วันนี้ (28 ก.ค.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต และประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก แจ้งความคืบหน้าเรื่องยอดบริจาคสำหรับมอบโดรนพิเศษให้กองทัพภาคที่ 2 ดังนี้
จากการที่มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินได้เปิดโครงการเติมโดรนพิเศษให้กับกองทัพภาคที่ 2 ยอดบริจาคถึงเวลา 14.35 น.ของวันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม 2568 รวมทั้งสิ้นประมาณ 56 ล้านบาท จึงได้ประสานความจำเป็นหน้างานและตามสถานการณ์จริง และได้ทำการสั่งทำโดรนพิเศษของคนไทยและแอนตี้โดรน คลื่นความถี่ของไทย และซอฟต์แวร์ไทย เพื่อความมั่นคงรอบด้าน ทำให้ไม่สามารถจับสัญญาณโดยโดรน โลเกชัน หรือแอนตี้โดรนในตลาดที่มีอยู่ขณะนี้ได้ ดังรายการต่อไปนี้
รายการแรก สร้างโดรนของไทย (อากาศยานไร้คนขับ) ทิ้งระเบิดชนิดพิเศษ จำนวน 50 ลำ มูลค่า 17,655,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว) ไม่สามารถถูกตรวจจับโดยโดรน โลเกชันได้ ซึ่งทางแม่ทัพภาคที่ 2 และรวมถึงทางมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินสัมภาษณ์ผู้ใช้หน้างานจริงยืนยันว่าใช้งานได้ดีมาก ขณะนี้สั่งทำเรียบร้อยแล้ว
ต่อมาพบปัญหาใหม่เร่งด่วนว่ากัมพูชามีเครื่องมือโดรน โลเกชัน ดักจับสัญญาณผู้บังคับรีโมตคอนโทรล โดรนลาดตระเวนของจีน ยี่ห้อ DJI ได้ อันเป็นความเสี่ยงที่จะถูกโจมตีกลับอันเป็นอันตรายต่อร่างกายและชีวิตของทหารไทยที่ใช้โดรนลาดตระเวนจากจีนยี่ห้อ DJI จึงได้ขยายขอบเขตของโครงการไปมากกว่าเดิม ดังรายการที่สองและที่สามต่อไป
รายการที่สอง สร้างโดรนของไทย (อากาศยานไร้คนขับ) สำหรับลาดตระเวนระบุพิกัด ภาพมีความละเอียดสูง เพื่อทดแทนโดรนลาดตระเวน DJI ที่นำเข้าจากจีนทั้งหมด และไม่สามารถถูกตรวจจับโดยโดรน โลเกชันได้ ซึ่งจะทำให้ทหารไทยมีความปลอดภัยขึ้นโดยไม่ถูกโจมตีกลับ จำนวน 20 ลำ มูลค่า 13,910,000 (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ขณะนี้สั่งทำเรียบร้อยแล้ว
รายการที่สาม แอนตี้โดรนของไทย (ระบบต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ) สำหรับการป้องกันโดรนลาดตระเวนและโดรนทิ้งระเบิดจากต่างชาติในอนาคตและสามารถเพิ่มย่านความถี่ได้ หากกัมพูชาปรับตัวเร่งจัดหาโดรนทิ้งระเบิดในเร็ววันนี้ โดยเห็นว่าจะจัดหาระบบแอนตี้โดรนให้กับกองทัพภาคที่ 2 เบื้องต้น จำนวน 10 แห่ง มูลค่า 21,400,000 ล้านบาท ขณะนี้สั่งทำเรียบร้อยแล้ว
รวมเป็นโดรนไทย 70 ลำ และแอนตี้โดรนไทย 10 ระบบ เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 52,965,000 ล้านบาท ทำให้คงเหลือเงินบริจาคขณะนี้ประมาณ 3,035,000 บาท
อย่างไรก็ตาม จากการประเมินพบว่าแอนตี้โดรนของไทย (ระบบต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ) ยังมีความจำเป็นขั้นต่ำต้องใช้อีก 10 แห่งขึ้นไป จึงจะครอบคลุมพื้นที่เสี่ยงภัยต่อโดรนลาดตระเวนและโดรนทิ้งระเบิดจากฝั่งกัมพูชาในอนาคต วงเงินงบประมาณ 21,400,000 บาท
เมื่อเหลือเงินอยู่ 3,035,000 บาท จึงทำให้ขาดงบประมาณสำหรับสร้างแอนตี้โดรนอีก 18,365,000 บาท เพื่อให้ครอบคลุมสถานที่อีก 10 แห่ง รวมถึงการจัดหาโดรนโลเกชันเพื่อตอบโต้ฝั่งกัมพูชาด้วย หากมีงบประมาณเหลือพอ
มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินจึงมีมติจะขยายเวลาเปิดรับบริจาคไปจนถึงเที่ยงคืนวันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม 2568 ได้มากแค่ไหนก็จะส่งมอบต่อให้กองทัพต่อไปเท่านั้น
โดยท่านที่สนใจสามารถเข้าร่วมบริจาคโครงการเพื่อจัดซื้อโดรนพิเศษทิ้งระเบิดของไทย โดรนลาดตระเวนไทย และแอนตี้โดรนไทย ให้กับกองทัพภาคที่สอง ได้ที่ บัญชีออมทรัพย์ มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ธนาคารกสิกรไทย เลขที่ 0082181999 (โปรดระวังมิจฉาชีพ ไม่มีสแกนคิวอาร์โค้ด หรือกดลิงก์บัญชีใดๆเด็ดขาด)
โดยเงินทุกบาทของทุกท่านจะเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของประชาชนที่สนับสนุนกองทัพในการปกป้องอธิปไตย และทำให้ทหารมีความปลอดภัย อย่างน่าภาคภูมิใจสืบไป
ด้วยจิตคารวะและกราบขอบพระคุณทุกท่านมา ณ โอกาสนี้
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน
28 กรกฎาคม 2568