xs
xsm
sm
md
lg

ชาวมาเลย์คอมเมนต์ยับ "ประเทศไทยอันตราย" ข่าวสะพัดสาดทินเนอร์จุดไฟเผานักท่องเที่ยว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้อ่านข่าวชาวมาเลเซียวิจารณ์ยับ หลังเกิดเหตุชายไทยคลั่งสาดทินเนอร์จุดไฟเผาสองนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน คอมเมนต์ประสบการณ์เลวร้ายในประเทศไทย ทั้งเจอคนล้อมหน้าล้อมหลัง ตุ๊กตุ๊กโก่งราคา ทิ้งไว้กลางทาง แท็กซี่ขับออกนอกเส้นทาง ยันจับตัวเรียกค่าไถ่ แถมคนไทยไม่ยอมรับพฤติกรรมของคนในชาติตัวเอง

วันนี้ (9 ส.ค.) จากกรณีที่นักท่องเที่ยวชาย-หญิง ชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน ถูกนายวรากร พับไธสง อายุ 30 ปี ชาวจังหวัดสระแก้ว ใช้ทินเนอร์บรรจุขวดพลาสติก 1.5 ลิตรสาดใส่ ก่อนจุดไฟเผาแล้ววิ่งหนี เป็นเหตุให้นักท่องเที่ยวบาดเจ็บสาหัส ส่วนนายวรากรวิ่งหลบหนีแต่พลเมืองดีตามจับตัวเอาไว้ได้ เหตุเกิดที่หน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ถนนราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ เมื่อเวลา 22.00 น. ของวันที่ 7 ส.ค. ที่ผ่านมา เจ้าตัวอ้างว่าที่ก่อเหตุเพราะความเครียด ตกงาน ไม่มีรายได้ ก่อนหน้านี้เคยเป็นนักมวย ไปสมัครงานเป็น รปภ. แต่เพิ่งถูกให้ออกจากงาน ออกมาหางานทำแต่ไม่มีใครรับเข้าทำงาน อีกทั้งยังไม่ได้กินข้าว ทำให้เครียดหนัก

ล่าสุด สื่อมวลชนในมาเลเซีย ทั้ง The Star, New Straits Times และอีกหลายสำนักนำเสนอข่าวดังกล่าว สร้างความสะเทือนใจแก่ชาวมาเลเซีย ซึ่งเป็นชาติที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนประเทศไทยเป็นอันดับสองรองจากนักท่องเที่ยวจีน และเกิดความไม่มั่นใจในการเดินทางมาเยือนประเทศไทย เพจเฟซบุ๊ก The Star ได้มีผู้อ่านแสดงประสบการณ์ท่องเที่ยวอันเลวร้ายของไทย และเห็นว่าประเทศไทยอันตรายสำหรับการท่องเที่ยว อาทิ

- จุดประสงค์ของการมาเที่ยวเมืองไทยคืออะไรครับ? ผมเคยไปเที่ยวที่นั่นเมื่อปีที่แล้ว ผมไม่ได้พยายามจะห้ามใจคุณนะครับ แต่มันอันตรายมาก สำหรับผมแล้ว มาเลเซียมีสถานที่สงบๆ มากมายให้ไปพักผ่อน กิน และนอน อย่าลืมระมัดระวังตัวด้วยนะครับ

- ผมมาเยือนกรุงเทพฯ ครั้งแรกเมื่อไม่กี่ปีก่อนหลังจากได้ยินคนพูดถึงกันเยอะมากว่ากรุงเทพฯ สวยงามแค่ไหน ตอนที่อยู่ที่เอเชียทีค ใกล้ๆ กับย่านที่ขายเนื้อจระเข้ จู่ๆ เราก็ถูกล้อมไว้ด้วยชายสี่ห้าคนที่ดูเหมือนจะมาปล้นเราตอนกลางวันแสกๆ ผมรู้สึกถึงอันตราย ผมจึงรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วไลฟ์สดบนเฟซบุ๊ก พอพวกเขาเห็นก็รีบถอยกลับแล้ววิ่งหนีไปทันที

หลังจากนั้น เราก็นั่งแท็กซี่กลับโรงแรม คนขับพยายามเปลี่ยนเส้นทาง แต่เนื่องจากผมเปิดแอปพลิเคชันบอกทาง Waze ของตัวเองไว้ ผมจึงสังเกตเห็นว่าเรากำลังมุ่งหน้าไปผิดทาง ผมจึงรีบโทรไปที่โรงแรมและเปิดลำโพงเพื่อให้พนักงานคุยกับคนขับเป็นภาษาไทย พอคนขับรู้ว่าโรงแรมทราบเรื่องของเราและได้ข้อมูลของเขาแล้ว เขาก็เปลี่ยนเส้นทางและขับรถพาเรากลับทันที จากประสบการณ์ครั้งแรกของผม กรุงเทพฯ เป็นสถานที่อันตรายจริงๆ

- เดือนที่แล้วภรรยาและลูกสาวผมไปกรุงเทพฯ คืนหนึ่งพวกเขาตัดสินใจนั่งรถตุ๊กตุ๊กกลับโรงแรมเพราะรถติดมาก ตอนแรกตกลงราคากับคนขับไว้แล้ว แต่รถตุ๊กตุ๊กกลับสวนทางกับโรงแรม คนขับขอเงินเพิ่ม แต่ภรรยาผมปฏิเสธ ภรรยาบอกให้คนขับไปส่งที่เดิม แต่คนขับไม่ยอมหยุดจนกว่าภรรยาผมจะยอมจ่ายเงินตามที่ตกลงกันไว้ คนขับรับเงินไปแล้วทิ้งภรรยาและลูกสาวผมไว้กลางถนน ตัวสั่นไปหมด พวกเขาจึงนั่งแท็กซี่กลับโรงแรมอย่างปลอดภัย แม้จะใช้เวลานานกว่าก็ตาม ขอเตือนไว้ก่อนว่าให้ตื่นตัวอยู่เสมอและศึกษาสถานการณ์ต่างๆ ให้ดี

- น้องสาวของฉันกำลังเข้าร่วมการประชุมกับเพื่อนร่วมงานของเธอ ตอนกลางคืนพวกเธอถูกพาไปที่สถานบันเทิงยามค่ำคืน เพื่อกลับโรงแรม คนส่วนใหญ่ขึ้นแท็กซี่ แต่มีหญิงชาวกาตัลคนหนึ่งตัดสินใจนั่งรถตุ๊กตุ๊ก และชวนผู้เข้าร่วมการประชุมผมบลอนด์คนหนึ่งให้นั่งรถตุ๊กตุ๊กไปด้วย แต่พวกเธอก็ไปไม่ถึงโรงแรม ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา น้องสาวของฉันก็ได้รับโทรศัพท์จากหญิงชาวกาตัล บอกว่าคนขับรถตุ๊กตุ๊กเรียกร้องค่าไถ่เพื่อปล่อยตัวพวกเธอ น้องสาวของฉันจึงติดต่อพนักงานต้อนรับชาวไทย ซึ่งต้องไปจ่ายค่าไถ่และพาพวกเธอกลับไปที่โรงแรม โชคดีที่หญิงชาวกาตัลและสาวผมบลอนด์แก่เกินกว่าที่จะถูกขายให้กับซ่อง

- หากใครได้อ่านบทความแทนที่จะอ่านแค่พาดหัวข่าว ก็จะรู้ว่านี่เป็นการโจมตีแบบสุ่ม อาจเกิดขึ้นกับใครก็ได้ ขอให้ผู้ประสบภัยฟื้นตัวโดยเร็ว และขอให้ทุกคนปลอดภัย!

- เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวเลย ขอให้ทั้งคู่หายไวๆ นะ บางทีประเทศไทยน่าจะใส่ใจทัศนคติของคนไทยมากกว่านี้หน่อย ไม่ต้องพูดอะไรมากหรอก เพราะพอพูดปุ๊บ คนไทยก็จะออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันแบบรุนแรง ความจริงก็คือ พวกเขาไม่ยอมรับพฤติกรรมของคนในชาติตัวเอง

- ไม่มีอะไรใหม่ มันเกิดขึ้นกับฉันเมื่อประมาณ 20 ปีก่อนตอนที่มาเที่ยวเมืองไทย ฉันต้องแสร้งทำเป็นว่าเป็นคนฟิลิปปินส์แทนที่จะเป็นคนกัมพูชา ต้องพูดภาษาอังกฤษขณะนั่งแท็กซี่เพื่อเลี่ยงคนขับที่พาฉันไปต่างจังหวัดเพื่อหาเงินเพิ่ม แล้วก็โดนโกงเพราะเกลียดเรามาก ฉันจะไม่กลับมาเมืองไทยอีกแล้ว...

- แรงจูงใจของผู้ก่ออาชญากรรมในการทำร้ายเหยื่อ 'ด้วยความคับข้องใจที่ตกงาน' นั้นไม่สมเหตุสมผล เพราะเขาถือขวดทินเนอร์และไฟแช็ก ซึ่งแสดงให้เห็นว่านี่เป็นการโจมตีที่วางแผนไว้ล่วงหน้า ยิ่งไปกว่านั้น หากเขารู้สึกคับข้องใจที่ตกงาน ทำไมไม่โจมตีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานของไทย แทนที่จะโจมตีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ของเขาล่ะ
กำลังโหลดความคิดเห็น