สื่อเขมรวอนชาวโลกอย่าตัดสินกัมพูชาจากปัญหาในอดีตว่าเป็นศูนย์กลางแก๊งสแกมเมอร์ ขอให้ดูการกระทำปัจจุบันและวิสัยทัศน์ในอนาคตของรัฐบาล ยันมุ่งมั่นกวาดล้างอาชญากรรมออนไลน์จริงจัง ไม่ใช่แค่สร้างภาพ กัมพูชาไม่ใช่ปัญหาแต่จะเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาระดับโลก
ภายหลังจากนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ลงนามในคำสั่งกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในกัมพูชา เมื่อวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา ทำให้มีการจับกุมแก๊งอชญากรรมออนไลน์ในหลายจังหวัดทั่วประเทศ เช่น ในกรุงพนมเปญ เมืองสีหนุวิลล์ เมืองปอยเปต จังหวัดกระแจะ จังหวัดอุดรมีชัย จังหวัดกัมปงสปือ เป็นต้น ล่าสุด วันนี้(18 ก.ค.) สำนักข่าว Khmer Times เผยแพร่รายงานพิเศษในหัวข้อ “สงครามอันไม่หยุดยั้งของกัมพูชาต่อการฉ้อโกงออนไลน์: จากวิกฤตชาติสู่ความรับผิดชอบระดับโลก” มีใจความว่า ปัจจุบันกัมพูชากำลังมุ่งมั่นและเป็นกำลังสำคัญระดับแนวหน้าของการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ระดับโลก ในยุคที่กลุ่มอาชญากรใช้เครื่องมือดิจิทัลเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากกลุ่มเปราะบาง ฟอกเงินจากการกระทำที่ผิดกฎหมาย และลักลอบค้ามนุษย์ข้ามพรมแดน รัฐบาลกัมพูชา ภายใต้การนำอันเข้มแข็งของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ได้ริเริ่มการรณรงค์อย่างไม่ลดละและต่อเนื่องเพื่อกำจัดภัยร้ายนี้ให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินกัมพูชา
นี่ไม่ใช่การแสดงออกทางการเมืองชั่วคราว แต่เป็นการระดมกำลังจากรัฐบาลทั้งหมด ซึ่งได้รับการประสานงาน การบังคับบัญชา และการหนุนหลังจากผู้มีอำนาจสูงสุด
ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ได้ขึ้นเป็นประธานคณะกรรมการแห่งชาติเพื่อปราบปรามการหลอกลวงทางออนไลน์และการพนันผิดกฎหมายด้วยตนเอง คณะกรรมการนี้ประกอบด้วยรัฐมนตรีอาวุโส ผู้นำทหาร ตำรวจแห่งชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ คณะกรรมการมีอำนาจในการกำกับดูแลการปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายทั่วราชอาณาจักร ภารกิจของคณะกรรมการประกอบด้วยการส่งกำลังทหาร การกำจัดแหล่งหลอกลวง การดำเนินคดีกับหัวหน้าแก๊งค้ามนุษย์ และการช่วยเหลือและฟื้นฟูเหยื่อการค้ามนุษย์
การปราบปรามครั้งนี้ไม่ใช่เพียงสัญลักษณ์ แต่เป็นการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ขยายผลอย่างไม่หยุดยั้ง
ในเดือนนี้เอง นายกวง สเรง ผู้ว่าราชการกรุงพนมเปญ ได้จัดตั้งหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจต่อต้านการหลอกลวงออนไลน์ขึ้นในระดับเมืองหลวง ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของนายกรัฐมนตรี หน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจชุดใหม่นี้ทำหน้าที่เป็นต้นแบบสำหรับการบังคับใช้กฎหมายในระดับท้องถิ่น ซึ่งสามารถดำเนินการด้านข่าวกรองได้อย่างรวดเร็ว กำจัดเครือข่ายอาชญากรในเขตเมือง และประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานระดับชาติ นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งที่ชัดเจนให้หน่วยงานภาครัฐทุกระดับ ทั้งระดับชาติ ระดับเทศบาล และระดับจังหวัด ดำเนินการอย่างเด็ดขาด เร่งด่วน และโปร่งใส
จนถึงปัจจุบัน เว็บไซต์ผิดกฎหมายกว่า 18,000 แห่งถูกปิดตัวลง และมีการทลายศูนย์หลอกลวงออนไลน์หลายสิบแห่ง มีผู้ถูกจับกุมหลายร้อยคน และช่วยเหลือเหยื่อได้มากกว่า 1,000 คน ผู้บริสุทธิ์ไม่ควรถูกจับเป็นตัวประกันและตกเป็นทาสของแก๊งอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กัมพูชามุ่งมั่นที่จะปกป้องผู้ตกเป็นเหยื่อ ผ่านการช่วยเหลือ การฟื้นฟู และให้ความยุติธรรม
แต่การบังคับใช้กฎหมายเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ กลยุทธ์การปราบปรามการหลอกลวงออนไลน์ของกัมพูชาตั้งอยู่บนเสาหลักสามประการ ได้แก่
1. ความโปร่งใสและความรับผิดชอบ: การบุกตรวจค้นทุกครั้งต้องนำไปสู่ความยุติธรรม กัมพูชามุ่งมั่นที่จะเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับการจับกุม การช่วยเหลือ และการตัดสินลงโทษ เพื่อสร้างความมั่นใจแก่สาธารณชนและพิสูจน์ว่าความพยายามเหล่านี้ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม
2. การคุ้มครองเหยื่อ: เหยื่อการหลอกลวง ทั้งชาวกัมพูชาและชาวต่างชาติ ไม่ใช่อาชญากร พวกเขาคือผู้รอดชีวิต สำนักงานปราบปรามการฉ้อโกงระหว่างประเทศ ของกัมพูชา กำลังทำงานร่วมกับสถานทูต องค์กรพัฒนาเอกชน และองค์กรระหว่างประเทศ เพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขาจะได้รับการปฏิบัติอย่างมีมนุษยธรรม บันทึกเอกสารอย่างถูกต้อง การดูแลรักษาทางการแพทย์ และการส่งตัวกลับประเทศอย่างปลอดภัย
3. ความร่วมมือระดับภูมิภาคและระดับโลก: นี่เป็นปัญหาข้ามชาติที่ไม่มีประเทศใดสามารถแก้ไขได้โดยลำพัง กัมพูชากำลังเสริมสร้างความร่วมมือกับประเทศสมาชิกอาเซียน ตำรวจสากล และประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน อินเดีย และมาเลเซีย เพื่อแลกเปลี่ยนข่าวกรองและปราบปรามแก๊งอาชญากรที่ปฏิบัติการข้ามพรมแดน
หัวใจสำคัญของกลยุทธ์นี้คือความเชื่อมั่นในพลังของการตระหนักรู้ของพลเมือง รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้ประชาชนทุกคนตื่นตัวและรายงานกิจกรรมที่น่าสงสัย กระทรวงและรัฐบาลท้องถิ่นกำลังลงทุนในการรณรงค์ด้านความรู้ดิจิทัลและการศึกษาสาธารณะ เพื่อให้ชาวกัมพูชาสามารถรับรู้ ต่อต้าน และรายงานการหลอกลวงออนไลน์ได้
สำหรับผู้ที่ยังคงตั้งคำถามต่อความมุ่งมั่นของกัมพูชา ขอให้บันทึกนี้บอกเล่าว่าราชอาณาจักรแห่งนี้ได้เลือกเส้นทางที่ยากลำบาก เส้นทางที่เรียกร้องเจตจำนงทางการเมือง ความซื่อสัตย์ขององค์กร และความกล้าหาญอย่างไม่หวั่นไหว เราจะไม่ยอมให้ดินแดนของเราถูกยึดครองโดยผลประโยชน์จากการกระทำที่ผิดกฎหมาย กัมพูชาไม่ใช่ปัญหา แต่เป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหา
เราขอเรียกร้องให้ประชาคมนานาชาติอย่าตัดสินกัมพูชาจากปัญหาในอดีต แต่ให้ตัดสินด้วยการกระทำในปัจจุบันและวิสัยทัศน์ในอนาคต รัฐบาลของเราได้ขีดเส้นแบ่งที่ชัดเจนไว้แล้วว่า เครือข่ายหลอกลวงทางออนไลน์ ขบวนการค้ามนุษย์ และอาชญากรรมทางการเงิน ไม่เป็นที่ต้อนรับในกัมพูชา และจะไม่มีวันอีกต่อไป