อุปทุตรักษาการสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย เผยสำนักข่าวแห่งชาติมาเลเซีย ไปลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา คาดหวังสันติภาพกลับคืนมา รอคอยผลประชุม GBC ที่กัวลาลัมเปอร์หวังบรรลุหยุดยิงถาวร ด้านทูตทหารเผยเป็นโศกนาฎกรรมสำหรับพลเรือนและเยาวชน หวังข้อตกลงหยุดยิงคงอยู่ระยะยาว
เมื่อวันที่ 1 ส.ค. นายบง ยิก จุย อุปทุตรักษาการสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว สำนักข่าวแห่งชาติเบอร์นามา (BERNAMA) ของมาเลเซียประจำกรุงเทพฯ ทางโทรศัพท์ ถึงกรณีที่กองทัพบกนำคณะทูตและผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ และชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ทำให้คณะผู้แทนได้สัมผัสโดยตรงถึงสภาพความเสียหายและผลกระทบต่อชุมชนท้องถิ่น ซึ่งในฐานะประธานอาเซียน มาเลเซียหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสันติภาพจะกลับคืนมาสู่ประเทศเพื่อนบ้านทั้งสองโดยเร็วที่สุด เพื่อที่ชุมชนตามแนวชายแดนจะสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ
ทั้งนี้ ตนได้รับแจ้งว่า ชาวบ้านที่อยู่อาศัยใกล้ชายแดนขณะนี้ยังไม่สามารถกลับบ้านได้ เพราะมีทุ่นระเบิดฝังอยู่ในจุดที่ไม่ระบุในบริเวณโดยรอบ พร้อมกันนี้ ยังแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุความขัดแย้งในครั้งนี้ด้วย ซึ่งตนจะรอคอยการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) ที่มีประสิทธิผลในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย และหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงหยุดยิงถาวรและดำเนินการกำจัดทุ่นระเบิดให้เสร็จสิ้น เพื่อให้ผู้อพยพภายในประเทศสามารถกลับบ้านได้อย่างปลอดภัยโดยเร็วที่สุด
ด้านพลจัตวาซัมซุล ริซัล มูซา ผู้ช่วยทูตฝ่ายกลาโหมของมาเลเซีย ซึ่งเข้าร่วมการเยือนในครั้งนี้ด้วย กล่าวถึงสถานการณ์ที่ชายแดนไทย-กัมพูชาว่าเป็นโศกนาฎกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับพลเรือนและเยาวชน การเยือนครั้งนี้ทำให้ผู้แทนเข้าใจความเป็นจริงในพื้นที่ได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ ตนหวังว่าข้อตกลงหยุดยิงจะคงอยู่ในระยะยาว และจะไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้นระหว่างไทยและกัมพูชาอีกต่อไป
สำนักข่าวเบอร์นามารายงานข่าวเพิ่มเติม ระบุว่า คณะผู้แทนที่เดินทางไปยังชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งจัดโดยกองทัพบกไปยังชายแดนไทย-กัมพูชา มีผู้เข้าร่วม 105 คน ประกอบด้วย เอกอัครราชทูตและรองหัวหน้าคณะผู้แทนจาก 11 ประเทศ รวมทั้งผู้ช่วยทูตทหารจาก 23 ประเทศที่ประจำอยู่ในกรุงเทพมหานคร
สำหรับความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาเพิ่มขึ้ยจากการปะทะสั้นๆ เมื่อวันที่ 28 พ.ค. กลายเป็นความขัดแย้งด้วยอาวุธเมื่อวันที่ 24 ก.ค. ทำให้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (29 ก.ค.) ไทยและกัมพูชาตกลงที่จะดำเนินการหยุดยิงทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข ภายหลังการประชุมวิสามัญที่เมืองปุตราจายา ซึ่งมีนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนเป็นเจ้าภาพ ทั้งนี้ การประชุมจีบีซีไทย-กัมพูชา มีกำหนดจัดขึ้นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ในวันที่ 5 ส.ค. คาดว่าจะมีทูตฝ่ายกลาโหมจากประเทศอาเซียน รวมทั้งสหรัฐอเมริกาและจีนเข้าร่วม
อย่างไรก็ตาม พลจัตวาซัมซุล รีซัล บิน มูซา ผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซีย ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนไทย ระหว่างการลงพื้นที่เยี่ยมพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ บริเวณปั๊มน้ำมัน ปตท.บ้านผือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ระบุว่า ตนขอแสดงความเสียใจต่อความทุกข์ทรมานที่เกิดจากการปะทะบริเวณชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชาเมื่อเร็วๆ นี้ พร้อมขอบคุณกองทัพบกและรัฐบาลไทยที่อนุญาตให้เขาได้เห็นสถานการณ์ดังกล่าวด้วยตาตนเอง
ทั้งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนั้นชัดเจน โดยเฉพาะในพื้นที่แห่งนี้ สิ่งที่เราเห็นอยู่นี้เป็นเรื่องจริง ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นเห็นได้ชัดเจน ฉันรู้สึกเห็นใจพลเรือนและเด็กๆ เราอยู่ที่นี่ และเรารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกคนรู้ และเข้าใจสถานการณ์ได้อย่างแท้จริง ตนเห็นความหวังเพื่อสันติภาพที่ยั่งยืน ให้มีการหยุดยิงและยุติความขัดแย้ง ประเทศอาเซียนจะยังคงติดตามสถานการณ์นี้ต่อไป เพื่อความปลอดภัยและความสงบสุขของพลเมืองทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชา