xs
xsm
sm
md
lg

ราชการหรือพรรคการเมือง? ศูนย์อพยพภัยการสู้รบกลายร่าง “เวทีโชว์พลังฐานเสียง” หลังทักษิณเยือน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สถานที่ราชการในอำเภอเดชอุดม ถูกแปลงสภาพเป็น “ศูนย์ช่วยเหลือประชาชนของพรรคเพื่อไทย” ทั้งที่มีหน้าที่ดูแลทุกคนโดยไม่แบ่งแยก แต่ภาพจริงที่เกิดขึ้นกลับชวนตั้งคำถาม พรรคอื่นไม่ต้องขึ้นป้ายก็ช่วยได้ แล้วทำไมรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่ต้องมีซีน? ใช่เวลาเคลมในภาวะวิกฤติอย่างนั้นหรือ ข้าราชการลงพื้นที่จริงจัง ขณะที่ฝ่ายการเมืองเหมือนดีแต่โพส-ดีแต่แถลง “ภาพลักษณ์นำ หน้างานตาม” สุดท้ายก็เหลือแต่ประชาชนที่ต้องพึ่งตัวเอง

ภัยเขมรเดือด—แต่การเมืองเดือดกว่า!

สถานการณ์วิกฤตในพื้นที่ประสบภัยสู้รบอย่าง อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี ที่ควรจะเป็นเวทีของ “การบูรณาการภาครัฐเพื่อประชาชน” กลับถูกใช้เป็น “เวทีโชว์พลังทางการเมือง” อย่างน่าคิด เมื่อสถานที่ของ องค์การบริหารส่วนตำบลเดชอุดม ซึ่งควรทำหน้าที่เป็นศูนย์อพยพประชาชนทั่วไป กลับมีป้ายใหญ่เบ้อเริ่มเขียนว่า “ศูนย์ช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยการสู้รบของพรรคเพื่อไทย” แปะทับความเป็น “รัฐ” อย่างไม่เขินอาย

คำถามสำคัญที่ลอยมาพร้อมเสียงน้ำคือ
"ทำไมถึงต้องขึ้นป้ายพรรคในสถานที่ราชการ?"
"แล้วประชาชนที่ไม่ได้เลือกพรรคนี้ เขายังมีสิทธิได้รับการช่วยเหลือไหม?"
"หรือการเป็นศูนย์ช่วยเหลือ ต้องขึ้นตรงกับพรรคที่มีอำนาจเท่านั้น?"

“ทักษิณ” มา ศูนย์คึกคัก “ทักษิณ” กลับ ทุกอย่างเงียบกริบ

แหล่งข่าวจากพื้นที่เล่าว่า ในวันที่ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรีเดินทางมาเยือนศูนย์อพยพดังกล่าว ภาพบรรยากาศดูเหมือน “งานต้อนรับวีไอพี” มากกว่าพื้นที่ภัยพิบัติ มีตำรวจระดับผู้การลงพื้นที่, มีการปิดถนน, สื่อมวลชนรายงานสดอย่างพร้อมเพรียง, และแน่นอน สมาชิกพรรคเพื่อไทย “พร้อมหน้าพร้อมตา” ราวนัดหมายไว้ล่วงหน้า

แต่พอ “ทักษิณ” กลับไป ภาพทุกอย่างก็เปลี่ยน…

– ผู้ว่าฯ หาย
– ส.ส. ล่องหน
– ตำรวจไม่เหลือแม้แต่จุดตรวจ
– ศูนย์อพยพเต็มไปด้วยประชาชน ที่แววตาสิ้นหวัง เต็มไปด้วยความกังวลและหวาดกลัวรอความช่วยเหลืออย่างเงียบๆ

ฐานเสียงสำคัญกว่าประชาชน?

คำถามที่เจ็บแสบที่สุดคือ นี่คือรัฐบาลที่ควรทำเพื่อประชาชน หรือรัฐบาลที่มุ่งรักษาฐานเสียงเป็นหลัก? เพราะหากดูจากพฤติกรรมในพื้นที่ กับป้ายขนาดใหญ่ที่แปะว่า “พรรคเพื่อไทย” ในขณะที่สถานที่นั้นคือของรัฐ ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า การบริหารของรัฐบาลนี้แยกแยะผลประโยชน์สาธารณะกับผลประโยชน์ทางการเมืองไม่ออก

พรรคอื่นๆ ในพื้นที่ ไม่ว่าจะฝ่ายค้านหรือพันธมิตรต่างขั้ว ต่างลงพื้นที่ช่วยประชาชนโดย ไม่ต้องแปะโลโก้ ไม่ต้องตั้งศูนย์เบอร์ใหญ่ แล้วเหตุใดรัฐบาลที่มีทรัพยากรมากที่สุด ถึงยังต้อง “เคลมเครดิต”?

เสียงประชาชน หรือเสียงโซเชียล?

ขณะที่เจ้าหน้าที่ภาคสนาม เช่น ทีมกองทัพไทย, โฆษกศูนย์เฉพาะกิจ, กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงสาธารณสุข ต่างขับเคลื่อนด้วยภารกิจเพื่อชีวิตของประชาชน ฝ่ายการเมืองกลับวนเวียนอยู่กับการโพสต์ภาพ, แถลงข่าวคนละเวที, และประกาศจุดยืนของตัวเองผ่านเฟซบุ๊ก แม้แต่ ส.ส.จากพรรคเดียวกัน ยังต้องออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลทำงาน!

ไร้เอกภาพ ไร้ความชัดเจน — แล้วประชาชนจะหวังอะไร?

ภาพรวมของการจัดการภัยพิบัติในรอบนี้ ไม่มีแม้แต่เงาของ “เอกภาพ” การแถลงข่าวคนละชุดจากหลายกระทรวง การจัดการข้อมูลที่ไม่สอดคล้องกัน และการขาดจุดร่วมในการสื่อสาร ล้วนส่งสัญญาณชัดเจนว่า ฝ่ายการเมืองไม่ได้เรียนรู้จากบทเรียนโควิดเลยแม้แต่น้อย

ทั้งที่ในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ประเทศไทยยังสามารถตั้ง ศูนย์ข้อมูลกลาง แถลงร่วมกันวันต่อวันอย่างมืออาชีพ แต่ในยามภัยรุกรานจากเขมรในตอนนี้ กลับเต็มไปด้วยภาพกระจัดกระจาย ปล่อยให้ข้าราชการวิ่งแก้เกมในแนวหน้าโดยลำพัง

ประชาชนต้องการความจริงใจไม่ใช่เครดิต

เมื่อบ้านเรือนประชาชน กำลังโดนลูกหลงจากภัยความมั่นคงระหว่างประเทศ ชาวบ้านตาดำ ๆ ไม่ต้องการรู้ว่าใครมาจากพรรคไหน ไม่สนใจว่าใครจะขึ้นเวที หรือใครจะโชว์รูปกับทักษิณบนโซเชียล แต่สิ่งที่ประชาชนต้องการคือ การช่วยเหลืออย่างจริงจัง และ "การจัดการที่มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่เพียงการสร้างภาพ"

พรรคเพื่อไทย ในฐานะพรรคเสียงข้างมากของรัฐบาลควร “ลบป้าย” ที่กั้นประชาชนออกจากกัน และหันมา “ติดป้ายเดียว” ที่เขียนว่า “ประเทศไทย” แทนได้หรือยัง?






กำลังโหลดความคิดเห็น