ดวงฤทธิ์ บุนนาค สถาปนิกชื่อดังโพสต์ข้อความ "ฟาด" รัฐบาลเรื่องการสื่อสารที่ "เชื่องช้า" ชี้ความสำเร็จหลายด้านกลับไม่ถูกประชาสัมพันธ์ที่ดี ทั้งการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ ที่ลดลงเหลือ 19% ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทุกภาคธุรกิจ และการจัดการข้อพิพาทชายแดนที่ทำได้ดี แต่กลับต้องรอให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ก่อนถึงจะชี้แจง วอนรัฐบาลเร่งสื่อสารความสำเร็จเพื่อสร้างความหวังและ "possibilities ใหม่ๆ" ให้แก่ประชาชน แม้จะยอมรับว่ายังมีปัญหาหนี้สินประชาชนและ SME ที่ต้องเร่งแก้ไขก็ตาม
วันนี้ (6 ส.ค.) ดวงฤทธิ์ บุนนาค สถาปนิกที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง ได้ออกมาโพสต์ข้อความฟาดรัฐบาลประเด็นการออกมาสื่อสารข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนเชื่องช้า ต้องรอให้ถูกด่าก่อนจึงจะขยับ โดยนายดวงฤทธิ์ได้ระบุข้อความว่า
"รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่สื่อสารความสำเร็จของตัวเองไม่เป็น ต้องรอเขาด่ามาก่อน แล้วค่อยๆ ชี้แจงแบบสุภาพและเชื่องช้า จนบางทีฝ่ายค้านยังงง ว่าพวกเธอมัวแต่ทำอะไรอยู่ว้า จะตอบหรือไม่ตอบ
การเจรจาภาษีกับสหรัฐอเมริกามาได้ที่ 19% นี่คือความสำเร็จที่ต้องชื่นชมกันจริงๆ ทุกภาคธุรกิจเล็กกลางใหญ่ทุกคนได้ประโยชน์ ทำให้การแข่งขันของไทยกับกลุ่มประเทศใน tier เดียวกันอยู่ในระดับที่เท่าเทียมกัน เราส่งออกได้ในตัวเลขที่ใกล้เคียงกับเพื่อนบ้าน ธุรกิจส่งออกไม่เสียเปรียบ แต่ความชัดเจนในตัวเลขนี้ทำให้ธุรกิจมีการเคลื่อนไหวขยับตัวกันรุนแรงมากตั้งแต่ปลายเดือนที่ผ่านมา อีกไม่กี่เดือนน่าจะได้เห็นดอกออกผลกัน เศรษฐกิจจะดีขึ้นแน่ ถ้าได้นโยบายลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก กนง.และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่มาประกอบกัน นักท่องเที่ยวจะทยอยกลับมาเพราะค่าเงินบาทที่อ่อนลง ธนาคารจะเลิกกอดเงินเอาไว้และเริ่มปล่อยสินเชื่อให้คนไทยมากขึ้น ทิศทางเศรษฐกิจน่าจะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
การพิพาทชายแดนก็จัดการได้ดี เป็นไปตามขั้นตอนทางการทูตที่ควรทำ การยกระดับการเจรจาไปสู่การหยุดยิง และ protocol ทางการทูตต่างๆ ถูกต้องและเกิดผล การดำเนินการทางการทหารก็ทำงานเป็นเนื้อเดียวกันกับกองทัพ ท่ามกลางคนยุแยงให้เกิดความแตกแยก แต่กองทัพและรัฐบาลก็ไม่ได้หวั่นไหว รับทั้งการข่าวศึกนอกศึกในไปในเวลาเดียวกัน พลาดท่าเสียรู้ฮุนเซนไปบ้างถือว่าเป็นบทเรียนสำคัญ แต่ไม่เสียเปรียบในเชิงการทูตการทหาร ไม่เสียดินแดน นี่เป็นนัยสำคัญของความสำเร็จ
ความสำเร็จเฉพาะหน้ามี ก็ต้อง recognise แต่ปัญหาข้างหน้ายังมีต้องแก้ไขอีกมาก ทั้งเรื่องหนี้ของธุรกิจประชาชนที่สะสมมาตั้งแต่โควิดแล้วยังไม่มีใครสะสาง ประชาชนยังจมกองหนี้กันอยู่จนถึงทุกวันนี้ สินค้าเกษตรล้นตลาด ขายไม่ได้ราคา และ SME ที่กำลังล่มสลายเพราะธนาคารไม่ปล่อยกู้ ยังเร็วไปที่จะเฉลิมฉลอง แต่ทำดีก็ต้องสื่อสาร ประชาชนจะได้มีชีวิตอยู่ในความหวังและ possibilities ใหม่ๆ กันบ้าง"