xs
xsm
sm
md
lg

ทภ.2 เผยเคลียร์ระเบิดเขมรตกค้างแล้ว 49 พื้นที่ ยังเหลืออีก 59 พื้นที่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ 5 ส.ค.ทำลายวัตถุระเบิดที่ตกค้างไปแล้ว 48 พื้นที่ คงเหลือีก 59 พื้นที่ พร้อมได้อำนาจความสะดวก ICRC เข้าสังเกตการณ์กระบวนการในการดำเนินการต่อเชลยศึกกัมพูชา ตามอนุสัญญาเจนีวาและหลักสิทธิมนุษยชน

ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 5 สิงหาคม 2568 (ณ เวลา 14.00 น.) ว่า ตามที่เกิดสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปผลการปฏิบัติที่สำคัญของสถานการณ์ถึงวันที่ 5 สิงหาคม 2568 เวลา 14.00 น. 

สถานการณ์โดยรวม ปัจจุบันไม่มีเหตุการณ์ ฝ่ายเรายังคงวางกำลังตามแนวพื้นที่ปฏิบัติการตามแผน

การทำพื้นที่ให้ปลอดภัย จัดชุดทำลายล้างวัตถุระเบิด หรือชุด EOD เข้าตรวจสอบพื้นที่ เพื่อทำลายวัตถุระเบิดที่ยังตกค้าง ซึ่งปัจจุบันได้ทำลายไปแล้ว 48 พื้นที่ คงเหลืออีก 59 พื้นที่ 

วันนี้ได้อำนวยความสะดวกให้กับคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ ICRC เข้าสังเกตการณ์กระบวนการในการดำเนินการต่อเชลยศึก ทั้งนี้เราได้ดำเนินการเป็นไปตามอนุสัญญาเจนีวา และเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน

การดูแลผู้อพยพ ส่วนราชการทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ยังคงให้การสนับสนุนอำนวยความสะดวกในพื้นที่รวบรวมพลเรือนทั้ง 356 จุด ใน 4 จังหวัด ปัจจุบันมียอดรวม 69,338 คน ทั้งนี้ทางฝ่ายปกครองได้จัดชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน เข้าดูแลพื้นที่ บ้านเรือนของพี่น้องประชาชนที่อพยพ อย่างต่อเนื่อง ลำดับต่อไปเป็นการชี้แจงของ ศอ.จอส.พระราชทาน ภาค 2

จิตอาสาพระราชทาน เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2568 ศอ.จอส.พระราชทาน จังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน, จิตอาสา 904, จิตอาสาพระราชทาน และประชาชนจิตอาสา ร่วมพิธีมอบบ้านให้กับครอบครัวของ ส.ต.ธีรยุทธ กระจ่างทอง กำลังพลที่เสียชีวิตจากสถานการณ์ชายแดน ไทย – กัมพูชา มีโรงครัวพระราชทาน ในพื้นที่ 4 จังหวัด 15 แห่ง จำนวนอาหารพระราชทาน ณ ปัจจุบัน 425,093 กล่อง กำลังพลจิตอาสาพระราชทาน ร่วมดูแลอำนวยความสะดวกประชาชน จำนวน 3,047 นาย นอกจากนี้ ศูนย์การสุนัขทหาร กรมการสัตว์ทหารบก และกองพันสุนัขทหาร จัดชุดสัตวแพทย์จิตอาสาเคลื่อนที่ร่วมกับสำนักงานปศุสัตว์ จังหวัดสุรินทร์ เพื่อช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงของประชาชนที่ได้รับผลกระทบด้วย

ขอบคุณหน่วยงานภาครัฐทุกภาคส่วน ที่ได้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถในการให้ความช่วยเหลือ ดูแล และอำนวยความสะดวกแก่พี่น้องประชาชนที่อพยพมายังพื้นที่รวบรวมพลเรือน ความร่วมมือของทุกหน่วยงาน ทั้งฝ่ายความมั่นคง หน่วยแพทย์ หน่วยกู้ภัย ตลอดจนหน่วยงานด้านการปกครองและการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม มีส่วนสำคัญในการสร้างความปลอดภัยและความมั่นใจให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ ตลอดจนแสดงถึงความเข้มแข็งและความมีน้ำใจของสังคมไทย ในการดูแลเพื่อนมนุษย์ในยามวิกฤต




กำลังโหลดความคิดเห็น