xs
xsm
sm
md
lg

"ฮุน-ชิน” สองตระกูลอำมหิต เบื้องหลังอุ้มหาย “ต้าร์ วันเฉลิม”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เปิดสายสัมพันธ์อำมหิตตระกูล “ฮุน-ชิน” ที่มี “เคลียง ฮวด” เป็นโซ่ข้อกลาง กับเบื้องหลังการหายตัวไปของ “ต้าร์ วันเฉลิม” การลอบยิง “ลิมกิมยา” นักการเมืองฝ่ายค้านเขมรตายอย่างอุกอาจใจกลาง กทม. รวมทั้งการชุบเลี้ยงมือปืนผู้ต้องหายิง “สนธิ สนธิลิ้มทองกุล” ทำให้กัมพูชากลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน ใครจะฆ่าใคร สั่งเก็บใคร ก็หนีไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขอยู่ที่นั่น



ข้อมูลจากรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก” โดย สนธิ ลิ้มทองกุล วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม 2568

สายสัมพันธ์ระหว่างตระกูล “ฮุน” ของนายฮุนเซน ผู้มีอำนาจสูงสุดในกัมพูชา กับตระกูล “ชินวัตร” ของนายทักษิณ ชินวัตร เจ้าของพรรคเพื่อไทยและผู้อยู่เบื้องหลังนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นเรื่องที่หลายคนรู้หลายคนทราบ แต่ประเด็นนี้มากระจ่างแจ้งยิ่งขึ้นเมื่อเกิดกรณีการปล่อย “คลิปลับ 17 นาที” ระหว่างหลานอุ๊งอิ๊ง กับ อังเคิลฮุนเซน เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา จนกลายเป็นวิกฤตการณ์ทางการเมืองครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา


คลิปลับชิ้นนี้ไม่เพียงเป็นบทพิสูจน์เฉพาะความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่าง ทักษิณ-อุ๊งอิ๊ง-ฮุนเซน, ความสัมพันธ์ฉันญาติระหว่าง ตระกูลชินวัตรกับตระกูลฮุน เรื่อยไปจนถึงการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างสองตระกูล โดยพ่วงเอาผลประโยชน์ และอธิปไตยของชาติเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอย่างน่ารังเกียจที่สุด

คลิปดังกล่าวยังถือเป็นการเปิดเผยตัวตนอย่างเป็นทางการของ “พี่ฮวด” หรือ “นายเคลียง ฮวด” ในฐานะล่าม และโซ่ข้อกลางที่เชื่อมระหว่างตระกูลชินกับตระกูลฮุนเข้าด้วยกัน อันสะท้อนให้เห็นถึงสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น รวมถึงการใช้งานบุคคลผู้นี้เพื่อทำงานต่างๆ ให้ ไม่เพียงเฉพาะงานล่าม ติดต่อสื่อสารแปลไทย-เขมร, เขมร-ไทย แต่ยังรวมไปถึง งานบนดิน งานใต้ดิน งานความมั่นคง การติดต่อประสานงานเพื่อดูแลพรรคพวก รวมถึงจัดการบุคคลต่างๆ ที่เป็นปฏิปักษ์ อันกินความเรื่อยไปถึงการบ่อนเซาะความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศด้วย


กรณีอุ้มหาย “ต้าร์ วันเฉลิม”

วันที่ 4 มิถุนายน 2563 เมื่อ 5 ปีที่แล้ว วันสุดท้ายที่ใครบางคนเห็น “ต้าร์” วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ เขาถูกอุ้มจากหน้าคอนโดมิเนียมในเขตโจรยจังวา กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ที่ชื่อ “แม่โขง การ์เดนส์ (Mekong Gardens)” โดยขณะเกิดเหตุนั้นเขากำลังคุยโทรศัพท์กับพี่สาว สิตานัน ซึ่งเสียงสุดท้ายที่พี่สาวได้ยินเป็นเสียงพูดภาษากัมพูชา ที่แปลได้ว่า “ช่วยด้วย ช่วยด้วย หายใจไม่ออก” และสายก็ตัดไป หลังจากนั้นได้มีคลิปจากกล้องวงจรปิดที่เห็นรถยนต์ขับออกไปจากบริเวณนั้นเผยแพร่ออกมา


พี่สาวของ “ต้าร์ วันเฉลิม” เคยยืนยันกับทีมงาน “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ว่าคอนโดมิเนียมที่ต้าร์อยู่ น้องชายเคยบอกว่าเจ้าของคือ “นายเคลียง ฮวด” แต่ต่อมาเมื่อครอบครัวไปสืบตามเอกสารทะเบียนของกัมพูชาแล้วมีชื่อเจ้าของเป็นชายชาวกัมพูชาสัญชาติแคนาดา ซึ่งก็อาจจะเป็นนอมินีของ “นายฮวด” ก็เป็นได้

แม้จะมีพยาน และภาพหลักฐานจากกล้องวงจรปิด แต่ทางหน่วยตำรวจแห่งชาติกัมพูชาก็ปฏิเสธที่จะดำเนินการสืบคดีการหายตัวไปของ “ต้าร์ วันเฉลิม” โดยอ้างว่าไม่รู้เห็นเกี่ยวข้องใดๆ ถึงการหายตัวไปในกรุงพนมเปญของวันเฉลิม

“เราไม่รู้อะไรเลย จะให้เราไปสืบสวนอะไร” โฆษกตำรวจแห่งชาติกัมพูชาเผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีหลังเกิดเหตุ

นับจากวันนั้นถึงวันนี้ เวลาผ่านไป 5 ปีไม่มีใครรู้ว่า “ต้าร์ วันเฉลิม” อยู่ที่ไหน หรือยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?

“ต้าร์ วันเฉลิม” ที่ถูกอ้างอิงว่าเป็นนักกิจกรรมเยาวชน, นักสื่อสารเพื่อประชาธิปไตย (โดยเป็นแอดมินเพจ "กูต้องได้ 100 ล้านจากทักษิณแน่ๆ") หลบหนีออกจากประเทศไทยภายหลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 โดยมีรายงานว่าเขาย้ายที่พำนักไปหลายประเทศ เช่น ประเทศลาว ก่อนลงหลักที่ประเทศกัมพูชา


ที่นั่นเขาทำงานร่วมกับ “พี่ฮวด” โดยเป็นคนประสานงานให้คนในเครือข่ายพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่ดูแล และประสานงานผู้ลี้ภัยคนเสื้อแดง เช่น นายจักรภพ เพ็ญแข, นายจอม เพชรประดับ ไปจนถึงเก็บข้อมูลข่าวสารของ IO รัฐบาล คสช. โดย “ต้าร์ วันเฉลิม” นั้นเป็นคีย์แมนคนไทยของ “ทักษิณ-โอ๊ค พานทองแท้-พรรคเพื่อไทย” ถึงขั้นที่ว่ามีการทำพาสปอร์ตกัมพูชาให้ “ต้าร์ วันเฉลิม” เพื่อใช้สามารถบินไปหาทักษิณที่ดูไบ, ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ที่ประเทศสิงคโปร์ได้แบบสะดวกโยธิน

นอกจากนี้ “ต้าร์ วันเฉลิม” ยังเคยเป็นทีมงานคนสำคัญของ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” สมัยที่เป็น รมว.คมนาคม

"ต้าร์ วันเฉลิม" เกิดเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2525 เป็นชาวอำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ครอบครัวมีพี่น้อง 4 คน เขาเป็นลูกคนที่ 2 จบการศึกษาจากโรงเรียนเบ็ญจมมหาราช จ.อุบลราชธานี และคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง


เคยเป็นผู้ประสานงานศูนย์กิจกรรมเยาวชนเพื่อชุมชนและสังคม ทำงานกับ สสส., มีความเชี่ยวชาญเรื่องการใช้สื่อ คลิปวิดีโอ และโซเชียลมีเดีย, เคยทำงานกับสถาบันเยาวชนเพื่อไทย พรรคเพื่อไทย พอปี 2555-2556 ก็เข้าไปเป็นทีมงานหาเสียงคนรุ่นใหม่ของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เพื่อลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในนามพรคเพื่อไทย แต่พ่ายแพ้ให้กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ตัวแทนจากพรรคประชาธิปัตย์ ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2556

ในช่วงการประท้วงการเมืองปี 2557 “ต้าร์ วันเฉลิม” ยังทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการด้านเผยแพร่ข่าวสารและประชาสัมพันธ์ โดยการแต่งตั้งของรองนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบ


เป็นที่ทราบกันดีว่าก่อนหลบหนีออกจากประเทศไทยภายหลังการรัฐประหาร "ต้าร์" วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ เคยถูกพรรคเพื่อไทยส่งตัวไปทำงานให้กับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในสมัยที่นายชัชชาติดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ช่วงปี 255-2557 ในยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รวมถึงทำงานให้ นายปลอดประสพ สุรัสวดี ซึ่งดำรงตำแหน่งรองนายกฯ ในสมัยนั้นด้วย


ด้านนายชัชชาติเองยืนยันในเรื่องนี้บอกว่า ต้าร์เป็นอาสาสมัครคนรุ่นใหม่ที่มาช่วยทำโซเชียลมีเดีย โดยสมัยเมื่อ 10 ปีก่อนตนยังใช้โซเชียลมีเดียไม่ค่อยเป็น

ผลงานสำคัญของ “ต้าร์ วันเฉลิม” ที่ทำให้ชัชชาติโด่งดังเป็นพลุแตก คือภาพนายชัชชาติถือถุงแกง เดินเท้าเปล่าเข้าวัดบูรพาราม จังหวัดสุรินทร์ขณะไปตรวจราชการเมื่อปี 2557 และการปั่นกระแสว่าชัชชาติคือ “รัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี”


เมื่อปี 2566 ในงานร่วมรำลึกวันเกิด 41 ปี ต้าร์ วันเฉลิม ที่หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพ นายชัชชาติซึ่งไปร่วมงานด้วยให้สัมภาษณ์ว่า “เจอต้าร์เมื่อ 10 ปีก่อน ต้าร์เป็นเด็กหนุ่มที่มีพลัง หน้าตายิ้มแย้ม ไม่เคยเห็นโกรธใครเลย เขาจะหัวเราะยิ้มๆ สิ่งที่เขาทำได้ดี ไม่มีปัญหาเลยนะ ทำได้ดี ช่วยเราดู เวลาผมทำเฟซบุ๊กก็จะมีทีมงานหลายคน คนรุ่นใหม่ คนอายุเยอะ ก็ช่วยกันดูเนื้อหาว่าเหมาะสมไหม”

“บางทีเขาก็ช่วยถ่ายรูป รูปที่ผมถือถุงแกง มีคนบอกว่าต้าร์เป็นคนถ่าย แต่ผมก็ไม่ได้ถามเขานะ เพราะตอนนั้นมีคนมาโพสต์ เราก็ไม่ได้ไปถามนะว่าใครถ่าย ถ้าต้าร์เป็นคนถ่ายก็ต้องขอบคุณต้าร์ด้วย ถ้าเกิดเจอตัวเขาจริงๆ ก็อยากถามว่า ต้าร์ถ่ายรูปนั้นจริงๆ รึเปล่า ก็เป็นส่วนหนึ่งในความประทับใจ”



“คิดถึงต้าร์นะครับ วันนี้เป็นวันเกิดของเขา ถ้าเขาอยู่ตอนนี้ก็เป็นคนหนุ่มที่มีพลังที่น่าจะมาช่วยกันทำให้ประเทศชาติดีขึ้นได้ จริงๆ แล้วไม่มีใครเลย ไม่มีข้อกล่าวหาไหนที่รุนแรงที่ต้องทรมานหรือทำให้คนสูญหาย อันนี้ยืนยัน”

“วันนี้นอกจากรำลึกถึงต้าร์ เราต้องรำลึกถึงคนจำนวนมากที่หายสาบสูญไป เขาอาจจะถูกกล่าวหาอะไรก็ตาม แต่ไม่มีอะไรรุนแรงที่เขาต้องถูกสูญหาย ทุกคนมีโอกาสต้องพิสูจน์ตัวเอง เพราะมันเป็นเพียงแค่ข้อกล่าวหา ก็เป็นกำลังใจให้ทุกคน ก็หวังว่าเราคงระลึกถึงต้าร์ และระลึกถึงคนอื่นด้วยที่ประสบกับชะตากรรมต่างๆ”
นายชัชชาติกล่าว


กลับมาถึงเหตุการณ์ภายหลังการรัฐประหาร 2557 และการหลบหนีไปอยู่ที่ประเทศกัมพูชา ต้าร์ วันเฉลิม ก็ยังทำงานด้านเป็นจักรกลสำคัญในการทำสื่อโซเชียล และสงครามข่าวสารข้อมูล หรือไอโอ ให้กับทางกลุ่มนายทักษิณ, นายโอ๊ค พานทองแท้ บุตรชาย และพรรคเพื่อไทย อยู่

หลายครั้งที่คลิป แชต หรือข้อมูลลับหลุดออกจากเพจต่อต้านรัฐบาล ต้นทางคือเขา หลายคนรู้ว่า “ต้าร์ วันเฉลิม” ทำงานให้กับอดีตรัฐมนตรีบางคน มีเงินเดือน มีคอนโดฯ ให้อยู่ มีแม่บ้านดูแล

ที่กัมพูชา หน้าที่หลักของ “ต้าร์ วันเฉลิม” คือดูแลผู้ลี้ภัยจากไทยในฝั่งเขมร แต่ก่อนที่เขาจะถูกอุ้มไม่กี่วัน มีตำรวจไทยบุกไปที่บ้านแม่ของเขาที่อุบลราชธานี ถามหาตัววันเฉลิม พี่สาวของเขา “สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์” โทร.ไปบอก และวันเฉลิมก็ด่ากลับแบบดุเดือดผ่านหน้าเฟซบุ๊ก ไม่กี่วันหลังจากนั้นเขาก็หายตัวไป


“ในคอนโดฯ ‘แม่โขง การ์เดน (Mekong Gardens)’ ที่กัมพูชา ต้าร์อยู่​ห้องชั้น​ 8 หันหลังให้ถนนใหญ่​ ไม่หันหลังให้แม่น้ำ​ ปกติ ต้าร์จะอาศัยอยู่กับบรรดาผู้ลี้ภัย​อื่นๆ​ ในห้องของตัวเอง​ ซึ่งคนไทยที่หลบภัยที่ได้มาอยู่คอนโดฯ นี้จะต้องเป็นพวกคนสำคัญ​ คือ​ตัวเอ้เกรดเอ เพราะมีความเคลื่อนไหว​ทางการเมืองตลอด​ และมีความเกี่ยวข้อง​กับนักการเมืองในไทยเสมอๆ" ผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ หง เฉินซาน (Hong Chenshan) เปิดเผยตั้งแต่เกิดเหตุใหม่ๆ เมื่อปี 2563 และยังเล่าเพิ่มเติมด้วยว่า คอนโดฯ แม่โขง การ์เดนส์ เขตโจรยจังวา อยู่​ห่างจากใจกลางเมืองพนมเปญ​ประมาณ 11-12​ กิโลเมตร หากใครเคยไปพนมเปญ​จะรู้ว่าไม่ค่อยมีที่เที่ยว​มากนัก​


“เขตโจรยจังวา เป็น​ที่พิเศษ​อย่างหนึ่งคือ​ ตัดขาดจากใจกลางพนมเปญ​ เพราะเป็นเกาะขนาดใหญ่​ เชื่อมจากพนมเปญ​ด้วยสะพานเส้นเดียว​ จึงเป็น​ชัยภูมิ​ที่ดีในการหลบภัยของบรรดาเสื้อแดง

“ปากซอยหน้าคอนโดมิเนียมแม่โขง การ์เดนส์​ มีร้านมินิมาร์ท​ ที่เจ้าของพูดไทยได้​ “ต้าร์ วันเฉลิม” จะลงมาซื้อของประจำ​

“คนแถวนั้นคุ้นเคยกับคนไทยอย่างดี​ เพราะมีเยอะมาก​ หลายคนก็รู้​จักว่าเป็นเสื้อแดง​ เพราะคนเขมรหลายคนจำจากทีวีเสื้อแดงได้​ ยิ่งบางคนเป็นดาวแดงยิ่งจำได้ใหญ่​ ต้าร์จะชอบลงมาซื้อของที่มินิมาร์ท​ประจำ​ หน้าร้าน​จะมีร้านขายลูกชิ้น​ ต้าร์เคยคิดจะลงทุนเปิดร้านแถวนั้น"


ผู้เห็นเหตุการณ์​เล่าว่า ต้าร์ วันเฉลิม มาสั่งลูกชิ้นตรงหน้าคอนโดฯ​ แล้วก็นั่งกิน​ หลังจากนั้นก็เกิดเหตุ​ขึ้น​ โดย ต้าร์ถูกต่อยแล้วลากขึ้นรถ​ Toyota High Lander สีดำแล้วขับออกไปจากคอนโดฯ


จากคำให้การของบุคคลที่เคยเป็นนักธุรกิจรับเงินจากบ่อนฝั่งเขมรเล่าว่า ก่อน ต้าร์ วันเฉลิม จะหายไปไม่กี่วัน มีตำรวจ 3-4 นาย โทร.มาขอระดมทุน 20 ล้านบาท โดยบอกว่าจะไปทำภารกิจสำคัญที่ฝั่งโน้น คำถามคือ ภารกิจอะไร และทำไมหลังจากนั้นวันเฉลิมถึงหายไปอย่างไร้ร่องรอย ตำรวจนายนั้นถูกระบุชื่อจากหลายปากว่าเคยเกี่ยวพันกับบ่อนชายแดน

จุดสำคัญที่สุดที่พี่สาววันเฉลิมชี้ คือชื่อของนายเคลียง ฮวด ชายผู้ควบคุมพื้นที่เกิดเหตุในกรุงพนมเปญ เป็นผู้ใหญ่ในเครือข่ายฮุนเซน ถึงขั้นที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เคยไปพำนักอยู่ด้วย โดยชื่อของเขาปรากฏใน 2 คลิปสำคัญของอำนาจมืด

ฮุนเซน , แพทองธารและสามี กับ นายเคลียง ฮวด ในวันที่ฮุนเซนพาชมห้องพักที่เคยให้ ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์พักที่บ้านพนมเปญ
คลิปที่หนึ่ง เป็นล่ามในคลิปหลุดสนทนาระหว่างอุ๊งอิ๊ง-ฮุนเซนเมื่อระบุว่ามีการพูดคุยเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา

คลิปที่สอง ถูกเอ่ยชื่อในคลิปเสียงคำสั่งเก็บ “พรพนา” (นักเคลื่อนไหวชาวกัมพูชาฝั่งตรงข้ามกับฮุนเซน)

เพราะฉะนั้น โดยเนื้อแท้แล้ว พี่ฮวด หรือ เคลียง ฮวด จึงไม่ได้เป็นแค่ล่ามธรรมดาๆ แต่เป็นมือมืด มือจัดการ มือทำงานตามสั่งที่ควบคุมพื้นที่ในวันที่ต้าร์หายตัวไป และในคลิปเสียง “ฮุนเซน” ก็พูดชัดว่าใช้ “ฮวด” เป็นคนจัดการ ...ซึ่งถ้า “ฮวด” ไม่รู้เห็นก็คงไม่มีใครรู้แล้วในฝั่งนั้น


ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ฝั่งกัมพูชาไม่เคยดำเนินคดีอย่างจริงจัง แม้มีหลักฐานชัดว่า “ต้าร์ วันเฉลิม” พำนักอยู่ในกัมพูชา มีพาสปอร์ตที่ออกโดยรัฐ แต่กลับไม่มีการยอมรับ ไม่สืบสวน ไม่สรุปสถานะโดยข้อมูลเชิงลึกจากคนใกล้ชิดของ “ต้าร์” คือ ทั้งหมดทั้งมวลใครสั่งไม่รู้ แต่ “ฮวด” มีส่วนรู้เห็น และเกี่ยวข้องในการอุ้ม “ต้าร์ วันเฉลิม” ร้อยเปอร์เซ็นต์ ล้านเปอร์เซ็นต์!

ทั้งหมดนี้คือการ ยืดเวลาให้ครบ 10 ปี เพื่อหลุดพ้นจากพันธะทางกฎหมายและตัดโอกาสไทยเข้าไปสอบสวนคดีนี้ได้อีก

สิ่งที่เจ็บปวดสำหรับครอบครัว ไม่ใช่แค่การหายไปของวันเฉลิม แต่คือความเงียบของคนที่เคยใกล้ชิด พรรคเพื่อไทย ที่ครั้งหนึ่งใช้เขาในภารกิจลับ ไม่เคยส่งตัวแทนแสดงความเสียใจอย่างเป็นทางการ ไม่เคยชี้ทางให้ว่าครอบครัวจะสามารถตามหา “ต้าร์ วันเฉลิม” ได้อย่างไรบ้าง, ส่วนบรรดาเพื่อนในวงการสื่อ นักข่าวที่วันเฉลิมเคยดูแล ก็เงียบ ได้แต่โบ้ยว่าเป็นฝีมือ “ทหาร” หรือพยายามโยง “บุคคลใกล้ชิดสถาบันเบื้องสูง” บ้าง ทั้งๆ ที่ไม่มีหลักฐานใดๆ เชื่อมโยงเลยแม้แต่น้อย

คนอย่าง “ต้าร์ วันเฉลิม” ถูกอุ้มกลางเมืองหลวงของประเทศเพื่อนบ้าน ในยุคที่ไทย-เขมร ยังมีสัมพันธ์ทางการเมืองแน่นแฟ้น ตำรวจ, บ่อน, เงิน, เคลียง ฮวด, คลิปเสียง IO พรรคการเมือง ทั้งหมดนี้คือชิ้นส่วนที่คนในครอบครัวเขารวบรวมมาด้วยตัวเอง เงียบ ๆ ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา

วันนี้เรายังไม่รู้ว่าใคร ฆ่า “ต้าร์ วันเฉลิม” ทั้ง ๆ ที่พรรคเพื่อไทยก็กุมอำนาจการบริหารในรัฐบาลมาสองปีกว่าแล้ว ตั้งแต่หลังการเลือกตั้งปี 2566 ส่วนนายชัชชาติที่สารภาพว่าทำงานใกล้ชิดกับ “ต้าร์ วันเฉลิม” ตั้งแต่ทำงานที่พรรคเพื่อไทย จนถึงวันนี้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมาก็เกือบครบวาระแล้ว แต่ก็ยังคงไม่สามารถค้นหาความจริงเกี่ยวกับ “ต้าร์ วันเฉลิม” อดีตทีมงานที่นายชัชชาติเคยยืนยันว่ารู้จัก และประทับใจได้

เพราะฉะนั้น เรื่องนี้จึงเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าคนที่อยู่เบื้องหลังการหายไปของ “ต้าร์ วันเฉลิม” นั้นจริงๆ แล้วน่าจะเกี่ยวพันคนในตระกูลชิน และตระกูลฮุน ซึ่งใกล้ชิดและใช้งาน “พี่ฮวด” หรือ “เคลียง ฮวด” อย่างลึกซึ้ง


ใครคือ “พี่ฮวด”

พี่ฮวด หรือ เคลียง ฮวด (สะกดด้วยภาษาอังกฤษว่า Khliang Huot) ปัจจุบันอายุประมาณ 50 กว่าปี มีตำแหน่งเป็น ผอ.เขตโจรยจังวา (ที่ตั้งของคอนโดฯ แม่โขง การ์เดนส์ ที่พักของ “ต้าร์ วันเฉลิม” และกลุ่มผู้ลี้ภัยเสื้อแดง) และรองนายกเทศมนตรีเมืองพนมเปญ

“เคลียง ฮวด” เป็นบุคคลที่ตระกูลชินวัตร และคนที่ทำงานใกล้ชิดนายทักษิณ รู้จักกันดี เรียกกันอย่างสนิทสนมว่า “ผอ.ฮวด” สถานะเป็นเหมือนเลขาฯ ส่วนตัว เป็นผู้ช่วยใกล้ชิดของฮุนเซนตั้งแต่สมัยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา และรับหน้าที่ติดต่อประสานงานในเรื่องที่เกี่ยวกับประเทศไทย เนื่องจากพูดและฟังภาษาไทยได้คล่องแคล่วมาก


ผอ.ฮวดรู้จักและสนิทกับนายทักษิณ ด้วย เคยช่วย นายทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ขณะหลบหนีคดีอยู่ในต่างประเทศ คอยประสานงานเรื่องต่าง ๆ ให้อย่างใกล้ชิด และเป็นล่ามให้ทั้งสองฝ่าย คือ ฝ่ายของฮุนเซน และฝ่ายของตระกูลชินวัตร ด้วยเหตุนี้ “ผอ.ฮวด” จึงเป็นบุคคลที่ ฮุน เซน ใกล้ชิดและไว้ใจมาก มักจะปรึกษาหารือและสอบถามหลายเรื่องๆ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับประเทศไทย

คลิปเสียง “ฮุน เซน” คุย “เคลียง ฮวด” หลักฐานโยงอุ้ม “ต้าร์ วันเฉลิม”

สัปดาห์ที่แล้ว วันพุธที่ 25 มิถุนายน 2568 “เจน” สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวของนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พร้อมด้วย นางสาวพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม และนางสาวประกายดาว พฤกษาเกษมสุข เดินทางไปที่สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อยื่นหลักฐานเพิ่มเติมกรณีการหายตัวไปของนายวันเฉลิม


“เจน สิตานัน” กล่าวว่า วันนี้มายื่นหนังสือ และหลักฐานเทปของสำนักข่าวต่างประเทศที่เปิดเผยการสนทนาระหว่างสมเด็จฯ ฮุนเซน กับนายเคลียง ฮวด และมีภาพบุคคลที่นายวันเฉลิมคุยไว้ในแอปพลิเคชันว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐตาม และตอนนี้ 5 ปีผ่านมาแล้ว ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลย ทั้งในสำนักงานอัยการสูงสุด ที่ยังไม่ได้ถูกสืบสวนสอบสวน และไม่ทราบว่าถึงขั้นตอนไหน และที่เรามายื่นทุกท่านคงทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ทราบว่ามีปัญหาภายในอะไร การที่เรามายื่นหนังสือจะมีปัญหาหรือข้อขัดข้องอะไร ซึ่งไม่ได้มีเจ้าหน้าที่ออกมารับแต่อย่างใด จึงอยากทวงถามกับรัฐบาลมาเมื่อคลิปออกมาชัดเจนมากและ ทางกัมพูชาก็รับว่านายวันเฉลิมหายไปจากกัมพูชา ทั้งนี้ไทยได้ลงนามในอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการบังคับให้หายสาบสูญ (CED)

พี่สาวของต้าร์ วันเฉลิม บอกว่า สำหรับหลักฐานที่ยื่นเพิ่มเติมในวันนี้มีความชัดเจนมาก เพราะมีภาพของนายวันเฉลิม กับนายเคลียง ฮวด แต่ประชาชนทั่วไปก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าเจ้าหน้าที่รัฐไทย กับเจ้าหน้าที่รัฐกัมพูชา มีการทำสัญญา หรือดีลลับอะไรไว้ จึงเป็นเหตุให้เรามาทวงถามเรื่องนี้ และอย่างที่รู้ว่านายเคลียง ฮวด สนิทสนมกับใคร การส่งเครื่องบินเจ็ตไปรับเพื่อรับประทานอาหารร่วมกัน และไปร่วมงานแต่งงาน บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ของรัฐบาลกับนายเคลียง ฮวด มากแค่ไหน


เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วหลักฐานที่ทางพี่สาวมีนั้นพอจะเอามัดตัว เอาผิดได้หรือไม่ ? พี่สาวของวันเฉลิมตอบทันทีว่า “ถ้าถามจริง ๆ ทุกคนฟังคลิปแล้ว และมีรูปภาพระหว่างต้าร์กับฮวดที่อยู่ที่กัมพูชาแล้ว ถ้าถามคนทั่วไป มันก็น่าจะบ่งชัด ชัดมากๆ เลยล่ะค่ะ แต่อย่างที่บอกว่าเจ้าหน้าที่รัฐไทยกับกัมพูชาทำสัญญา หรือดีลลับอะไรไว้ ซึ่งเราประชาชนไม่รู้เหมือนกัน นี่แหละค่ะที่เราอยากจะมาทวงถามอันนี้ค่ะ”

นอกจากนี้ พี่สาวของวันเฉลิมยังย้ำด้วยว่า ความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างนายฮวด กับ ไทย (ตระกูลชินวัตร) นั้นบ่งบอกให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันใกล้ชิดมากระหว่าง นายฮวด กับรัฐบาลไทยที่นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร

“เจน สิตานัน” กล่าวถึงกรณีคลิปเสียงการสนทนาระหว่างนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฯ ฮุนเซน ว่า ต้องขอบคุณคุณอุ๊งอิ๊ง และคนที่ปล่อยคลิปเสียงดังกล่าว เรารู้สึกว่าตลอดเวลา 5 ปีที่ผ่านมาเราท้อแท้มาก ที่หน่วยงานของรัฐไทยปฏิเสธการดำเนินคดี หรือช่วยเหลือญาติผู้เสียหาย


วันนี้ขอบคุณที่ได้ยินเสียงของนายกรัฐมนตรีเรียกว่า “พี่ฮวด“ มันทำให้เรารู้เลยว่าความสัมพันธ์ของเขาอยู่ระดับไหน ซึ่งเรารู้มาก่อนแล้ว รวมถึงสาเหตุที่นายวันเฉลิมได้ลี้ภัยไปอยู่ประเทศกัมพูชาอย่างสบายนั้น เป็นเพราะใคร พร้อมย้ำว่าขอบคุณนายกรัฐมนตรี ที่ทำให้มีคลิปเสียงดังกล่าวหลุดออกมา

นางสาวพรเพ็ญ กล่าวว่า ข้อมูลหลักฐานเหล่านี้เคยยื่นไปแล้วที่กัมพูชา หวังว่านายวันเฉลิมเป็นพลเมืองไทย แต่หน่วยงานถ้ายังไม่ยอมรับข้อเท็จจริงตรงนี้ แม้จะมีหลักฐานที่สามารถนำมาเชื่อมโยงกันได้ชัดเจน ว่าบุคคลสำคัญที่มีหน้าที่ดูแลผู้ที่คนอพยพลี้ภัย หรือผู้ที่รับผลกระทบจากการปราบปรามคนเสื้อแดง ไปอยู่กัมพูชาจำนวนหลายร้อยคน คลิปเสียงที่เผยออกมาแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ดี และในเมื่อเวลาที่เขาไม่ดีต่อกันแล้ว กลับยังไม่เห็นฝ่ายไหน โดยเฉพาะไทย ออกมาค้นหาความจริง ว่าเป็นการกระทำของฝ่ายใดหรือเป็นการร่วมกันกระทำ

จากคลิปที่เห็นเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ ที่รัฐบาลไทยควรหยิบจับขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ตัวเล็กตัวน้อย หรือระดับนโยบายหรือฝ่ายใดมาอุ้มใครก็ได้ หายไปโดยที่ไม่มีคำตอบให้ญาติ


เมื่อเปรียบเทียบกรณีของ นายวันเฉลิม กับนายลิม กิมยา อดีตฝ่ายค้านกัมพูชาที่ถูกลอบสังหารที่ประเทศไทย นางสาวพรเพ็ญ กล่าวว่า ช่องว่างที่ทำให้ลิม กิมยา มาเสียชีวิตในประเทศไทย แสดงถึงความอุกอาจ และไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายไทย เพียงเพื่อกำจัดผู้เห็นต่างของกัมพูชา เขาได้ทำลายเรื่องการท่องเที่ยว กฎหมาย และการคุ้มครองประชาชนในประเทศไทย และเมื่อเทียบกับกรณีของนายวันเฉลิม ความเหมือนคือความรับผิดชอบไม่พ้นไปจากรัฐบาลไทย แม้จะปฏิเสธแค่ไหน

วันนี้ความจริงเรื่องการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของคนทำงานของพรรคเพื่อไทย คนเสื้อแดง ที่หนีไปอยู่กัมพูชาอย่างนายต้าร์ วันเฉลิม ก็เริ่มปรากฏชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ พี่สาวก็ออกมาพูดเอง และยื่นเรื่องร้องเรียนไปถึงอัยการสูงสุดแล้ว โดยตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะเกี่ยวพันกับนายเคลียง ฮวด หรือ พี่ฮวด ตามที่ นายกฯ แพทองธารเรียก นักการเมืองกัมพูชาคนใกล้ชิดของทั้งตระกูลชินวัตร และฮุนเซน

ถามว่าแล้วหลายปีที่ผ่านมาๆ ที่แกนนำของพรรคเพื่อไทย/พรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล และพรรคประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นายรังสิมันต์ โรม รวมไปถึง ช่อ พรรณิการ์ วานิช ออกมากล่าวหาคนอื่นมั่วๆ ว่าเจ้าหน้าที่รัฐไทย ทหารไทย สถาบันเบื้องสูงว่า เรื่องหมิ่นสถาบัน มาตรา 112 นั้นเกี่ยวข้องกับการอุ้มหาย “ต้าร์ วันเฉลิม” ในกัมพูชา จะออกมารับผิดชอบยังไง?


เพราะวันนี้คนถูกอุ้มหาย คนอุ้ม คนสั่งการ รวมไปถึงคนเบื้องหลัง จริงๆ ก็เป็นคนคุ้นเคยกันเองทั้งนั้น พวกเสื้อแดง เสื้อส้ม พวกสามนิ้ว เกี่ยวข้องกับตระกูลชินวัตร ตระกูลฮุน แล้วคุณจะโบ้ยใครอีก?

นี่ยังไม่นับว่าคนที่สั่งการให้ฆ่า นายลิม กิมยา อดีต ส.ส.ฝ่ายค้านของกัมพูชา ที่แถววัดบวรนิเวศ บางลำพู เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2568 ยังคงลอยนวล เพราะค่อนข้างชัดเจนว่าเรื่องนี้มีการวางงานกันมาตั้งแต่เขมร เพราะจากข้อมูลคือ นายลิม กิมยา ถูกล็อกเป้าสังหารมาตั้งแต่ขึ้นรถทัวร์ที่เขมรแล้ว โดยมีคนชี้เป้าชื่อ นายคิมสริน พิช อายุ 24 ปี ชาวกัมพูชา

แผนสังหารอดีต ส.ส.ฝ่ายค้านของกัมพูชา นายลิม กิมยา อย่างอุกอาจใจกลางกรุง นับว่าเตรียมการมาอย่างดี

มีทั้งมือปืนไทย ที่เคยเป็นอดีตจ่าทหารเรือ สามารถลงมือสังหารเอง ขี่มอเตอร์ไซค์หนีเอง


มีทั้งคนชี้เป้าคนเขมร ที่ตามประกบเป้าสังหาร ไปไหนไปด้วย ตั้งแต่กัมพูชามาถึงกรุงเทพฯ

มีทั้งรถกระบะและคนขับ พามือปืนไปส่งชายแดนที่ จ.สระแก้ว, มีทั้งคนพาหนีออกตามช่องทางธรรมชาติ ไปสู่อิสรภาพที่ประเทศกัมพูชา

ขณะที่ “คนชี้เป้า” ชาวเขมร คือ นายคิมสริน พิช นั้นพฤติกรรมคือนั่งรถโดยสารคันเดียวกันกับ นายลิม กิมยา ในลักษณะตามประกบมาแต่ต้นทาง พอถึงปลายทาง บริเวณข้างวัดบวรฯ ก็เดินมาส่งซิกกับมือปืนคือ “จ่าเอ็ม” ให้ตามมาจ่อยิงนายลิม กิมยา แบบไม่ผิดตัว


จากนั้น นายพิชก็หนีกลับประเทศกัมพูชาทันที ในค่ำวันเดียวกัน ด้วยสายการบินสกายอังกอร์ ขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยทั้งสองผู้ต้องหามีหลักฐานมัดตัวเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดคมชัด

เนื่องจากทีมสังหาร เป็นการลงมือร่วมกันระหว่างคนไทยกับคนเขมร คดีนี้จึงเป็นใบสั่งฆ่ามาจากฝั่งเขมรอย่างแน่นอน

ถามว่าถ้าไม่มีความร่วมมือจากผู้มีอำนาจทั้งฝั่งไทย กับฝั่งเขมร จะทำการอุกอาจ แล้วลอยนวลอย่างนี้ได้หรือ???

นอกจากนี้ ยังมีกรณีของ “ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ” หรือ นายอรรถพล ปาทาน เจ้าหน้าที่ศูนย์ข่าว กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด หนึ่งในมือยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล ในวันที่ 17 เมษายน 2552 ที่หนีเข้าไปอยู่ในกัมพูชาเป็นสิบปีแล้ว ไปทำงานก่อสร้าง แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น“ฉัตร”


อยากถามว่า “นายฮวด” รู้จักคนที่ชื่อ “ฉัตร” ที่ชื่อจริงคือ ส.ต.ท.วรวุฒิ หรือไม่

ใครอยู่เบื้องหลัง นายกฯ อุ๊งอิ๊ง ทักษิณ ชินวัตร นายฮุนเซน รู้หรือไม่? ...

หรือประเทศกัมพูชา เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน ใครจะทำร้ายใคร ฆ่าใคร สั่งเก็บใครก็ได้ อุ้มใครก็ได้ แล้วก็หนีไปใช้ชีวิตอย่างปกติสุขอยู่ที่นั่น

ประเด็นที่ต้องตั้งข้อสังเกต

หนึ่ง ถ้านายฮวดไม่รู้เรื่อง ฮุนเซนไม่ไฟเขียว “ต้าร์ วันเฉลิม” จะถูกอุ้มหายตัวอย่างไร้ร่องรอยกลางกรุงพนมเปญได้หรือ? คนนอก คนไทย เจ้าหน้าที่ไทยจะบุกเข้าไปถึงพนมเปญไปอุ้มวันเฉลิมเป็นไปไม่ได้?

สอง ถ้าฮุนเซนไม่รู้เรื่อง รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง ลูกสาวทักษิณ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย “ลิม กิมยา” ซึ่งเป็นนักการเมืองฝ่ายค้านเขมร สัญชาติฝรั่งเศส ฝ่ายตรงข้ามกับฮุนเซน จะถูกยิงแบบอุกอาจกลางกรุงเทพฯ คนร้าย คนชี้เป้าที่เป็นคนเขมร จะนั่งเครื่องบินกลับกัมพูชาจากสนามบินสุวรรณภูมิได้แบบสบายใจเฉิบหรือ? แล้วถ้าไม่เกี่ยวข้องทำไมรัฐบาลอุ๊งอิ๊งไม่เรียกร้องให้มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดน เอาตัวมาดำเนินคดีในเมืองไทย?

สาม ถ้าฮุนเซนไม่รู้เรื่อง ถ้านายฮวดไม่เกี่ยวข้อง ทำไม ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ หรือ นายอรรถพล ปาทาน จึงหนีไปทำมาหากิน รับเหมาก่อสร้างบ่อนอยู่ที่กัมพูชาได้เป็นสิบๆ ปี โดยเปลี่ยนชื่อเป็น “ฉัตร” ทั้งๆ ที่หมายจับในประเทศไทยก็มีอยู่ทนโท่


ทั้ง “ตระกูลชิน” กับ “ตระกูลฮุน” นั้นต้องเรียกว่าเป็นสองตระกูลอำมหิต ร่วมมือกันทั้งบนดิน และใต้ดิน กุมอำนาจรัฐ แล้วก็ใช้อำนาจมืดในการกำจัดคนเห็นต่าง แล้วก็โบ้ยว่าคนโน้นทำคนนี้ทำ ทหารทำ สถาบันทำบ้าง

“ผมถามคนอย่างคุณธนาธร คุณพิธา คุณเท้ง คุณช่อ คุณโรม คุณวิโรจน์ คุณชัชชาติ และสาวกสีส้มทั้งหลาย ที่จับมือกับ “พรรคเพื่อไทยกับตระกูลชินวัตรมีดีลกันอย่างลับๆ” ว่า กรณีตั้งแต่วันเฉลิม, ลิม กิมยา รวมถึงกรณีก่อนหน้าคือ ส.ต.ท.วรวุฒิ ที่ยิงผม ถ้าคุณสามารถเอาหูเอานาเอาตาไปไร่ ไม่เรียกร้องแสวงหาข้อเท็จจริงและความจริงบ้าง ถ้ากรณีการใช้อำนาจมืด อิทธิพลอำมหิตเช่นนี้เกิดขึ้นกับตัวคุณ น้องคุณ พี่คุณ ญาติคุณ พวกคุณอย่ามาเรียกร้องความเป็นธรรม ให้คนในสังคมช่วย เพราะตัวคุณเองก็ต้องจำเอาไว้ว่าพวกคุณก็ชั่วและอำมหิต ไม่แตกต่างกันเลย

“วันนี้เราได้เห็นหน้ากากที่แท้จริงโผล่ออกมาแล้ว และหน้ากากที่แท้จริงของพรรคประชาชน แกนนำพรรคประชาชน ไม่ว่าจะเป็นรังสิมันต์ โรม หรือ ช่อ-พรรณิการ์ ที่ถนัดในการใส่ร้ายป้ายสีผู้คนต่างๆ โยงไปจนถึงสถาบัน ในเรื่องที่ไม่เป็นความจริง วันนี้ก็เป็นอีกบทพิสูจน์อีกบทหนึ่งที่ผมนำมาให้ท่านผู้ชมได้เห็นกัน”
นายสนธิกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น