xs
xsm
sm
md
lg

ยกระดับหัตถกรรมไทยสู่สากล กับ ‘ธีรพจน์ ธีโรภาส’ แห่ง ‘ฆิด-ตา-โขน’

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์






“เราบ่มเพาะมาสักพักแล้ว เรามีโอกาสเข้าใจแล้ว ว่า Craft ในความหมายที่เราสนใจคืออะไร สมัยก่อนเรามองหาความเป็นไทย แต่ตอนนี้เรามองว่า Craft คือ Universal คือของทุกคน ทั่วโลก และมันกำลังจะหายไป ทุกคนควรจะมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์มัน”

“…เราเชื่อว่า Craft เป็นของทั่วโลก ตัวอย่างที่เห็นได้ง่ายที่สุดคือ เรานำเอาลายผ้าถุงอีสาน มาชนกับลายของจีน  ลายกระติ๊บ แต่ขณะเดียวกัน ลายผ้าถุงอีสานก็อาจจะเป็นลายที่โมร็อกโกก็ได้ เป็นลายตะกร้าที่อเมริกาก็ได้ หน้าที่ของเราคือ เราหยิบเทคนิคมาจัด Composition ใหม่”

“เรามีสโลแกนว่า ‘Craft is sexy’ สมัยก่อน คนอาจมอง Craft ว่าทำยากเหลือเกิน หรือซื้อเพราะสงสาร แต่ว่าเราไม่อยากให้คนมองแบบนั้น เราอยากให้ Craft เป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น…”





ลวดลายของเก้าอี้ เฟอร์นิเจอร์ที่เรียงรายอยู่โดยรอบแม้มีกลิ่นอายลวดลายความเป็นไทย ผสานความเป็นเอเชีย หากขณะเดียวกันก็มีความร่วมสมัย สีสันสดใสสไตล์โมเดิร์น รวมทั้ง Accessory อีกหลายชิ้น ยังสะท้อนความสนุกและอารมณ์ขัน เข้าถึงง่าย จับต้องได้ในรูปลักษณ์สะดุดตา

รูปทรงและสีสันอันเป็นเอกลัษณ์เฉพาะตัวนี้ คือแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ที่มีนามว่า ‘ฆิด-ตา-โขน’ (Kitt.Ta.Khon) แม้ก่อตั้งมาได้เพียง 5 ปี แต่ความน่าสนใจในงานออกแบบก็เป็นที่กล่าวถึงและได้รับความสนใจจากลูกค้าในหลากหลายประเทศ


การผสมผสานวัฒนธรรมไทย งานหัตถศิลป์และภูมิปัญญาไทยเข้ากับความเป็นสากลผ่านการออกแบบในแต่ละ Collection, การนำเสนอแนวคิดที่เชื่อมั่นว่างานหัตถกรรมควรได้รับการอนุรักษ์ ขณะเดียวกันก็พร้อมปรับรูปแบบให้เป็นสิ่งที่เข้าถึงง่ายเหมาะกับไลฟ์สไตล์ในปัจจุบัน, การปรับตัวเพื่อข้ามพ้นวิกฤติโควิด, การทำงานร่วมกับชุมชนบนพื้นฐานแห่งความเชื่อมั่น เชื่อใจ, อะไรคือจิตวิญญาณ นิยามความเป็นไทยที่แฝงไว้ในผลงาน

คือหลากหลายประเด็นที่ ‘ผู้จัดการออนไลน์’ ได้รับการบอกเล่าจาก ‘ธีรพจน์ ธีโรภาส’ Co-founder และ Design Director แห่ง ‘ฆิด-ตา-โขน’ (Kitt.Ta.Khon) แบรนด์เฟอร์นิเจอร์สัญชาติไทยที่ภูมิใจนำเสนองานหัตถกรรมไทยสู่สากล


ความเป็นมา ‘ฆิด-ตา-โขน’ (Kitt.Ta.Khon)

สำหรับความเป็นมา หรือการก่อกำเนิดของแบรนด์ ‘Kitt.Ta.Khon’ หรือ ‘ฆิด-ตา-โขน’ นั้น ธีรพจน์เล่าว่า
ปีนี้เป็นปีที่ 5 ของการก่อตั้งแบรนด์

โดยส่วนตัว ธีรพจน์ทำงานอยู่ในวงการเฟอร์นิเจอร์มาสักพักแล้ว มีโอกาสได้ทำงานกับชุมชนหลายแห่ง เคยพาชาวบ้านไป Display สินค้าที่ฝรั่งเศสหลายปี โดยเป็นการทำงานร่วมกับรัฐบาล ในครั้งนั้น เขาทำงานร่วมกับแบรนด์ AYODHYA TRADE 93 ภายใต้โครงการ T-STYLE : ISAAN OBJECT ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หรือ DITP (Department of International Trade Promotion) ซึ่งมีความตั้งใจนำงานหัตถกรรมไทยไปสู่ระดับสากล

ในครั้งนั้น ธีรพจน์มีโอกาสลงพื้นที่ชุมชนอีสาน 30-50 ชุมชน แล้วพาชาวบ้านไปแสดงงานที่ฝรั่งเศส แต่เมื่อทำไปเรื่อยๆ ด้วยระบบของงานราชการ ทุกปีต้องเปลี่ยนชุมชน เปลี่ยนบริบทการทำงานไปเรื่อยๆ เมื่อไม่อยากทำเช่นนั้น ธีรพจน์จึงเริ่มคิดที่จะทำแบรนด์ของตัวเองเพื่อทำงานกับชุมชนอย่างยั่งยืนยิ่งขึ้น

“ตอนแรกยังไม่ได้คิดว่าจะทำอะไร เริ่มจากการเดินทางไปทั่วโลกก่อน ไปโมร็อกโก ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย ไปค้นหาว่าจริงๆ แล้ว Craft และความเป็นไทยคืออะไร กระทั่ง กลับมาไทยและได้มีโอกาสเปิดแบรนด์ ‘ฆิด-ตา-โขน’ เพราะเราคิดว่า เราบ่มเพาะมาสักพักแล้ว เรามีโอกาสเข้าใจแล้ว ว่า Craft ในความหมายที่เราสนใจคืออะไร สมัยก่อนเรามองหาความเป็นไทย แต่ตอนนี้เรามองว่า Craft คือ Universal คือของทุกคน ทั่วโลก และมันกำลังจะหายไป ทุกคนควรจะมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์มัน”


นามนี้มีความหมาย

ธีรพจน์กล่าวถึงที่มาของชื่อแบรนด์ ‘ฆิด-ตา-โขน’ (Kitt.Ta.Khon) ระบุว่า
“ที่มาของชื่อนี้ เริ่มต้นมาจากคำว่า Kitsch ที่หมายถึงดีไซน์ บางคนว่ามันคือ low design ยกตัวอย่างเช่นม้าลายตามศาลพระภูมิ หรือการผูกผ้าสามสี จริงๆ แล้วมันคือสิ่งที่เราเชื่อ เราทำอยู่ทุกวัน คำว่า Kitsch ในที่นี้จึงมีความสนุกสนานของงานหัตถกรรมอยู่”

“ส่วนอีกคำคือคำว่า ‘ผีตาโขน’ เพราะเรามองว่าผีตาโขนคือสีสัน ความสนุกสนาน ดนตรี ช่างฝีมือ เราว่างาน Craft ไม่จำเป็นต้องเรียบร้อยไปซะทุกอย่าง เราเองอยู่กับช่างฝีมือมาตลอด เรารู้ถึงความสนุกสนาน บางทีเขาเปิดเพลงอีสานแล้วสานงานไปด้วย หรือวันนี้ทะเลาะกับแฟนมา ทำให้สานไม่สวย มันมีความเป็นมนุษย์อยู่ด้วย ก็รู้สึกว่าผีตาโขนสื่อถึงตรงนี้ได้ดี จึงรวมเอาคำว่า Kitsch Design กับผีตาโขนมาอยู่ด้วยกัน เป็น ‘ฆิด-ตา-โขน’ (Kitt.Ta.Khon)

“ครั้งแรกที่เราเปิดตัว ตั้งใจไปที่ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นที่ที่ทุกชาติทั่วโลก มา Display รวมกัน Collection แรกของเราเป็นการนำเทคนิคต่างๆ จากทั่วโลกมาผสมผสานกัน”






เอกลักษณ์สำคัญ

ถามว่า มาถึงวันนี้ เอกลักษณ์หรืออัตลักษณ์สำคัญของแบรนด์ ‘ฆิด-ตา-โขน’ คืออะไร
ธีรพจน์ตอบว่า "จริงๆ 5 ปีที่ผ่านมา ผมว่าเราชัดเจนมากขึ้น ถ้าเรามองดีไซน์ของ ฆิด-ตา-โขน แบรนด์เรามีความเนี้ยบมากของช่างฝีมือไทย แต่ก็มีภาษาของคนรุ่นใหม่เข้าไป เช่น เฟอร์นิเจอร์ของเรามีความตะโกนถึงความเป็นโมเดิร์น สีสันฉูนฉาดกว่าที่อื่นๆ แล้วเราก็เป็นแบรนด์ที่พูดถึงความเป็นมนุษย์มากกว่าที่อื่นๆ เช่น คอนเซ็ปต์เก้าอี้เราบางตัว เราไม่ได้พูดถึงลวดลาย แต่เป็นวิธีการทำงาน หรือการที่ทำให้ลูกค้าและช่างฝีมือ Customize ได้ง่าย"

"จุดหลักเราคือมีงานที่เนี้ยบมาก เพราะช่างของเราทำงานในโรงงานพาทเนอร์ที่ทำงานด้านนี้มา 40 ปีแล้ว และมีความเป็นสมัยใหม่ รุ่นใหม่ เข้าไปจับด้วย"






ถามว่า เสียงตอบรับในระดับสากลเป็นอย่างไร
ธีรพจน์ตอบว่า ฆิด-ตา-โขน เปิดในปีที่เกิดโควิด “ปีแรกเราไปฝรั่งเศส ไปเช่าบูธที่นู่น แล้วก็มีเสียงตอบรับดี เพราะแตกต่าง ตอนนั้นเราเปิดตัวเก้าอี้ที่เป็นขาวดำ ปล่อยขน มีความผสมสาน มันไม่เคยมีใครทำมาก่อน เรารวบรวมออเดอร์มาได้เยอะ แต่เมื่อโควิดมา ออเดอร์ก็เริ่มหายไป เราก็เริ่ม Focus ในประเทศมากขึ้น คือจุดเริ่มต้นตอนแรก เรารู้ว่าแนวโน้มในตลาดจะเป็นยังไง เพราะแรกเริ่ม คนที่ยุโรปเขาจะสั่งเป็นคอนเทนเนอร์ แล้วเมื่อเขาสั่งน้อยลงๆ เก้าอี้เราก็ยังส่งไปรษณีย์ได้ในราคาถูก เราออกแบบเก้าอี้ตามขนาดกล่องไปรษณีย์”


ปรับตัวเพื่อข้ามพ้นวิกฤติโควิด

เมื่อเกิดวิกฤติโควิด ธีรพจน์ให้ความสำคัญกับตลาดเมืองไทยมากขึ้น คอนเซ็ปต์ในตอนแรกมีความเป็น Global มาก ก็เริ่มทำตัวสินค้าที่เข้าถึงง่ายขึ้น คนไทยเริ่มรู้จัก

“เมื่อผ่านโควิดมาได้ แนวโน้มการส่งเริ่มเปลี่ยนไป เราจึงคิดว่าเราจะเป็นแบรนด์เฟอร์นิเจอร์แรกๆ ที่ตั้งตัวอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยว แล้วเราก็จะ Focus ที่แบรนด์เรามากขึ้น ให้คนใช้แบรนด์ฆิด-ตา-โขนในการส่งออก แล้วก็ซื้อไปใช้ ก็เปลี่ยนบริบทมากขึ้น จากที่เคยส่งออกเป็นคอนเทนเนอร์ เราก็เปลี่ยนเป็น Retail มากขึ้น ก็มีผลตอบรับดี ซึ่งจริงๆ งานเรา Niche มาก Niche ในที่นี้คือ อาจไม่ใช่ทุกคนชอบ แต่ก็มีความเป็นสากล ดังนั้น ลูกค้าเราจึงมาจากทั่วทุกมุมโลก ทั้งดูไบ อินเดีย สิงคโปร์ ฝรั่งเศส อเมริกา เมื่อเรามีร้านก็ยังกลับไปใช้บริบทของการส่งไปรษณีย์ในราคาถูกได้ เป็น Retail มากขึ้น”






ถามถึงแรงบันดาลใจในการออกแบบแต่ละ Collection
ธีรพจน์ตอบว่า “จริงๆ แล้วทั้งหมด รวบรวมมาจากการที่เราเชื่อว่า Craft เป็นของทั่วโลก ตัวอย่างที่เห็นได้ง่ายที่สุดคือ เรานำเอาลายผ้าถุงอีสาน มาชนกับลายของจีน ลายกระติ๊บ แต่ขณะเดียวกัน ลายผ้าถุงอีสาน ก็อาจจะเป็นลายที่โมร็อกโกก็ได้ เป็นลายตะกร้าที่อเมริกาก็ได้ หน้าที่ของเราคือ เราหยิบเทคนิคมาจัด Composition ใหม่ มาจัดสัดส่วนใหม่ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ปัจจุบันได้ ให้ดูน่าสนใจมากขึ้น หลักๆ มองที่เทคนิค แล้วนำมาเรียบเรียงใหม่ เล่าเรื่องใหม่ครับ”






ทำงานกับชุมชนด้วย ‘Trust’

ถามว่ามีการทำงานกับชาวบ้าน ทำงานกับชุมชนพื้นที่ไหนเป็นพิเศษบ้าง
ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ฆิด-ตา-โขนตอบว่า เราทำงานกับชุมชนอยู่ประมาณ 20 กว่าชุมชนที่มีทั้งที่อีสาน ภาคเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพฯ แต่เราเริ่มจากของเล็กๆ ก่อน เพราะฆิด-ตา-โขน ไม่ใช่แค่แบรนด์เฟอร์นิเจอร์แล้ว แต่เป็น Multimedia Store มีทั้ง Accessory มี Art ในส่วนของวิธีการทำงานกับชุมชน เราใช้วิธีเป็น Curator มากกว่า เรามองหาคนที่เราเห็นว่ามีความสามารถแต่ไม่ได้รับการยอมรับ เราก็เข้าไปคุยกับเขาก่อน ถ้าเขาสนใจ เราก็จะเข้าไปทำงานกับเขา มีทั้งพวงกุญแจกระเป๋า กระป๋อง ถ้าเราจับมาให้อยู่ถูกที่ถูกทาง เห็นคุณค่าของมัน เราก็อาจจะแบ่งการทำงานของชุมชนได้หลายอย่าง เช่น ร่วมดีไซน์กับเขา หรือเอาของเขามาพัฒนาต่อยอด

“ในช่วงปี 2 ปีนี้ เราจะเน้นที่การทำความเชื่อใจ หรือ Trust คือเน้นให้เขาอยู่ได้ด้วย เราสร้างความมั่นใจให้กับเขาว่าเราอยากร่วมงานกับเขาจริงๆ แล้ว Develop ต่อไปเป็นการทำเฟอร์นิเจอร์”






‘Craft is sexy’

ถามถึงความท้าทายใหม่ๆ ที่มองหาหรือลองทำบ้าง
ธีรพจน์ตอบว่า “ตอนนี้เราเริ่มทำแล้ว เรามีสโลแกนว่า ‘Craft is sexy’ สมัยก่อน คนอาจมอง Craft ว่าทำยากเหลือเกิน หรือซื้อเพราะสงสาร แต่ว่าเราไม่อยากให้คนมองแบบนั้น เราอยากให้ Craft เป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น เราอยากเปลี่ยนบริบทความคิดของคน ว่า ‘Craft is sexy’ ของเราคือ แม้เป็น Products ซ้ำกัน แต่มันไม่เหมือนกันเลยสักตัว หรือแม้กระทั่งหาไม่ได้อีกแล้ว
และพยายามนำเสนอความคิดนี้เข้าไปในสังคมให้มากขึ้น เรามีหน้าที่ของเรา คือทำงานหัตถกรรมในพื้นที่ใหม่ๆ แล้วให้พี่ๆ ในชุมชนหรือแบรนด์รุ่นน้องๆ ตามมา ในรูปแบบใหม่ๆ”






อดถามไม่ได้ว่า นิยามความเป็นไทยใน ‘ฆิด-ตา-โขน’ คืออะไร

ธีรพจน์ตอบว่า “จริงๆ แล้ว เมื่อพูดถึงเฟอร์นิเจอร์ ส่วนตัวผมรู้สึกว่า การออกแบบเฟอร์นิเจอร์คือการเรียนรู้จากของเก่าที่มีอยู่แล้ว แต่ว่านำเอาวัฒนธรรมของเรา ภูมิปัญญาและเทคนิคของเราเข้าไปจับ เราจะเห็นว่าเก้าอี้บางตัวอาจจะมองว่าคุ้นตาจัง เหมือนเก้าอี้ยุโรปเมื่อร้อยปีที่แล้ว แต่ผมเอากลับมา Redesign ใหม่ ด้วยวัสดุที่เป็นไทย เป็น Southeast Asia เช่น นำหวายมาดัด ก็จะได้โค้งใหม่ หรือการสานด้วยฝีมือคนไทยที่มีความละเอียดมาก คือไทยเป็นชาติที่มีความละเอียดสูงมาก ถ้าเราไปจัดแสดงอยู่ในทั่วโลกรวมกัน ไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก ลายผ้าถุง ลายกระติ๊บ อะไรแบบนี้ เราก็ต่อยอดจาก Culture เรา ดังนั้น ความเป็นไทยก็อยู่ในเก้าอี้ของเราทุกตัวนี่แหละ เพียงแต่ว่า ตอนนี้โลกมันแคบลง มีความเป็นสากลมากขึ้น เราต้องมองว่าอะไรคือคุณค่าของสิ่งที่เรานำเสนอไป”

คือคำบอกเล่าทิ้งท้ายของดีไซเนอร์แห่งฆิด-ตา-โขน ที่จิตวิญญาณความเป็นไทยและความเป็นสากลได้หลอมรวมสะท้อนผ่านผลงานทุกชิ้นที่ปรากฏ
………
Text By : รพีพรรณ สายัณห์ตระกูล
Photo By : รพีพรรณ สายัณห์ตระกูล, ธีรพจน์ ธีโรภาส