โฆษกรัฐบาลกัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหาจากไทย ชี้เป็นการบิดเบือน ไม่สะท้อนธรรมชาติที่แท้จริงของกัมพูชาที่รักสันติ ย้ำกัมพูชากำลังอุทิศเวลาพัฒนาสู่เป้าหมายเป็นประเทศรายได้สูงในปี 2593 จึงต้องหลีกเลี่ยงสงครามอย่างเด็ดขาด
นายเพ็ญ โบนา หัวหน้าหน่วยโฆษกรัฐบาลกัมพูชา แถลงข่าวเมื่อเช้าวันนี้ (30 ก.ค.) ว่า กัมพูชายังคงยึดมั่นที่จะธำรงไว้ซึ่งสันติภาพไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม และข้อกล่าวหาล่าสุดของไทยไม่ได้สะท้อนถึงธรรมชาติที่แท้จริงของกัมพูชาในฐานะประเทศรักสันติ
“ตลอดสามทศวรรษที่ผ่านมา สันติภาพได้กลายเป็นเอกลักษณ์ของกัมพูชา เราบรรลุสันติภาพอย่างสมบูรณ์เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2541 ผ่านนโยบายที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ (Win-Win Policy) ของสมเด็จเดโชฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีและประธานวุฒิสภาคนปัจจุบัน สันติภาพคือรากฐานของการพัฒนาและการเติบโตของกัมพูชาในปัจจุบัน
“นั่นคือเหตุผลที่รัฐบาลกัมพูชาให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อการรักษาสันติภาพสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม” นายเพ็ญ โบนา กล่าว
นายเพ็ญ โบนา กล่าวอีกว่า ล่าสุดมีข้อกล่าวหาว่า 1. กัมพูชาเป็นผู้รุกราน 2. กัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มความขัดแย้ง 3. กัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มการยิง และ 4. กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงที่บรรลุเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ที่ประเทศมาเลเซีย ข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่มีมูลความจริงและไม่ได้สะท้อนถึงธรรมชาติที่แท้จริงของกัมพูชาในฐานะประเทศที่มุ่งมั่นสร้างสันติภาพ
นายเพ็ญ โบนา ย้ำอีกว่า รัฐบาลแห่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติสมัยที่ 7 นำโดยนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต ได้ริเริ่มยุทธศาสตร์ห้าเหลี่ยม โดยมีเป้าหมายเพื่อเปลี่ยนกัมพูชาให้เป็นประเทศที่มีรายได้สูงภายในปี 2593 ความมุ่งมั่นนี้มีรากฐานมาจากสันติภาพ ดังนั้น กัมพูชาต้องรักษาสันติภาพเพื่ออุทิศเวลาและทรัพยากรอย่างเต็มที่ให้กับการสร้างและพัฒนาประเทศ ในแง่นี้ ความขัดแย้งหรือสงครามด้วยอาวุธใดๆ เป็นสิ่งที่กัมพูชาต้องหลีกเลี่ยงอย่างเด็ดขาด
