xs
xsm
sm
md
lg

“พรรคประชาชน” จี้ รพ.สรรพสิทธิประสงค์ ยกเลิกนโยบายเลือกปฏิบัติผู้ป่วยกัมพูชา ชี้ขัดหลักมนุษยธรรมสากล หวั่นกระทบภาพลักษณ์ไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รพ.สรรพสิทธิประสงค์งดรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว! "พรรคประชาชน" ชี้ขัดหลักสากล ด้านกรรมการประกันสังคมและเพจดังร่วมแสดงความเห็น

จากกรณีโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี ออกหนังสือประกาศเรื่อง ขอยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารชาวกัมพูชา และการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา

ล่าสุดวันนี้ (31 ก.ค.) เพจ “พรรคประชาชน” ออกมาโพสต์ข้อความเรียกร้องหลักมนุษยธรรมตามกฎหมายสากล โดยได้ระบุข้อความว่า

“[ ทางเดียวของไทย คือต้องกอดหลักมนุษยธรรมตามกฎหมายสากล แก้นโยบายเลือกปฏิบัติโดยด่วน ]

จากกรณีที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี ออกหนังสือประกาศเรื่องการยกเลิกปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้สื่อสารชาวกัมพูชา และการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชาโดยมีรายละเอียด คือ

1. ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารชาวกัมพูชา และจิตอาสาต่างประเทศ
2. ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว
3. ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา
4. ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนรักษาอยู่ในโรงพยาบาล ให้จำกัดพื้นที่ให้ชัดเจน

มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม ถึง 10 สิงหาคม 2568

พรรคประชาชนมีความเห็นว่า ประเทศไทยจะสามารถหยัดยืนในเวทีนานาชาติได้อย่างภาคภูมิใจ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสถานการณ์การใช้กำลังปะทะกันระหว่างประเทศนั้น ก็ด้วยการยึดมั่นหลักมนุษยธรรมและหลักกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นหลักประกันว่าประเทศไทยจะไม่ดำเนินการใดๆ ที่ทำให้ไทยเสียเปรียบในเวทีระหว่างประเทศ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อนุสัญญาเจนีวา 4 ฉบับ ลงวันที่ 12 สิงหาคม 2492 โดยประเทศไทยได้ลงนามเมื่อปี 2497 ว่าด้วยกฎการทำสงครามและหลักสิทธิมนุษยชนในยามสงคราม โดยเฉพาะ ภาค 2 ข้อ 12 “ผู้สังกัดในกองทัพและบุคคลอื่นที่จะได้กล่าวถึงในข้อต่อไปนี้ ซึ่งบาดเจ็บหรือป่วยไข้ จะต้องได้รับความเคารพและคุ้มครองในทุกพฤติการณ์ บุคคลเหล่านี้จะต้องได้รับการปฏิบัติและรักษาพยาบาลด้วยมนุษยธรรมโดยคู่พิพาทซึ่งตนตกอยู่ในอำนาจ โดยไม่คำนึงถึงลักษณะความแตกต่างอันเป็นผลเสื่อมเสียเนื่องมาแต่เพศ เชื้อชาติ สัญชาติ ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมือง หรือเหตุอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน…”

การเลือกปฏิบัติของโรงพยาบาลในการรักษาผู้ป่วย ถือว่าขัดต่อหลัก International Humanitarian Law จะทำให้ประเทศไทยเสียหายมากในเวทีโลก และเสี่ยงต่อการถูกกัมพูชานำไปขยายผลในเวทีระหว่างประเทศ

พรรคประชาชนได้รับข้อมูลว่ากระทรวงสาธารณสุขและแพทยสภา รวมถึง ศบ.ทก.ได้รับแจ้งเรื่องนี้แล้ว ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งออกแนวปฏิบัติที่ชัดเจนสอดคล้องกับหลักสากล

พรรคประชาชนขอย้ำอีกครั้งว่าความขัดแย้งครั้งนี้เป็นเรื่องระหว่างรัฐต่อรัฐ เราไม่ต้องการให้ความขัดแย้งบานปลายกลายเป็นความขัดแย้งเกลียดชังระหว่างประชาชน เพราะถึงที่สุดแล้ว ไทยและกัมพูชายังจะต้องกลับมามีความสัมพันธ์ต่อกันในฐานะประเทศเพื่อนบ้านที่มีการติดต่อแลกเปลี่ยนทั้งทางเศรษฐกิจและสังคมต่อไป“

นอกจากนี้ยังพบว่า นายศิววงศ์ สุขทวี หนึ่งในกรรมการประกันสังคม โพสต์เฟซบุ๊คระบุว่า เสียใจกับข่าวโรงพยาบาลไทยงดให้บริการชาวกัมพูชา ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ก็เป็นเรื่องที่เสียใจมากกับการตัดสินใจของโรงพยาบาลไทยบางแห่งจะไม่ให้บริการชาวกัมพูชา การกระทำเช่นนี้สะท้อนให้เห็นว่าเรากำลังเลือกใช้ความเกลียดชัง และความกลัว เป็นเครื่องมือในการต่อสู้ทางการเมือง ซึ่งเป็นแนวทางที่สวนทางกับการต่อสู้ในยุคปัจจุบันโดยสิ้นเชิง   
 
สงครามในวันนี้คือสงครามแห่งหัวใจ เป็นเรื่องของการสร้างภาพลักษณ์ ความชอบธรรม และการเอาชนะใจผู้คน การใช้ความเกลียดชังและความกลัวเป็นอาวุธเพียงแต่จะสร้างความแตกแยกและไม่นำไปสู่ชัยชนะที่ยั่งยืน

หลายคนในสังคมไทยอาจจะไม่เห็นด้วย แต่เชื่อเถอะ ตอนนี้เป็นการต่อสู้เพื่อเอาชนะใจผู้คนให้ได้ และมันต้องใช้สิ่งที่ตรงข้ามกับความเกลียดชังและความกลัว นั่นคือ ความเข้าใจ ความเห็นอกเห็นใจ และความกล้าหาญที่จะก้าวข้ามอคติ ถึงเวลาเปลี่ยนแนวทางในการต่อสู้ หันกลับมาใช้แนวทางที่สร้างสรรค์และมีมนุษยธรรมมากขึ้นในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ไม่ใช่ด้วยการปิดกั้นหรือปฏิเสธผู้อื่น แต่ด้วยการเปิดใจและสร้างความเข้าใจร่วมกัน 

ด้านเพจ "หมออนามัยขี้mouth"  โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นดังกล่าวด้วยเช่นกัน โดยมีใจความว่า

“ประเทศไทยยินดีรับรักษาทหารและพลเรือนกัมพูชาได้ครับ เพื่อให้เป็นไปตามหลักมนุษยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ

เพราะบุคลากรการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศไทยไม่เคยแบ่งเชื้อชาติ ไม่เคยแบ่งมิตรศัตรูอยู่แล้ว

แต่มีเงื่อนไขเพียง 3 ข้อ คือ
1. กัมพูชาต้องชดใช้โรงพยาบาล และรพ.สต.ก่อน ด้วยการสร้างโรงพยาบาล และ พ.สต.ให้ใหม่
2. กัมพูชาต้องชดเชยค่าเสียหายบ้านเรือน ร้านค้า โรงเรียน ฯลฯ รวมถึงชีวิตประชาชนที่ไม่ได้อยู่ในแนวรบ ที่กัมพูชายิงถล่ม
3. กัมพูชาต้องยอมรับว่าเป็นผู้ที่ทำการละเมิดและรุกรานประเทศไทยก่อน

ถ้ารับสามข้อนี้ได้ ประเทศไทยก็พร้อมรับคนกัมพูชาที่จะมารักษาที่ประเทศไทยครับ"


กำลังโหลดความคิดเห็น