าเป็นคลิปวิดิโอ การควบคุมคุณภาพเลยทำได้ไม่ยาก

2 ปีก่อน Facebook ประกาศแบ่งรายได้บ้าง ก่อนหน้านี้ก็ยอมให้แค่ Reels กับคลิปวิดิโอ ก็ปั๊มยอดกันไประดับหนึ่ง คลิปประหลาดๆ เยอะขึ้นมาเพียบ

แต่มาปีนี้ Facebook ประกาศยกระดับ คือเอาหมดทั้ง Text, Photo, Photo Album, Reels, Live, Video ทำเงินได้หมด

ความฉิบหายก็บังเกิด เพราะการโพสต์ข้อความ ใช้เวลา ใช้พลัง น้อยกว่าตอนทำคลิปมากๆ

จำนวนคอนเทนต์เลยทวีคูณเพิ่มเข้ามา เพจดังๆ เริ่มโพสต์บ่นอะไรก็ไม่รู้ ด่าอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด

ไม่ต้องพูดถึงการ monitor เรื่องคุณภาพ เพราะแค่วิดิโอยังทำกันไม่ค่อยได้ พอมาเป็น Text, Photo จำนวนมากกว่าคลิปเกือบ 100 เท่า ไม่มีทางจัดการคุณภาพได้เลย

เราเลยจะเจอ Content ประหลาด, Hate Speech, ดรามา เต็มไปหมด

ทีนี้ตามธรรมชาติ ถ้าระบบอะไรก็ตามที่มันห่วย คนก็จะเลิกและหนีไปใช้ระบบอื่นกันเอง เช่น ห้างที่มีแต่เด็กตีกัน คนก็ไปห้างอื่นแทน

แต่โลก Social Media มันไม่ใช่ไง มันเอาเพื่อน เอาสังคมเราเป็นตัวประกัน เราย้ายไป Twitter ก็ไม่เจอเพื่อนไง ย้ายไป IG ก็ไม่ค่อยมีข่าวแบบที่ในเฟซฯ มีกัน

เราเลยต้องทนอยู่กับคอนเทนต์ทำลายสุขภาพจิตมากขึ้นเรื่อยๆ

แน่นอนว่ามันมีปุ่ม Unfollow, Report, Ban, Mute แต่ระบบไม่ได้ถูกออกแบบให้ใช้กันได้ง่ายขนาดนั้น และไม่เห็นผลด้วยว่ามันเวิร์ก

ความบรรลัยต่อมา คือการประกาศใช้ AI เป็นตัวแนะนำคอนเทนต์มาให้ดูมากขึ้น

คือแต่ก่อนเราเข้าเฟซฯ ก็จะเจอแต่เพื่อน เพจ กลุ่ม ที่เราดูบ่อยๆ เรากรองมาแล้วว่าเราชอบประมาณนี้

แต่ระบบใหม่ (ที่ก๊อป TikTok มาอีกที) คือเน้นแนะนำคอนเทนต์ช่องที่เราไม่ได้ตาม เพจที่เราไม่ได้ follow

ทีนี้ AI ระบบแนะนำใหม่นี้ มันยังไม่ค่อยฉลาดไง เราเลยเจอเพจอะไรไม่รู้เต็มไปหมดในหน้า Feed อย่างดรามาเรื่องรายได้ FB อะไรเนี่ย จริงๆ ผมก็ไม่ได้อยากอ่าน แต่ AI มันส่งมาให้ เพราะมันเป็นกระแสไง

พอรวมร่างก็คอมโบเลย

ประกาศโพสต์อะไรก็สร้างรายได้หมด x ระบบ AI แนะนำคอนเทนต์สุดฉลาด x คนไทย = โลกคอนเทนต์ระเบิด

คนไทยเราถนัดมาก เรื่องการหาเงินด้วยวิธีประหลาดๆ จากระบบ

ยกตัวอย่างเช่น Group หารายได้จาก Facebook พอกดเข้าไปดู ก็พบขบวนการ "แลกกันกด Follow" เพื่อสร้างยอดปลอมๆ

คือเอาเวลาว่างมาผลัดกันสร้างยอดให้แต่ละเพจ เพื่อโกงเงินค่าโพสต์ ซึ่งก็ทำเงินกันได้นิดๆ หน่อยๆ

หรือกลุ่มที่ช่วยกันหาวิธีสร้าง Original Content จาก AI ด้วยการชี้เป้าว่าคอนเทนต์นี้เขียนดี ให้เอา AI ไปสรุปมาเขียนใหม่อีกเวอร์ชันหนึ่ง เพื่อปั่นสร้างรายได้

ซึ่งเชื่อมากๆ ว่าการเลือกตั้งรอบหน้า เราจะเจออินฟลูฯ ผลัดกันปั่นกระแส ข่าวจริง ปลอม มั่ว ด่า บ่น เพื่อสร้างรายได้กันเต็มไปหมด

ก็นั่นแหละ สรุปคือ การประกาศสร้างรายได้จากโพสต์ มันเป็นระเบิดเวลาดีๆ นี่เอง"
กำลังโหลดความคิดเห็น