เพื่อสืบสานและต่อยอดงานผ้าไทยและงานหัตถกรรมตามแนวพระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการพัฒนาชุมชนมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าไทยและงานหัตถกรรมให้มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาผสมผสานกับองค์ความรู้และเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อสร้างรายได้สู่ชุมชน พร้อมส่งเสริมให้ผ้าไทยเป็นที่นิยมในทุกเพศ ทุกวัย และทุกโอกาส ผ่านการจัดอบรมพัฒนาลวดลายตามลายพระราชทาน (Coaching) ให้แก่ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP และช่างฝีมือทั่วประเทศ ควบคู่กับการจัดประกวดผ้าลายพระราชทานและงานหัตถกรรมต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจ เชิดชูเกียรติผู้สืบสานภูมิปัญญา ตลอดจนส่งเสริมช่องทางการตลาด สร้างอาชีพและรายได้ให้แก่ชุมชนอย่างยั่งยืน
จากพระปณิธานอันแน่วแน่ในการอนุรักษ์และต่อยอดมรดกภูมิปัญญาผ้าไทยของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญาซึ่งนำไปสู่การยอมรับในระดับสากล ล่าสุดองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ(ยูเนสโก) ได้ประกาศเชิดชูพระเกียรติและถวายเหรียญสดุดีพระกรณียกิจด้านการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมและการส่งเสริมงานวิจิตรศิลป์ ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา และเพื่อสืบสานความสำเร็จพร้อมสนองแนวพระดำริ ‘ผ้าไทยใส่ให้สนุก’ กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการพัฒนาชุมชน จึงเดินหน้าจัดการประกวดผ้าลายพระราชทานและงานหัตถกรรมต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 โดยมุ่งหวังที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าไทยให้มีคุณภาพ สร้างรายได้ที่ยั่งยืนสู่ชุมชน และส่งเสริมให้ผ้าไทยเป็นที่นิยมในทุกเพศ ทุกวัย และทุกโอกาส
ในปีนี้ กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการพัฒนาชุมชน ได้จัดงานแถลงข่าวการประกวดผ้าลายพระราชทาน “ผ้าลายสิริราชพัสตราภรณ์” และงานหัตถกรรมประจำปี 2568 เพื่อคัดเลือกผ้าลายพระราชทานและงานหัตถกรรมที่ส่งเข้าประกวด โดยผู้ชนะการประกวดจะได้รับเหรียญรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีนารีรัตนราชกัญญา และสามารถนำผืนผ้าไปเป็นต้นแบบให้แก่ผู้สนใจ โดย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในงานแถลงข่าวฯ พร้อมด้วย นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ร่วมด้วยที่ปรึกษาโครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ได้แก่ นายธนันท์รัฐ ธนเสฏฐการย์ และ ดร. ศรินดา จามรมาน ร่วมเปิดเผยรายละเอียดการประกวดฯ ในวันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม 2568 ณ ห้องแมกโนเลีย บอลรูม ชั้น 10 โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพฯ
นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนองแนวพระดำริ ‘ผ้าไทยใส่ให้สนุก’ ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ซึ่งได้สร้างแรงกระเพื่อมครั้งสำคัญให้กับวงการผ้าไทยและหัตถกรรมชุมชน การประกวดผ้าลายพระราชทาน ‘ผ้าลายสิริราชพัสตราภรณ์’ ในปีนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่า แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก สร้างโอกาสและยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับพี่น้องผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP และช่างฝีมือทั่วประเทศ ให้สามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
“กระทรวงมหาดไทย มุ่งเน้นการพัฒนาองค์ความรู้ ถ่ายทอดเทคนิค ผ้าลายพระราชทานที่ร่วมสมัย และส่งเสริมด้านการตลาด การแข่งขัน การจัดแสดงสินค้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้ความร่วมมือหลายภาคส่วน กระทรวงมหาดไทยได้ให้การสนับสนุน ส่งเสริมการดำเนินงานโครงการ และกิจกรรมต่างๆ เพื่อเป็นการต่อยอดการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมและสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้ยั่งยืน ตามแนวพระดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ด้วยพระวิสัยทัศน์ที่ทรงได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคน และได้พระราชทาน ‘คณะทำงานโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก’ ที่เปรียบเสมือนวิชชาลัยผ้าเคลื่อนที่ได้ลงพื้นที่ไปมอบองค์ความรู้ให้กับช่างทอผ้าทั่วประเทศ เพื่อช่วยพัฒนาองค์ความรู้ กระตุ้นความคิดแนะนำแนวทางการพัฒนาลวดลายผ้าไทย ซึ่งจะช่วยให้ผ้าไทยเป็นที่ยอมรับมากยิ่งขึ้น ทั้งในประเทศและระดับสากล ภายใต้แนวพระดำริ Sustainable Fashion : แฟชั่นแห่งความยั่งยืน ที่มุ่งเน้นให้ผู้เกี่ยวข้องตระหนักถึงการสร้างสรรค์ผืนผ้าและหัตถศิลป์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปลอดภัยกับผู้สวมใส่ ทรงสนับสนุนและส่งเสริมการย้อมเส้นใยด้วยสีธรรมชาติ จนกระทั่งนำไปสู่การยอมรับในระดับสากล กระทรวงมหาดไทย จึงช่วยผลักดันและขับเคลื่อนจัดการประกวดผ้าลายพระราชทานและงานหัตถกรรมต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 โดยมุ่งหวังที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าไทยให้มีคุณภาพ สร้างรายได้ที่ยั่งยืน สู่ชุมชน และส่งเสริมให้ผ้าไทยเป็นที่นิยมในทุกเพศ ทุกวัย และทุกโอกาส เพื่อเป็นอาชีพของคนไทย ที่มีการรับช่วงต่อรุ่นสู่รุ่น สร้างรายได้อย่างยั่งยืน
“ด้วยพระปรีชาชาญของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานด้านการออกแบบ หนุนเสริมทำให้สิ่งที่มีอยู่ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้น ทันสมัยขึ้น นับตั้งแต่พระราชทานโครงการพระดำริ ‘ผ้าไทยใส่ให้สนุก’ และพระราชทานลายผ้าพระราชทานให้แก่ประชาชนทั่วประเทศ ได้ไปสร้างสรรค์และพัฒนาและเมื่อผลิตเสร็จแล้วทุกส่วน ทั้งส่วนราชการ ภาคส่วนต่าง ๆ และพี่น้องประชาชน ก็ได้ไปอุดหนุน ไปซื้อสวมใส่ จากความหลากหลายของลวดลาย และล่าสุด คือ ‘ผ้าลายสิริราชพัสตราภรณ์’ พร้อมทั้งพระราชทานพระกรุณาให้เชิญคนที่มีความรู้ มีประสบการณ์ และประสบความสำเร็จในอาชีพ ก็คือ เหล่าผู้เชี่ยวชาญและดีไซเนอร์ ทั้งด้านการพัฒนาลวดลาย การให้สี การพัฒนารูปแบบบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ และพระองค์ท่านยังทรงเล็งเห็นว่า กระบวนการผลิตผ้าต้องรักษ์โลกด้วย กระทรวงมหาดไทย มุ่งมั่นทำงานแบบทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที มุ่งส่งเสริมการจับจ่ายใช้สอยผลิตภัณฑ์ของคนไทยที่มีคุณภาพ ซึ่งงานผ้าและงานหัตถกรรมของพวกเราคนไทยในปัจจุบัน ได้รับความนิยมชมชอบอย่างหลากหลายเพิ่มมากขึ้น”
นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนได้เปิดเผยถึงกำหนดการและแผนการดำเนินงานว่า “กรมการพัฒนาชุมชนได้วางแผนการจัดประกวดอย่างครอบคลุมทั่วประเทศ โดยได้เปิดรับสมัครผลงานแล้ว ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน - 5 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา ณ สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอและจังหวัดทั่วประเทศ โดยมีจำนวนผู้ส่งผ้าและงานหัตถกรรมเข้าร่วมประกวด จากทั้ง 4 ภาค รวม 76 จังหวัด แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทผ้า จำนวน 8,327 ผืนและงานหัตถกรรม จำนวน 553 ชิ้นงาน รวมทั้งสิ้น 8,880 ผืน/ชิ้นงาน หลังจากนั้นคณะกรรมการจะพิจารณากลั่นกรอง ตามแนวทางและหลักเกณฑ์การประกวดฯ ก่อนรวบรวมผ้าและงานหัตถกรรมส่งเข้าประกวดในระดับภูมิภาคทั้ง 4 ภูมิภาค เริ่มที่ภาคกลาง ในวันที่ 23 สิงหาคม 2568 จังหวัดนนทบุรี, ภาคเหนือ วันที่ 31 สิงหาคม 2568 จังหวัดเชียงใหม่, ภาคใต้ วันที่ 7 กันยายน 2568 จังหวัดสงขลา และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วันที่ 13-14 กันยายน 2568 จังหวัดอุดรธานี
โดยจะจัดการประกวดรอบตัดสินระดับภาค (Quarter final) ในวันที่ 22 กันยายน 2568 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี ก่อนจะเข้าสู่การประกวดรอบรองชนะเลิศ (Semi-Final) ในวันที่ 23 กันยายน 2568
นอกจากนี้ กรมการพัฒนาชุมชน จะจัดแสดงผลิตภัณฑ์ผลงานการประกวดผ้าลายพระราชทาน‘ผ้าลายสิริราชพัสตราภรณ์’ และงานหัตถกรรม ในรูปแบบ POP Up Store ระหว่างวันที่ 26 กันยายน – 2 ตุลาคม 2568 ณ ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ ถนนสุขุมวิท
“ทั้งนี้ ในวันที่ 31 ตุลาคม 2568 ได้รับพระกรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา จะเสด็จเป็นองค์ประธานในการตัดสินการประกวดผ้าลายพระราชทาน ‘ผ้าลายสิริราชพัสตราภรณ์’ และงานหัตถกรรมรอบตัดสินระดับประเทศ ณ ศูนย์การค้าไอคอนสยาม และในเดือนธันวาคม 2568 กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการพัฒนาชุมชน จะจัดให้มีพิธีมอบเหรียญรางวัลพระราชทานฯ จากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา สำหรับผู้ที่ชนะการประกวดผ้าลายพระราชทาน‘ผ้าลายสิริราชพัสตราภรณ์’ และงานหัตถกรรม และรางวัลชนะการประกวดตามโครงการแนวพระดำริ ‘ผ้าไทยใส่ให้สนุก’ ที่กรมการพัฒนาชุมชน ได้จัดดำเนินการเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วต่อไป”
นายธนันท์รัฐ ธนเสฏฐการย์ ที่ปรึกษาโครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” กล่าวถึงที่มาและความสำคัญของลายผ้าพระราชทานในปีนี้ว่า “นับเป็นพระกรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ได้พระราชทานแบบลายผ้า ‘ผ้าลายสิริราชพัสตราภรณ์’ ซึ่งทรงออกแบบขึ้นเนื่องในโอกาสที่ทรงได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาศิลปกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาศิลปะการออกแบบพัสตราภรณ์ ประจำปีการศึกษา 2568 จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยทรงศึกษาค้นคว้าจากศิลปกรรมไทยและผืนผ้าโบราณ นำมาออกแบบต่อยอดให้มีความร่วมสมัย เป็นสากล แต่ยังคงเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์อันงดงามของชาติไทย ทั้งในประเภทผ้ามัดหมี่, ผ้ายก, จก, ขิด, แพรวา และผ้าบาติก ลายที่ 1 ประกอบด้วย ลายดอกพุดตาน, ลายหัวใจดอกพุดตาน, ลายมยุรสิริ, ลายม้า และลายขอเจ้าฟ้าฯ 2568 และลายที่ 2 ประกอบด้วย ลายดอกพุดตาน, ลายหัวใจดอกพุดตาน, ลายช่อดอกพุดตาน, ลายมยุรสิริ, ลายม้า และลายขอ เจ้าฟ้าฯ 2568 โดยกระทรวงมหาดไทยได้มอบลายผ้าพระราชทานนี้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อส่งต่อไปยังช่างทอผ้าและช่างหัตถกรรม ได้นำไปสร้างสรรค์ผลงาน ต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่น และเข้าร่วมการประกวดเพื่อแสดงศักยภาพฝีมือ ให้เป็นที่ประจักษ์” รวมไปถึงหลักเกณฑ์การส่งผลงานเข้าประกวดว่า “หัวใจสำคัญของการประกวดคือการรักษาไว้ซึ่ง อัตลักษณ์และเทคนิคดั้งเดิม
โดยผู้ส่งผ้าเข้าประกวดต้องเป็นผู้ผลิตหรือช่างฝีมือที่มีภูมิลำเนาในจังหวัดที่สมัคร และผลงานต้องเป็นงานทอมือหรือทำจากมือเท่านั้น โดยใช้เส้นใยธรรมชาติ เช่น ไหมพันธุ์พื้นบ้าน หรือฝ้ายเข็นมือ และย้อมสีธรรมชาติเป็นหลัก โดยต้องระบุแหล่งที่มาของวัตถุดิบ รวมถึงกระบวนการย้อมสีและสูตรที่ใช้ในการย้อมสีธรรมชาติอย่างละเอียด ละเอียด โดยผ้าหรืองานหัตถกรรมที่ส่งเข้าประกวดสามารถนำลายโบราณของแต่ละท้องถิ่นมาผสมผสานกับผ้าลายพระราชทาน ‘ลายสิริราชพัสตราภรณ์’ ได้ทุกประเภท
สำหรับปีนี้ แบ่งการประกวดประเภทผ้าออกเป็น 14 ประเภท อาทิ ผ้ามัดหมี่, ผ้าขิด, ผ้าจก, ผ้าบาติก และผ้าเทคนิคสร้างสรรค์ รวมถึงประเภทงานหัตถกรรมเช่น งานเซรามิก งานจักสาน ฯลฯ ที่นำลายพระราชทาน ‘ลายสิริราชพัสตราภรณ์’ ไปต่อยอดได้อย่างโดดเด่นและยอดเยี่ยม ประกอบด้วย หัตถกรรมจากลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ, หัตถกรรมจากลายขิดนารีรัตนราชกัญญา, หัตถกรรมจากลายดอกรักราชกัญญา, หัตถกรรมจากลายสิริวชิราภรณ์, หัตถกรรมและผ้าบาติกจากลายชบาปัตตานี และหัตถกรรมจากลายสิริราชพัสตราภรณ์
“โดยคณะกรรมการจะพิจารณาให้คะแนนจากความกว้างของหน้าผ้าความเรียบร้อยและความสม่ำเสมอ ของการทอ การใช้สีธรรมชาติให้สีได้เหมาะสมกับลวดลายในผืนผ้า ความชัดเจนของลวดลาย ความสวยงาม ความคิดสร้างสรรค์และการประยุกต์ ไปจนถึงบรรจุภัณฑ์และเรื่องราว (Storytelling) ที่นำเสนอความเป็นมาของชิ้นงาน”
รางวัลการประกวดระดับประเทศ รับพระราชทานรางวัลการประกวด “ผ้าลายสิริราชพัสตราภรณ์” และ งานหัตถกรรม เดือนธันวาคม รางวัลการประกวดแบ่งเป็น 2 ประเภทรางวัล ดังนี้
ประเภทที่ 1 รางวัลพิเศษ ประกอบด้วย Best of the Best รางวัลชนะเลิศรางวัลเดียวจากในแต่ละประเภท, การใช้สีธรรมชาติยอดเยี่ยม, ลวดลายตามแบบพระราชทาน, ประเภทงานหัตถกรรม เช่น งานเซรามิก งานจักสาน ฯลฯ ที่นำลายพระราชทานมาต่อยอดที่มีความโดดเด่น และยอดเยี่ยม ประกอบด้วย หัตถกรรมจากลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ, หัตถกรรมจากบาติกลายพระราชทาน หัตถกรรมจากลายขิดนารีรัตนราชกัญญา หัตถกรรมจากลายดอกรักราชกัญญา หัตถกรรมจากลายสิริวชิราภรณ์ หัตถกรรมและผ้าบาติกจากลายชบาปัตตานี หัตถกรรรมจากลายสิริพัสตราภรณ์และรางวัลอื่นๆ ตามความเหมาะสมของชิ้นงาน
ประเภทที่ 2 เหรียญรางวัลพระราชทาน โดยรางวัลชนะเลิศอันดับที่ 1 เหรียญทองคำ, รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 เหรียญเงิน รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 เหรียญนาก และรางวัลชมเชยใบประกาศเกียรติคุณ
ดร. ศรินดา จามรมาน ที่ปรึกษาโครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” กล่าวเสริมในประเด็นการพัฒนาศักยภาพว่า “เพื่อให้ช่างทอผ้าและผู้ประกอบการทั่วประเทศมีความเข้าใจในลายพระราชทาน ‘ผ้าลายสิริราชพัสตราภรณ์’ อย่างลึกซึ้ง และสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างเต็มศักยภาพ คณะทำงานโครงการฯ มีแผนการลงพื้นที่จัดกิจกรรม Coaching ให้กับกลุ่มผู้ผลิตและช่างทอผ้าทั้ง 4 ภาคทั่วประเทศเช่นทุกปีที่ผ่านมา จำนวน 5 จุดดำเนินการ ระหว่างเดือน เมษายน – พฤษภาคม2568 ได้แก่ ภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดอุบลราชธานีและอุดรธานี ภาคใต้ จังหวัดสงขลา และ ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญและดีไซเนอร์จะเข้าไปให้ความรู้ คำแนะนำ ทั้งในเรื่องการถอดลาย การเลือกใช้สี การพัฒนาเทคนิคให้มีความร่วมสมัย แต่ยังคงไว้ซึ่งรากฐานของภูมิปัญญาดั้งเดิม เราเชื่อมั่นว่ากิจกรรมนี้จะช่วยยกระดับผลงานของผู้เข้าประกวดให้มีคุณภาพสูงขึ้น และสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่ต้องการของตลาดต่อไป”
ร่วมติดตามและเป็นกำลังใจให้ช่างทอผ้าและศิลปินหัตถกรรมไทยทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ในการสร้างสรรค์ผลงานอันทรงคุณค่าสู่เวทีการประกวดระดับประเทศ เพื่อเฟ้นหาสุดยอดผลงานที่จะได้รับรางวัลอันทรงเกียรติสูงสุด ในรอบชิงชนะเลิศ วันที่ 31 ตุลาคมนี้ ณ ศูนย์การค้าไอคอนสยามกรุงเทพมหานคร