“จตุพร พรหมพันธุ์” เปิดเวที “ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว” ซัดรัฐบาลเพื่อไทยและอดีตนายกฯ “ทักษิณ ชินวัตร” ขาดความจริงใจทางการเมือง ปล่อยผลประโยชน์ส่วนตัวครอบงำชาติ วิจารณ์ไทยตกเป็นเมืองขึ้นกัมพูชา-ต่างชาติ แฉคลิปเสียงคือการจัดฉาก หวังปั่นเกมการเมือง แฉโครงการดิจิทัล 10,000 บาทคือเครื่องมือซื้อเสียง พร้อมเปรียบเวียดนามเดินหน้าปราบโกง ในขณะที่ไทยจมปลัก “ระบบใต้โต๊ะ”
เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2568 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ขึ้นเวทีเสวนาในงาน “ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว ครั้งที่ 3” ภายใต้หัวข้อ “17 ปีแห่งการทวงคืนอธิปไตยชาติ” โดยได้กล่าวโจมตีรัฐบาลเพื่อไทยอย่างดุเดือด พร้อมวิพากษ์อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ ชินวัตร ว่ากำลังเล่นเกมการเมืองเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน โดยไร้ความจริงใจต่อประชาชนและประเทศชาติ
นายจตุพรชี้ว่า การปรากฏตัวของนายทักษิณในงานสัมภาษณ์พิเศษ “55 ปี เนชั่น Exclusive Talk” หลังจากห่างหายจากสื่อไปนาน เป็นการจัดฉากทางการเมืองที่มาพร้อมกับการปล่อยคลิปเสียง เพื่อควบคุมและกำกับทิศทางทางการเมืองอย่างเป็นระบบ ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนถึงการตกลงผลประโยชน์ไว้ล่วงหน้า โดยมีบุคคลระดับต่างชาติอย่างสมเด็จฮุนเซน เข้ามาเกี่ยวข้องเบื้องหลัง เขายังเสียดสีว่า “ถ้าไม่ดีลกันไว้ก่อน ใครจะกล้าเผยแพร่คลิปแบบนั้นออกมา”
นายจตุพรยังตั้งคำถามต่อความสามารถของนายกรัฐมนตรีปัจจุบัน “นายกฯ อุ๊งอิ๊ง” ว่าไร้ความชัดเจน ปล่อยให้ผลประโยชน์ส่วนตัวของคนบางกลุ่มมากำกับทิศทางของประเทศ โดยเฉพาะการถอนร่างกฎหมายกาสิโน ซึ่งเขามองว่าเป็นเพียงความพยายามเอาใจผู้นำกัมพูชาโดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ของชาติ
ประเด็นร้อนอีกเรื่องที่ถูกหยิบยกขึ้นมา คือข้อกล่าวหาว่าไทยกำลังตกอยู่ในสถานะ “เบี้ยล่างกัมพูชา” โดยเฉพาะการเจรจาที่รัฐบาลไทยยอมจ่ายค่าชดเชยให้กัมพูชากว่า 100 ล้านบาท โดยอ้างว่าไม่มีความสัมพันธ์ส่วนตัวใดๆ นายจตุพรตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดการยินยอมเช่นนี้จึงเกิดขึ้น หากไม่มีเบื้องหลังที่มากกว่าที่ปรากฏ
ในด้านนโยบายเศรษฐกิจ เขาวิจารณ์โครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทว่า เป็นเพียงเครื่องมือซื้อเสียง ไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริง พร้อมเปรียบเทียบสถานการณ์ว่า “เศรษฐกิจไทยตอนนี้เหมือนพายุที่ไม่เคยหมุน”
นอกจากนี้ นายจตุพรยังกล่าวถึงกรณีการคอร์รัปชันในประเทศไทย โดยเปรียบเทียบกับประเทศเวียดนามที่สามารถเอาผิดนักธุรกิจระดับชาติได้ถึงขั้นประหารชีวิต แต่ในประเทศไทยยังจมอยู่กับ “ระบบใต้โต๊ะ” และติดอันดับความโปร่งใสเพียงลำดับที่ 107 ของโลก
สำหรับบทบาทของฝ่ายค้าน เขาชี้ว่า “ฝ่ายค้านวันนี้ไร้น้ำยา ตรวจสอบรัฐบาลเพียงผิวเผิน เสมือนแสดงละคร อภิปรายเสร็จก็กลับบ้าน ไม่มีพลังในการตรวจสอบอย่างแท้จริง”
ท้ายที่สุด นายจตุพรเตือนว่าประเทศไทยกำลังกลายเป็นศูนย์กลางฟอกเงินผ่านระบบพนันออนไลน์ที่เชื่อมโยงกับต่างชาติ โดยเฉพาะกัมพูชา พร้อมทิ้งท้ายว่ หากคนไทยยังไม่สามารถปลุกจิตสำนึกรักชาติให้เกิดขึ้นได้อย่างจริงจัง ประเทศจะยังคงอยู่ในวังวนของผลประโยชน์และอิทธิพลภายนอกต่อไปอย่างไม่รู้จบ