xs
xsm
sm
md
lg

กองทัพไทยสรุปสถานการณ์ 26 ก.ค.ยังปะทะต่อเนื่อง ไทยยึดภูมะเขือสำเร็จ ไล่เขมรพ้นพื้นที่ละเมิด MOU 43 4 จุด ทหารสละชีพเพิ่ม 1 นาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กองบัญชาการกองทัพไทยสรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา วันที่ 26 ก.ค. ยังคงมีการปะทะต่อเนื่อง สองฝ่ายเสริมกำลังเพิ่มในพื้นที่สำคัญ กัมพูชายังยิงปืนใหญ่ตกพื้นที่ชุมชน อพยพประชาชนแล้ว 9.7 หมื่นคน ทหารเสียชีวิตเพิ่ม 1 นาย และบาดเจ็บเพิ่ม 11 นาย ด้านกองทัพภาคที่ 1 สามารถขับไล่ทหารกัมพูชาออกจาก 4 พื้นที่ละเมิด MOU 43

บันทึกเหตุการณ์การปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา วันที่ 26 กรกฎาคม 2568

จากรายงานของศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 กองทัพบก และกองทัพเรือ ได้สรุปสถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พบว่าสถานการณ์ยังคงมีการปะทะอย่างต่อเนื่อง โดยทั้งสองฝ่ายได้มีการเสริมกำลังเพิ่มเติม โดยเฉพาะในพื้นที่สำคัญ ได้แก่ ช่องบก ช่องอานม้า ซำแต ช่องตาเฒ่า ภูมะเขือ ปราสาทตาควาย และกลุ่มปราสาทตาเมือนธม โดยมีการยิงปืนใหญ่ตกในพื้นที่พลเรือนหลายแห่ง อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว ในขณะเดียวกัน มีการอพยพพนักงานกาสิโนชาวกัมพูชาออกจากบ่อนบริเวณชายแดนฝั่งตรงข้ามช่องสายตะกู จังหวัดบุรีรัมย์

สรุปสถานการณ์ในพื้นที่สำคัญ ดังนี้

ช่วงบ่ายของวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 กำลังฝ่ายกัมพูชาได้ระดมยิงปืนใหญ่ ค. และ BM-21 อย่างหนัก พร้อมพยายามเข้ารุกรานพื้นที่สำคัญ ได้แก่ ซำแต ภูผี ช่องตาเฒ่า และปราสาทตาเมือนธม โดยฝ่ายไทยได้ตอบโต้ด้วยอาวุธประจำกาย ปืนใหญ่ ค. และการโจมตีทางอากาศในพื้นที่ช่องอานม้า ภูผี ช่องตาเฒ่า และช่องบันไดหัก

ฝ่ายไทยสามารถยึดควบคุมพื้นที่ภูมะเขือได้ทั้งหมดตามแนวเส้น 1:50,000 ส่วนพื้นที่ปราสาทตาควายยังคงมีความพยายามผลักดันจากฝ่ายกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง แต่จำกัดการใช้กำลังเนื่องจากอยู่ใกล้โบราณสถาน สำหรับพื้นที่ที่มีการปะทะหนัก ได้แก่ ภูมะเขือ ปราสาทตาเมือนธม ช่องบก ช่องอานม้า ซำแต และช่องตาเฒ่า


พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ได้แก่ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ และอำเภอกาบเชิง กับอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ โดยคาดว่าฝ่ายกัมพูชาอาจใช้วิธีการยิงปืนใหญ่โจมตีพื้นที่พลเรือน เพื่อกดดันให้รัฐบาลไทยยุติการสู้รบในสภาพเสียเปรียบ

ในส่วนของกองกำลังบูรพา กองทัพภาคที่ 1 ได้ดำเนินการผลักดันและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างของฝ่ายกัมพูชาที่รุกล้ำเข้ามาในเขตแดนประเทศไทย อันเป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2543 รวมทั้งสิ้น 4 พื้นที่ ในเขตอำเภอตาพระยา 2 พื้นที่ และอำเภอโคกสูง 2 พื้นที่ จังหวัดสระแก้ว


ขณะที่พื้นที่จังหวัดตราด ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดพื้นที่โจมตีใหม่ในเวลา 05.10 นาฬิกา ของวันนี้ (26 กรกฎาคม 2568) จากนั้นกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราดได้ตอบโต้ด้วยการเปิดปฏิบัติการ “ยุทธการตราดพิฆาตไพรี 1” ณ บ้านชำราก จังหวัดตราด โดยส่งกำลังพลและเรือป้องกันชายแดนเข้าไปผลักดันและทำลายพื้นที่ที่ทหารกัมพูชารุกล้ำเขตแดนไทย 3 จุด จนกระทั่งเวลา 06.40 น.ของวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 ฝ่ายกัมพูชาต้องล่าถอยออกจากพื้นที่ดังกล่าว

ในด้านการอพยพประชาชน ได้มีการอพยพประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงภัยตามแนวชายแดนเข้าสู่พื้นที่ปลอดภัยและศูนย์รวบรวมพลเรือนใน 4 จังหวัด ดังนี้
- จังหวัดบุรีรัมย์: 1 จุด 8,363 คน
- จังหวัดสุรินทร์: 65 จุด 39,350 คน
- จังหวัดศรีสะเกษ: 82 จุด 35,009 คน
- จังหวัดอุบลราชธานี: 76 จุด 14,709 คน

รวมประชาชนที่อพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยแล้วทั้งสิ้น 97,431 คน (เพิ่มขึ้น 9,393 คน) ส่วนจังหวัดตราด ขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจและรวบรวมจำนวนผู้อพยพ

ด้านการช่วยเหลือประชาชน กำลังจิตอาสาพระราชทานในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งในการช่วยเหลือประชาชน อำนวยความสะดวกในศูนย์พักพิงชั่วคราว และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ และกำลังพลจิตอาสา 904 จาก ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน จ.ใกล้เคียง รวมทั้งสิ้น จิตอาสา 904 129 นาย, จิตอาสาประชาชน 2,480 และ รด.จิตอาสา 220 นาย

นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้งโรงครัวพระราชทานเพื่อประกอบอาหารดูแลประชาชนผู้อพยพ โดยมีโรงครัวพระราชทานในพื้นที่ 4 จังหวัด จำนวน 7 แห่ง พร้อมรถครัวประกอบอาหาร 9 คัน ซึ่งได้ผลิตข้าวกล่องเพื่อแจกจ่ายแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ตั้งแต่วันที่ 24-26 กรกฎาคม 2568 รวมจำนวน จำนวน 100,100 กล่อง

สรุปสถานการณ์ผู้ได้รับผลกระทบจากการปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ณ วันที่ 26 กรกฎาคม 2568 เวลา 14.00 น.

ยอดเพิ่มเติมเฉพาะวันที่ 26 กรกฎาคม 2568
ทหาร
เสียชีวิต: เพิ่ม 1 นาย
บาดเจ็บ: เพิ่ม 11 นาย

ยอดสะสมรวมตั้งแต่เกิดเหตุการณ์จนถึงปัจจุบัน
1. พลเรือน
เสียชีวิต: 13 ราย
บาดเจ็บสาหัส: 10 ราย
บาดเจ็บปานกลาง: 12 ราย
บาดเจ็บเล็กน้อย: 13 ราย
รวมทั้งสิ้น: 48 ราย

2. ทหาร
เสียชีวิต: 7 นาย
บาดเจ็บ: 45 นาย
รวมทั้งสิ้น: 52 นาย

กองทัพไทยขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่ฝ่ายกัมพูชารุกล้ำอธิปไตยของไทย และขอประณามอย่างรุนแรงต่อการที่ฝ่ายกัมพูชาใช้อาวุธโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมาย ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ การกระทำดังกล่าวขัดต่อหลักมนุษยธรรม กฎหมายระหว่างประเทศ และหลักความมั่นคงที่พึงมีระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน

ทั้งนี้ กองทัพไทยยืนยันจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติและดูแลความสงบสุขของประชาชนชาวไทยอย่างถึงที่สุด


กำลังโหลดความคิดเห็น